สองปีก่อน ขณะที่ข้าพเจ้าทำงานโดยตรวจรักษาผู้ป่วยที่ตึกผู้ป่วยนอก ได้มีหญิงพม่าอายุประมาณ 35 ปี รูปร่างผอม ผิวคล้ำ มาตรวจรักษาพร้อมกับเพื่อนอีกคนหนึ่ง จากการซักประวัติทราบว่าเธอคนนี้เป็นชาวพม่า เข้ามาทำงานรับจ้างหลายปี แต่ยังพูดไทยไม่ได้ ไม่มีบัตรต่างด้าว นายจ้างไม่รับผิดชอบเรื่องค่ารักษาพยาบาลเวลาเจ็บไข้ได้ป่วย ปัญหาของผู้ป่วยรายนี้ คือ จะมีอาการปวดและปัสสาวะลำบากทุกครั้ง เวลาปัสสาวะจะทำให้เธอทุกข์ทรมานมาก อาการเป็นมาหลายปี จากการตรวจและ X-Ray ทำให้ทราบว่า มีนิ่วขนาดเท่าไข่ไก่ใบใหญ่ๆอยู่ในกระเพาะปัสสาวะ ซึ่งสร้างความทุกข์ทรมานให้กับผู้ป่วยรายนี้ และจากการซักถามเพิ่มเติมทำให้เราได้ทราบว่า ผู้ป่วยรายนี้เคยไปตรวจรักษาที่โรงพยาบาลของรัฐบาลมาแล้วหลายครั้ง ครั้งสุดท้ายแพทย์ให้นอนโรงพยาบาลบอกว่าจะผ่าตัด ให้เตรียมตัวงดน้ำงดอาหารและขึ้นไปรอที่ห้องผ่าตัด แต่แล้วเธอก็ถูกเข็นกลับลงมาโดยที่ไม่ได้รับการผ่าตัด และให้กลับบ้านโดยที่เธอเองก็ไม่ทราบเหตุผลว่าทำไมถึงไม่ได้รับการผ่าตัด เธอจึงกลับไปทำงานพยายามเก็บเงินเป็นเวลา 2 ปี ซึ่งช่วงเวลานี้เองที่เธอต้องต่อสู้กับอาการปัสสาวะบ่อยและความเจ็บปวดเวลาปัสสาวะมาโดยตลอด จนเธอเก็บเงินได้ประมาณ 5,000 บาท เธอจึงขอความช่วยเหลือจากเพื่อนให้พาเธอมาตรวจ ซึ่งระยะทางจากบ้านพักมาถึงโรงพยาบาลมีระยะทางที่ไกลพอสมควรประมาณ 40 กว่ากิโลเมตร และจากการที่ได้ทราบข้อมูลทั้งหมด ประกอบกับเห็นสีหน้าและแววตาของผู้ป่วยรายนี้ บ่งบอกอย่างชัดเจนว่า กำลังอยู่ในช่วงที่มีความทุกข์ แต่แววตาของเธอก็ยังฉายแววแห่งความหวัง หวังที่จะได้รับการรักษาและหายจากโรคนี้ สิ่งนี้กระมังที่ทำให้ข้าพเจ้าตัดสินใจว่า จะต้องช่วยผู้ป่วยรายนี้ให้ดีที่สุด ข้าพเจ้าจึงนำเรื่องราวของผู้ป่วยรายนี้ไปปรึกษากับผู้บริหารของโรงพยาบาล คำตอบที่ได้รับก็คือ “หมอ หมอรักษาผู้ป่วยรายนี้ได้อย่างเต็มที่เลย ไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่าย”
ในที่สุดผู้ป่วยรายนี้ก็ได้รับการผ่าตัด การผ่าตัดผ่านพ้นไปด้วยดี วันที่ผู้ป่วยกลับบ้าน ข้าพเจ้าทราบดีว่าผู้ป่วยขอบคุณและรู้สึกอย่างไรกับโรงพยาบาล ถึงเธอจะพูดภาษาไทยไม่ได้ แต่สีหน้าและแววตาที่ใสซื่อของเธอก็ฉายแววแห่งความขอบคุณและซาบซึ้งใจเป็นที่สุดกับการช่วยเหลือในครั้งนี้ ข้าพเจ้าสัมผัสและรับรู้ได้ในทันทีที่เห็น จะมีโรงพยาบาลเอกชนสักกี่แห่งที่จะช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ที่ด้อยโอกาสเช่นนี้ และจะมีผู้บริหารโรงพยาบาลเอกชนแห่งใดที่จะเข้าถึงและมองเห็นความลำบากของเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน เฉกเช่นที่นี่ “โรงพยาบาลซานคามิลโล”
นายแพทย์มานัส รัตนโชคธรณี
โรงพยาบาลซานคามิลโล
นับเป็นเรื่องราวดีๆที่น่าประทับใจครับ การช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ได้ยากโดยเฉพาะด้านการแพทย์นับเป็นกุศลอันใหญ่หลวงนัก ซึ่งการแพทย์ไม่มีพรมแดนไม่มีชาติพันธุ์ ขอบคุณเรื่องราวดีๆครับ
ด้วยจิตคารวะ
นึกถึงความเป็นมนุษย์ และได้ช่วยเพื่อนมนุษยชาติ โดยไม่หวังเพียงเงิน ซาบซึ้งจริงๆค่ะ
เห็นด้วยค่ะว่าจะมีกี่ รพ.เอกชนที่ทำแบบนี้ การแพทย์ไร้พรมแดนและเชื้อชาติจริงๆ
ขอบคุณค่ะ