ครูพูดกันหนูเสมอ ๆ ว่า
เวลาใครมาพูดอะไร ให้ใช้ใจฟัง ไม่ว่าเราจะชอบใจ หรือ ไม่ชอบใจก็ให้ ตั้งใจฟัง
เหมือนครูบอกว่า "การที่เขาพูด หรือ สื่อสาร ไม่ได้มีเพียงถ้อยคำที่เขาเอ่ยเท่านั้น มีทั้งน้ำเสียง ภาษากายต่าง ๆ รวมถึง ความรู้สึกที่เขาคนนั้นสื่อออกมา"
มีครั้งหนึ่งที่พี่ที่ทำงานด้วยกันท่านมาคุยเล่นและเล่าประสบการณ์ชีวิตให้ฟัง ท่านเล่าไปเรื่อย ๆ ทำคิดถึงคำสอนครูว่า
“ให้ใช้ใจฟัง ฟังอย่างตั้งใจ ฟังว่าเขาต้องการสื่อสารอะไร”
หนูรู้สึกว่าพี่เขามีความเครียดบางอย่าง แต่การที่พี่เขาได้เล่าหรือพูดคุย ทำให้รู้สึกผ่อนคลายขึ้น มีตอนหนึ่งที่ท่านเล่าถึงประสบการณ์ทำงานแล้วหนูก็เอ่ยกับท่านว่า พึ่งมาเข้าใจ ชีววิทยาก็ตอนที่มาฟังท่านบรรยาย พี่เขารู้สึกเบิกบานขึ้น และเล่างานอดิเรกและชีวิตวัยเด็กและวัยเรียนซึ่งอยู่ในโรงเรียนประจำให้ฟัง
พอหนูได้ฟังแล้วทำให้ได้เรียนรู้ว่า
แบ่งชีวิตทำงานและท่องเที่ยวเป็นสัดส่วน ปี ๆ หนึ่งจะต้องไปเที่ยวต่างประเทศ มีมุมที่มองแตกต่างจากคนอื่น แต่ซื่อตรงกับความรู้สึกของตนเอง ท่านเล่าถึงประสบการณ์ที่เข้าสอบ
คัดตัวชีวโอลิมปิก ทำให้หนูรู้สึกว่าท่านมีความอดทนและพยายามทำอย่างเต็มที่เพื่อให้ได้ในสิ่งที่มุ่งหวัง
แต่พอเอ่ยถึงครอบครัวเสียงท่านจะเบาลง ท่านบอกว่าตั้งแต่ 9 ขวบ ท่านอยู่โรงเรียนประจำ จะกลับบ้านปีละ 1 ครั้ง เจอหน้าแม่ปีละครั้ง ซึ่งถือว่าเป็นธรรมดาของท่าน ฟังท่านแล้วหนูก็มองย้อนกลับมาที่ตนเอง
หนูก็กลับบ้านน้อยมากในสมัยเรียนปิดเทอมก็ไปเที่ยวบ้านเพื่อน เหมือนที่พี่ทำ พอหนูทำงานก็ไหล ห่างบ้านมาเรื่อย ๆ
แต่ก็รู้สึกว่า ยังขาดความอบอุ่นในใจ
ซึ่งสิ่ง ๆ นี้ก็รู้สึกว่าสัมผัสได้ในใจพี่เขา
แล้วหนูก็บอกตัวเองว่า
เฮ้ย ไปตัดสินพี่เขาแล้ว มีสิทธิ์อะไร ฟังเฉย ๆ
พอลองฝึกตนเองให้ฟังด้วยหัวใจ หนูก็รู้สึกว่า ได้เรียนรู้ว่า คนบางคน หรือ เรื่องเล่าบางเรื่อง เข้ามาเป็นกระจกสะท้อนใจเรา ให้ได้เรียนรู้และทบทวนในตนเอง ได้ทั้งความรู้ที่พี่เขาพูดออกมา ได้ทั้งความรู้สึกที่เราช่วยให้พี่เขารู้สึกผ่อนคลายจากความเครียด เหมือนยิงทีเดียวได้นกหลายตัวเลยค่ะ
กราบขอบพระคุณครูค่ะ
ไม่มีความเห็น