ภูสอยดาว |
||
สภาพทั่วไป ภูสอยดาวมีลักษณะภูมิประเทศเป็นภูเขาสลับซับซ้อน พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นภูเขา เป็นแหล่งต้นน้ำของลำน้ำปาด มีเทือกเขาภูสอยดาวทอดตัวจากทิศเหนือสู่ทิศใต้กั้นพรมแดนระหว่างไทย-ลาว ยอดภูสอยดาวมีความสูงจากระดับน้ำทะเล 2,102 เมตร ( อยู่ในเขตประเทศลาว ) สภาพป่ามีความอุดมสมบูรณ์ ประกอบด้วยชนิดของป่าสนเขา ป่าดิบเขา ป่าดิบชื้น ป่าดิบแล้ง ป่าเบญจพรรณและป่าเต็งรัง จึงทำให้มีลักษณะภูมิอากาศเย็นสบายตลอดปี ( ภูสอยดาวในเขตไทย หมายถึงลานสนซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของภูสอยดาว อยู่ที่ระดับความสูง 1,633 เมตร ) แต่ก่อนนั้นเคยมีคนเปรียบเทียบภูสอยดาวเป็นภูกระดึง2 ทั้งนี้เพราะว่าสภาพพื้นที่และป่าสนที่มีลักษณะคล้ายกัน แต่สิ่งที่ภูสอยดาวต่างกับภูกระดึงและเด่นกว่าคือสภาพป่าสนที่เป็นเนินสลับซับซ้อนให้บรรยากาศของการเดินเที่ยวบนภูได้มากกว่า อีกทั้งระยะทางการเดินเที่ยวบนภูยังไม่ไกล สามารถเดินชมโดยรอบเพียงวันเดียว แหล่งท่องเที่ยวต่างๆ บนภูอยู่ไม่ไกลกันไม่ว่าจะเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกซึ่งอยู่ห่างจุดตั้งแคมป์เพียง 10 นาที จุดชมพระอาทิตย์ขึ้นอยู่ห่างเพียง 30 นาทีโดยประมาณ ทุ่งดอกไม้มีอยู่ทั่วไปบนภูและมีมากที่สุดบริเวณจุดกางเต็นท์ ทุ่งดอกไม้บนภูมีหลายชนิดผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันออกดอกให้นักท่องเที่ยวได้ขึ้นไปชื่นชมตลอดฤดูฝนจนถึงช่วงต่อฤดูหนาว ลักษณะภูมิอากาศ ลักษณะภูมิอากาศเย็นสบายตลอดปี อุณหภูมิสูงสุด 35 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 13 องศาเซลเซียส อุณหภูมิเฉลี่ย 27 องศาเซลเซียส |
จุดที่น่าสนใจ ที่ภูสอยดาว
สถานที่ท่องเที่ยวในอุทยานแห่งชาติภูสอยดาว
1.
น้ำตกภูสอยดาว
มีความสูง 5 ชั้น มีน้ำไหลตลอดทั้งปี
น้ำตกอยู่ริมถนนลาดยางหมายเลข 1268 ข้างๆ ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว
ซึ่งเป็นจุดรวมพลก่อนเดินขึ้นสู่ภูสอยดาว
หากท่านใดไม่สะดวกขึ้นไปชมความงามบนภูก็สามารถแวะชมน้ำตก
ลงเล่นน้ำได้ตามสะดวกสบาย
2.
ลานสนสามใบ
พื้นที่บนยอดภูสอยดาวเป็นพื้นที่ราบสลับเนินเตี้ย
ทั่วทั้งพื้นที่ปกคลุมไปด้วยทุ่งหญ้าและป่าสนที่มีลักษณะเป็นป่าโปร่งเหมาะสำหรับเดินเที่ยว
พื้นที่บนยอดภูไม่กว้างใหญ่เหมือนกับภูกระดึงจึงทำให้เดินชมบรรยากาศบนยอดภูได้อย่างสบายๆ
ไม่เหนื่อยมาก
ตลอดเส้นทางมีดอกไม้ในทุ่งหญ้าออกดอกให้ชมอย่างสวยงาม
การเดินทางขึ้นไปชมลานสนภูสอยดาวต้องเดินขึ้นไป ระยะทาง 6.5
กิโลเมตร
3. ทุ่งดอกไม้ บนลานสนบนภูสอยดาวอุดมสมบูรณ์ไปด้วยทุ่งดอกไม้ป่ามากมายหลายชนิดผลัดกันออกดอกหมุนเวียนไปตามช่วงฤดูกาล ที่ขึ้นชื่อมากของที่นี่คือดอกหงอนนาค ดอกมีสีม่วงอ่อนมีขึ้นอยู่อย่างหนาแน่นที่สุดในประเทศไทย ดอกหงอนนาคจะทยอยออกดอกประมาณเดือนสิงหาคม-กันยายน เมื่อดอกหงอนนาคโรยไปก็จะมีดอกกุงผลิบานขึ้นมาทดแทน ดอกกุงเป็นดอกสีเหลืองเต็มทุ่งหญ้า จะออกดอกในช่วงปลายเดือนกันยายน-ตุลาคม นอกจากนี้ยังมีดอกไม้อื่นๆ มีมากมายหลายชนิด พันธ์ไม้ที่มีคุณค่าและหายากในแหล่งอื่นแต่หาชมได้ที่นี่คือ รองเท้านารีอินทนนท์ จะออกดอกประมาณเดือนพฤศจิกายนของทุกปี
4.
น้ำตก
บนภูนอกจากจะมีทุ่งดอกไม้สวยงามแล้วยังมีน้ำตกสวยๆ
หลายจุดให้นักท่องเที่ยวได้ชม แต่ละที่มีความงดงามไปคนละแบบ
สวยมากเหนื่อยมาก สวยน้อยเหนื่อยน้อยครับ
5.
วิวส์สวย
ภูสอยดาวเป็นภูเขายอดตัดคล้ายกับภูกระดึง
บริเวณขอบของภูเป็นเส้นทางเดินชมวิวส์ทิวทัศน์ที่สวยงาม
สามารถมองวิวส์ไกลๆ โดยไม่มีอะไรมาบดบังสายตา
เส้นทางเดินบนภูเป็นเส้นทางเดินเป็นวงรอบ
ระหว่างเส้นทางเป็นป่าสนและทุ่งดอกไม้ให้ได้ชมอย่างเพลิดเพลินโดยไม่เหนื่อยจนเกินไปเพราะมีระยะทางสั้น
6. ทะเลหมอก-
พระอาทิตย์ตก
จุดชมวิวส์พระอาทิตย์ตก และ ทะเลหมอก อยู่ใกล้ๆ
กับจุดกางเต็นท์
ใช้เวลาเดินจากจุดกางเต็นท์ไปยังจุดชมวิวนิดเดียว
ทำให้สะดวกสบายในการไปชม
ถึงแม้วันนั้นจะพลาดหวังในการชมภาพพระอาทิตย์ตกหรือทะเลหมอกที่สวยงาม
ก็ไม่ทำให้นักท่องเที่ยวเสียใจมากมายกับความตั้งใจดั้นด้นเดินไปไกลแสนไกลเหมือนกับการชมพระอาทิตย์ตกที่ผาหล่มสัก
ชมภาพทะเลหมอกที่ถ่ายอย่างออมมือดังภาพข้างล่าง
7.
บรรยากาศการแคมปิ้งที่สุดยอด
เป็นความประทับใจที่ไม่อาจจะบรรยาออกมาเป็นภาพได้กับการที่ได้ตั้งแคมป์พักแรมกลางลานสนที่เต็มไปด้วยดอกไม้ที่สวยงาม
กับบรรยากาศของความหนาวเย็น มีลำธารสายเล็กๆ
ข้างบริเวณจุดกางเต็นท์เป็นทั้งแหล่งน้ำดื่มและน้ำใช้สำหรับนักท่องเที่ยว
ในยามเย็นจะมีนักท่องเที่ยวลงไปอาบน้ำยังท้ายๆ ของลำธาร
ชายลงอาบด้านเหนือสายน้ำ หญิงอาบทางด้านท้ายสายน้ำ
เป็นบรรยากาศที่โรแมนติกท่ามกลางธรรมชาติ ข้อดีของที่นี่อีกอย่างคือ
ไม่มีทาก ทำให้เที่ยวได้อย่างสบายใจไร้กังวล
ไม่มีความเห็น