ราคะตัณหาเกาะกินใจแต่ไม่เคยมองเห็น


"รู้ไหมถ้าเราไม่ภาวนา เราจะเป็นโรคอะไร ฮีสทีเรียหน่ะ รู้จักไหม" เหมือนคำ ๆ นี้ ซ้ำก้องอยู่ในหนู แล้วใจเจ็บปวดมาก

หนูเป็นคนมีราคะตัณหามาก 

    มันยากมาก ๆ เลยที่หนูจะอดทนเขียนบันทึกนี้ แต่หนูต้องหัดยอมรับความจริง เพียงแค่การคุยโทรศัพย์ คำพูดไม่กี่ประโยค ใจหนูก็ไปตีความว่า เขามารักมาชอบ มาพึงพอใจ อย่างไม่รู้ตัว ซ้ำร้ายกว่านั้น ยังรู้สึกไม่พอใจ ที่เห็นครูคุยกับท่าน ทั้ง ๆ ที่เป็นเหตุการณ์ปกติ ในการสนทนาธรรม แต่จิตใจอันชั่วร้ายของหนูก็ไปตีความในด้านลบ มองผ่านกระจกอันมืด ๆ ดำ ๆ ในใจของตนเอง ทำให้สิ่งที่บริสุทธิ์ สว่างใส่ กลับมัวหมองเพราะใจหนูเอง

   แล้วผลที่เกิดขึ้นกับหนูนั้นก็เป็นความเศร้าหมองภายในใจ ภาวนาอย่างไรก็ไม่เจริญ จิตใจเศร้าหมอง ไม่มีแรง เพราะเพ่งโทษครูบาอาจารย์ บาปหนา รู้สึกอิจฉาท่าน พอท่านสั่งสอนโดยธรรมโดยชอบก็ต่อต้านดื้อดึง แต่ด้วยความเมตตาของท่าน ท่านพยายามหากลอุบาย วิธีต่าง ๆ เพื่อให้หนูหลุดจากการจมดิ่งอยู่ในอารมณ์เศร้าหมอง ทั้งพอคุยธรรมดา บีบคั้น กดดัน จนหนูรู้สึกจนตรอก ต้องพูดในสิ่งที่มันปรากฏขึ้นมาในใจ แว๊บแรก ก่อนที่จะมีการปรุงแต่ง ท่านช่วยพาดูสภาวะภายใน ท่านออกแรง ทั้งบีบคั้น บีบเค้น ตอนนั้นหนูเองก็เต็มไปด้วยความกลัว แต่พอโพล่งคำพูดออกมา แล้วท่านหัวเราะออกมาดัง ๆ แล้วบอกว่า

"เออ นี่แหละ สิ่ง ๆ นี้ มันอยู่ในกมลสันดาลของเราเลย" 

"มันคือ ราคะตัณหา ใจมันคอยแต่จะวิ่งตามคนโน่นที คนนี้ที ขอแค่เป็นตัวผู้ ต่อไปนะ หนัก ๆ เข้า มันเห็น มดตัวผู้เดินผ่าน  มันก็จะคิดว่า มดตัวนี้ต้องชอบเราแน่ ๆ เลย"

หนูฟังแล้วอึ้ง เหมือนมีเสียงระฆังดัง ๆ อยู่ในหัว ทั้ง ๆ ใจเบาลงจากแรงบีบคั้น แล้วค่อย ๆ มีความคิดเกิดขึ้น รู้สึกเศร้าหมอง รับไม่ได้ที่รู้ว่าใจตนเอง เป็นพวกชอบผู้ชายไม่เลือกหน้า พอเเวะซื้อของ หนูเริ่มนั่งซืม ไม่ค่อยมีสติ ครูจึงเดินมาสอนว่า

"รู้ไหมถ้าเราไม่ภาวนา เราจะเป็นโรคอะไร ฮีสทีเรียหน่ะ รู้จักไหม" เหมือนคำ ๆ นี้ ซ้ำก้องอยู่ในหนู แล้วใจเจ็บปวดมาก "โห ฉันจะเป็นโรคนี้เลยเหรอนี่ มันเลวร้ายมากเลย" จิตชั้ว ๆ ซ้ำเติมทันที แล้วครูก็เอ่ยต่อว่า "อย่างนี้แหละพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านจึงบอกว่า คนทุกคนป่วยทางจิต มันเป็นอย่างนี้ นี่เอง"

การที่ครูชี้ให้หนูเห็น สิ่ง ๆ นี้ที่มีในใจหนู ความรู้สึกแรกมันเหมือนหนองระเบิด มีความเบาเกิดขึ้น แล้วก็หนักขึ้น ๆ เพราะความคิดมันคอยซ้ำเติมตนเอง เหมือนครูผ่าตัดครั้งใหญ่บีบหนองออก ค่อย ๆ เช็ดทำแผล ตัดเนื้อร้าย ทิ้ง มันเจ็บปวดภายในใจมากค่ะ แล้วท่านก็ลงมือเย็บ แผล แผลนี้ไม่ได้หายขาดซะทีเดียวต้องกลับมาเยียวยาด้วยตนเอง หมั่นทำความสะอาด และไม่ให้ติดเชื้อ ตอนนี้อยู่ระหว่างดูแลแผลไม่ให้ติดเชื้อ ยอมรับว่าอ่อนแรง แต่รู้สึกสบายใจขึ้น และเชื้อว่าหากหมั่นดูแลรักษาแผลนี้เป็นนิจจะช่วยให้ อาการของโรคนี้หายขาด

กราบขอบพระคุณครูค่ะ หนูทราบว่าครั้งนี้ครูออกแรงมาก ๆ เหมือนหมอที่ยืนผ่าตัดใหญ่ติดต่อกันหลายชั่วโมง แถมมีโทรศัพย์แจ้งมากลางคันว่ามีเคสเร่งด่วนอื่นแทรกเข้ามากลางคันอีก หนูกราบขอบพระคุณในความเมตตาของครูอย่างล้นพ้น หนูจะอดทน เพียรให้ 4 ปัจจัยที่ครูมอบหมายสั่งสมให้ถือพร้อมค่ะ กราบขอบพระคุณค่ะ   

หมายเลขบันทึก: 310537เขียนเมื่อ 3 พฤศจิกายน 2009 10:33 น. ()แก้ไขเมื่อ 31 พฤษภาคม 2012 16:16 น. ()สัญญาอนุญาต: ไม่สงวนสิทธิ์ใดๆจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท