“ฉันเรียนศิลปะ และกลายเป็นนักเขียน วิถีชีวิตของฉันพัวพันอยู่กับกระดาษ แต่ฉันไม่รู้ ว่ากระดาษทำอย่างไร ฉันทดลองทำกระดาษด้วยความรู้ลึกถึงความน่าจะเป็นไปได้ฉันทำแล้ว ทำอีก สังเกตและทำความเข้าใจ และทำมันอย่างทำงานศิลปะ กระดาษของฉันจึงมีบุคลิกแตกต่าง และเป็นความภาคภูมิใจ ต่อมาฉันทำตุ๊กตาด้วยกระดาษที่ผลิตเอง ตัวแรกนั้นพิกลพิการ แต่เปี่ยมด้วยอารมณ์ขันแต่ยามนี้เป็นตุ๊กตาอย่างที่คุณเห็น เป็นตุ๊กตาที่ฉันทำขึ้นด้วยความรัก และความสุข...” นี่คงเป็นคำตอบของทั้งหมดของแรงบันดาลใจของทีมงานผู้ผลิตตุ๊กตาจากกระดาษใยกล้วยที่สร้างสรรค์ผลงานเปื้อนรอยยิ้มให้กับผู้พบเห็น
นายเลิศชาย สินเสริฐ
ผู้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการปั้นธุรกิจ “ตุ๊กตากระดาษใยกล้วย” เล่าว่า
ในช่วงแรกตนเองกับเพื่อนทำงานประจำ แต่มีแนวคิดที่จะทำกระดาษขึ้นเอง
โดยอาศัยการลองผิดลองถูกไปเรื่อย
โดยไม่ได้คิดทำออกเป็นธุรกิจอย่างในปัจจุบัน
เพียงแต่ต้องการรู้วิธีการทำ และขั้นตอนต่างๆ
จนเริ่มสนุกกับการทดลองนำใยพืชชนิดต่างๆ มาทำเป็นกระดาษขึ้น เช่น
ใยของต้นสอยดาว ใยสับปะรด สุดท้ายจึงมาลงตัวที่กระดาษใยกล้วย
เนื่องจากเมื่อนำใยกล้วยมาทำเป็นกระดาษแล้ว เส้นของกระดาษจะมีความคงทน
มันเงา และมีความเหนียวกว่าพืชชนิดอื่น
เพราะใบกล้วยจะมีลักษณะยาวทำให้ได้เส้นใยที่มีคุณภาพสูง
“ตอนแรกเราแค่คิดอย่างทำกระดาษจากธรรมชาติขึ้นเอง
ซึ่งเป็นเพียงความอยากรู้อยากลองเท่านั้น
สุดท้ายจึงมาลงตัวที่กระดาษเส้นใยกล้วย โดยใช้เวลาคิดค้นเป็นปี
ซึ่งเมื่อพวกเราทำกระดาษใยกล้วยได้แล้ว ก็ลองมาประดิษฐ์เป็นตุ๊กตา
และกระดาษห่อของขวัญสีสันสวยงาม และนำไปแจกเพื่อน ซึ่งเพื่อนๆ
ก็ชื่นชอบ และสนใจสั่งไปจำหน่าย
ทำให้เรามองเห็นลู่ทางทางการตลาดว่าตุ๊กตาจากกระดาษใยกล้วย
หากศึกษาตลาด และศึกษากลุ่มผู้บริโภคอย่างจริงจัง
น่าจะทำเป็นธุรกิจได้”
ในช่วงแรกได้เริ่มขายแต่กระดาษใยกล้วยเท่านั้น
ซึ่งกลุ่มลูกค้าหลักจะเป็นผู้ที่ทำธุรกิจแพคเกจจิ้ง
ต่อมาจึงได้เพิ่มการทำเป็นตุ๊กตาจากระดาษใยกล้วยเพิ่มขึ้นภายใต้แบรนด์
“Bana”
เนื่องจากได้ราคาดีกว่า
และเป็นที่ชื่นชอบของลูกค้าทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ
ทั้งนี้ตุ๊กตาจากกระดาษใยกล้วยที่ผ่านมาได้รับการพัฒนาขึ้นจากในช่วงแรกที่ทำเป็นพียงตุ๊กตาตั้งโชว์เท่านั้น
แต่ปัจจุบันทางทีมงานได้ออกแบบให้ตุ๊กตาเป็นของประดับ
โดยจับไปรวมกับเข้าของเครื่องใช้ที่จำเป็นในชีวิตประจำวัน อย่าง
กล่องใส่กระดาษทิชชู กล่องใส่ของกระจุกกระจิกต่างๆ กล่องใส่นามบัตร
ดอกไม้ และกล่องใส่ดินสอ เป็นต้น
ซึ่งถือเป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าอีกด้วย
“การทำธุรกิจนี้ในปัจจุบันถือว่าค่อนข้างลงตัว
คือเราจะไม่กำหนดรูปแบบของตุ๊กตามากนัก
อาศัยการดัดแปลงรูปแบบไปเรื่อยๆ
แต่ก็ยังไม่ทิ้งคอนเซ็ปต์ตุ๊กตาที่มีรูปลักษณ์เหมือนตุ๊กตาในเทพนิยาย
ซึ่งต้องใส่กระโปรงบานๆ ยาวๆ หรือแม้แต่ตุ๊กตาผู้ชาย
เราก็จะเน้นการแต่งตัวที่ไมได้ทันสมัยมากนัก แต่ดูดี
และมีรสนิยม
ซึ่งเทื่อเราได้นำตุ๊กตาทั้งชายและหญิงมาจับคู่กัน
ก็สามารถทำเป็นของขวัญสำหรับวันแต่งงานได้
โดยเป็นของขวัญที่แปลกและไม่เหมือนใคร”
ส่วนออเดอร์ในขณะนี้
เลิศชาย บอกว่า ยังไม่ถือว่าเยอะมาก เพราะยังอยู่ในช่วงศึกษาตลาด
และหาความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการทำธุรกิจ
ซึ่งถือเป็นข้อด้อยของผู้ที่เรียนจบมาทางด้านศิลปะ
แต่ถึงแม้จะยังไม่เก่งเรื่องการบริหารจัดการธุรกิจ สินค้าของ
Bana ก็สามารถส่งออกไปทำตลาดต่างประเทศได้ เช่น ญี่ปุ่น
และประเทศในแถบอเมริกาใต้ ส่วนการจำหน่ายในไทย
จะเป็นการขายผ่านทางเว็บไซน์เป็นส่วนใหญ่
สำหรับกำลังการผลิตจะขึ้นอยู่กับความยากง่ายของตัวตุ๊กตาและออเดอร์จากลูกค้าที่สั่งเข้ามา แต่กำลังการผลิตที่เคยทำได้สูงสุดคือ 2,000 ตัว/เดือน ซึ่งขั้นตอนที่ทำยากและเสียเวลามากที่สุดคือการขึ้นโครงสร้างของตุ๊กตา จะต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์ และคิดอิริยาบทใหม่ๆ ให้กับตัวตุ๊กตา ซึ่งราคาขายจะเริ่มต้นที่ 300- 1,500 บาท
โดยในอนาคตทางทีมงานออกแบบของ
Bana ได้วางแผนที่จะออกแบบตุ๊กตาจากกระดาษใยกล้วยให้เป็นเซ็ตมากขึ้น
และสามารถบอกเล่าเรื่องราวได้ รวมถึงจะออกแบบเป็นแม่มดประเทศต่างๆ
เพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าที่เป็นชาวต่างชาติโดยเฉพาะ
เพราะปัจจุบันสัดส่วนของการส่งออกจะอยู่ที่ 80%
และจำหน่ายในประเทศประมาณ 20%