สามวันที่ผ่านมา ๑๓ ตุลาคม ๒๕๕๒ ดิฉันได้ดูรายการคนค้นคน รู้สึกประทับใจพลังอันน้อยนิดของน้อง ๆ มอ. ทั้ง ๗ คน ที่ทำกิจกรรมดีๆ ให้พวกเราได้รับรู้สถานการณ์ ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ รัฐบาลควรส่งเสริมและสานฝันกิจกรรมและความคิดดีๆ ของน้อง ๆ ค่ะ ก็เลยอยากเขียนถึงและมีส่วนชื่นชมน้อง ๆ ด้วยเช่นกัน ดิฉันขอเล่าคร่าวๆ เท่าที่พอจะเก็บรายละเอียดได้นะคะ
น้องนักศึกษา มอ. ๗ คน ได้เดินทางไปตามมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ทุกภูมิภาคเพื่อบอกเล่าขานเหตุการณ์ ๓ จังหวัดภาคใต้ และแลกเปลี่ยนการรับรู้ของเพื่อน ๆ ต่างมหาวิทยาลัย พร้อมทั้งทำความเข้าใจกับเพื่อน ๆ และผู้สนใจถึงเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นในบางพื้นที่ใน ๓ จังหวัดภาคใต้ และน้องบอกว่าในบางพื้นที่ผู้คนก็อยู่กันอย่างปกติ เช่น ที่หน้ามหาวิทยาลัยนักศึกษาก็ออกไปดื่มชาในยามค่ำคืนกันได้ตามปกติ
น้องบอกว่า ความรุนแรงที่เกิดขึ้นไม่รู้ใครเป็นคนทำ แต่เพื่อนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เป็นคนดี น้องยังมีคำคมๆ ที่กลั่นออกมาจากความรู้สึกบอกว่า “เราจะเปลี่ยนคนอื่นเท่ากับศูนย์ เราจะเปลี่ยนตัวเราเองเท่ากับหนึ่ง ถ้าเราทุกคนคิดแบบนี้ได้จะไม่เกิดความรุนแรงและเกิดสันติวิธี” น้องยังพูดถึงพลังน้อย ๆ ของตนเองว่า “น้อยก็น้อย น้อยก็หนึ่ง น้อยก็ใช่”
ดูไปก็เสียน้ำตาไป สะเทือนใจ น้องเล่าให้ฟังว่า พ่อแม่ในจังหวัดอื่น ๆ ในประเทศไทยเห็นลูกลงจากบ้านและกลับมาแบบปกติ แต่ที่ ๓ จังหวัดภาคใต้ พ่อแม่บอกว่าเห็นลูกลงจากบ้านไม่รู้ว่าจะกลับมาปกติหรือเป็นศพ กว่าน้องจะพูดบอกเล่าตรงนี้ได้ก็กลั้นความรู้สึกมาก ๆ ส่วนพี่คนดูน้ำตาร่วงไปแล้ว
พี่ขอขอบคุณ ชื่นชมและเอาใจช่วยน้อง ๆ ทั้ง ๗ คนนะคะ ที่ทำกิจกรรมดี ๆ น่าประทับใจ นอกเหนือจากนี้น้องยังทำค่ายเพื่อสร้างความเข้มแข็งสำหรับเยาวชน (เก็บรายละเอียดไม่หมดลองเข้าไปดูในรายการนะคะ) ที่อำเภอละงู จังหวัดสตูล น้อง ๆ ทั้ง ๗ คน ได้แก่ น้อง สุไลมาน เจาะบาเฮง เกริกไกร ทองนวล ศักรินทร์ สีหมะ มาโนย์ ขำสำลี และน้องอีก ๓ คน (ขอโทษด้วยที่พี่จดชื่อไม่ทัน) ใครจดจำได้ช่วยเขียนมาบอกด้วยค่ะ และผู้ที่เกี่ยวข้องในกลุ่ม Peace Southren Thailand ทุกคนที่มิได้เอ่ยนาม
เมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว ดิฉันได้มีโอกาสไปทำงานที่จังหวัดปัตตานีและยะลา ในช่วงเวลาสั้นๆ ก็รู้สึกประทับใจในอัธยาศัยไมตรี ตั้งแต่ขึ้นรถไฟที่สถานีสามเสนแล้ว เพราะว่าขึ้นตู้เดียวกับผู้อำนวยการโรงเรียนที่อำเภอสายบุรี ๓-๔ ท่าน มาประชุมที่กรุงเทพ ได้พูดคุยทำความรู้จักกัน พอถึงปัตตานี ผอ.ยังมาส่งทีมพวกเราที่โรงแรมที่พัก และบอกว่าถ้ามีปัญหาอะไรโทรบอกได้เลยยินดีช่วยเหลือ ระหว่างทำงานนั่งรถข้ามอำเภอ ข้ามจังหวัดดิฉันไม่หลับเลยเพราะว่าบรรยากาศสองข้างทาง เขียวชอุ่ม สวยงาม สงบ ร่มรื่น บ้านเมืองสะอาด ผู้คนใจดีมีน้ำใจ
และเมื่อประมาณกลางปี ๒๕๕๒ ดิฉันได้ดูรายการทางช่อง ๑๑ พาเที่ยวชมและทำความเข้าใจจังหวัดปัตตานี ผ่านตัวละครเด็กผู้ชายวัยรุ่น ๒ คน พาท่องเที่ยวพบปะผู้คนที่ปัตตานี พร้อมกันนี้ตัวละครที่เป็นคนปัตตานีบอกว่า ที่ไหน ๆ ในประเทศไทยก็มีอาชญากรรมทุกที่ อยากให้สื่อฉายภาพบ้านเมือง สถานที่ท่องเที่ยว ประเพณีวัฒนธรรมที่ดีงาม ไม่อยากให้สื่อนำเสนอแต่ภาพรุนแรง โหดร้าย จะทำให้ดูน่ากลัวเกินความเป็นจริง
ดิฉันสวดมนต์ขอพรให้ ๓ จังหวัดด้ามขวานของไทยสงบเป็นปกติ เราเป็นพี่น้องกัน ถ้าได้ฟังเพลง “เรฟูจี” ของน้าแอ๊ด คาราบาว จะรู้ว่าเมืองไทยน่าอยู่ที่สุดในโลก ขอเอาใจช่วยทุกๆ คน และทุก ๆ ฝ่ายค่ะ ดิฉันขอช่วยเป็นกำลังใจ พร้อมทั้งส่งปัจจัยไปให้ครอบครัวครู ครอบครัวทหาร ตามโอกาสเท่าที่คนทางนี้จะทำได้
และจะหาโอกาสไปเที่ยวปัตตานี ยะลา นราธิวาสค่ะ
ไม่ว่าจะวิกฤติเพียงใด ดอกไม้แห่งความหวังจะยังคงเจริญงงอกงามในทุกที่ พวกเค้าทั้ง 7 คนก็เป็นหนึ่งในดอกไม้แห่งความหวังในการที่จะสร้างสันติและความเข้าใจใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้และสะท้องถึงสิ่งดีๆที่ยังคงอยู่ในพื้นที่ให้คนอื่นได้ทราบ ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนครับ
"ดอกไม้แห่งความหวังจะยังคงเจริญงงอกงามในทุกที่" จะเรียกว่ากลุ่มคำ วลีหรือประโยคดี กินใจมาก ๆ ค่ะ เหมาะกับน้องๆ ทั้ง ๗ คนเป็นอย่างยิ่ง น้องคงมีกำลังใจอีกเยอะค่ะ
"ไม่ว่าอยู่ภาคไหนๆ ก็ไทยด้วยกัน" แม้จะไม่ค่อยได้สัมผัสกับวิถีภาคใต้ โดยเฉพาะ 3 จังหวัด ชายแดน แต่รับรู้ได้ว่า
เราก็ไทยด้วยกัน ...เป็นกำลังใจ เอาใจช่วย ชื่นชม คนที่ทำให้ไทยเข้าใจไทย และแผ่นดินไทยสงบ ร่มเย็น...
...แวะมาเติมกำลังใจให้ครูกาสะลองด้วยค่ะ...เขียนบ่อยๆนะคะ จะติดตามอ่านบันทึกรัก เอ๊ย! บันทึกในบล็อก
ครูตู่
ขอบคุณค่ะครูตู่ ก่อนหน้านี้ก็เข้าไปอ่านบล็อกครูตู่นะคะ รับปากว่าจะเขียนอย่างเรื่อย ๆ เอื่อย ๆ ฝากบอกพี่ขาใหญ่ด้วยค่ะ ที่พี่ขาใหญ่จุดประกายฝันให้นั้นเริ่มเขียนแล้วค่ะ