จากการอบรมจากโรงเรียนราชวินิต วิทยากร คุณชัยฤทธิ์ ศรีโรจน์ฤทธิ์ 13 ต.ค.52
มีสาระน่ารู้หลายประการพอสรุปตามความเข้าใจดังนี้
คุณสมบัติของผู้เล่านิทาน ( ผู้อ่านหนังสือ ) ได้แก่ มีน้ำเสียงดี ใช้ภาษาและคำพูดที่เหมาะสม ออกเสียงชัดเจน เตรียมตัวในการเล่า เป็นนักอ่าน มีอารมณ์ขันและเป็นกันเอง สุภาพอ่อนน้อม สร้างสถานการณ์เร้าความสนใจ รู้จิตวิทยา และพัฒนาการของเด็ก
ก่อนเล่านิทานหรืออ่านหนังสือควรมีรูปแบบกิจกรรมนำเข้า เช่น เพลง เกม คำถาม เพื่อเตรียมความพร้อมของครูและเด็ก สร้างบรรยากาศ ใช้เป็นช่วงเวลารอคอย อย่างเพลิดเพลิน
และเมื่อเล่าจบควรมีกิจกรรมต่อเนื่อง เช่น สร้างความสงสัยให้กับนักเรียน ดึงความสนใจของนักเรียนที่มีต่อหนังสือ เรียนรู้นอกห้องเรียน งานศิลปะ สร้างผลงานเกี่ยวกับเนื้อเรื่อง ซึ่งก่อให้เกิดประโยชน์ คือ ประมวล ทบทวน และทดสอบความรู้ เกิดกระบวนการตั้งคำถามและสืบค้นข้อมูล เกิดกระบวนการเรียนรู้แบบไม่มีที่สิ้นสุด มีชิ้นงานให้ภาคภูมิใจ สร้างความสัมพันธ์ต่อกัน
การเล่านิทานและการอ่านหนังสือให้เด็กฟังนั้นเด็กจะให้ความสนใจมากกว่าการเล่าปากเปล่า แต่ก็จำเป็นต้องมีการเล่านิทานปากเปล่าบ้างเพื่อให้เด็กได้เกิดจินตนาการของตนเอง เช่น กาลครั้งหนึ่งมีเจ้าหญิงแสนสวยมีนามว่า สโนไวท์ ซึ่งสโนไวท์ ของแต่ละคนย่อมแตกต่างกันแน่นอน ฯลฯ
ในบางครั้งขณะเล่านิทานอาจมีคำถามระหว่างการเล่าก็ได้เพื่อเร้าความสนใจในการดำเนินเรื่อง(แต่ต้องไม่เป็นการชะงัก ) เช่น เด็กๆคิดว่าในห้องมีอะไรอยู่บ้าง เรามาดูกันต่อไป เออ ทำไมเจ้าป่าจึงปวดหัว พวกเรามาดูกันต่อไป ฯลฯ
และเมื่อเล่าจบควรมีการสนทนาเช่น ปรบมือให้กับเจ้าป่าสักหน่อย เรื่องดนตรีชนิดใดที่เด็กชอบ ถ้าเด็กปวดหัวจะทำอย่างไร ซึ่งคำถามควรเป็นคำถามที่นำไปใช้ คำถามให้คิดตัดสินใจ คำถามที่ต้องวิเคราะห์ เหล่านี้เป็นต้น
หนังสือเด็กบางเรื่องร้องเป็นเพลงได้ เช่น ไก่น้อย กระต๊าก กระต๊าก กบน้อยอยาก กระต๊ากเหมือนไก่ เพื่อนหัวเราะชอบใจ ร้องไม่เหมือนไก่ อ๊บ ต๊าก อ๊บ ต๊าก
( ความคิดเห็น : ครั้งแรกที่อ่านหนังสือเรื่องไก่น้อย เล่มนี้ดิฉันก็ว่า ธรรมดา แต่ก็คิดว่าเด็กคงชอบเพราะมีคำซ้ำมาก แต่พอมาฟังวิทยากรเล่าบ้างสนุกจัง )
ไม่มีความเห็น