ใครๆ ก็มักพูดกันจัง ว่าทำงานประจำให้เป็นงานวิจัย <R2R> ฟังดูดีเนอะ.. แต่จะเริ่มกันตรงไหนดีน๊า.. สิ่งที่เราทำแล้วจะได้บอกอย่างเต็มภาคภูมิว่า เนี่ย..เป็นผลจากวิสัญญีพยาบาลนะคะ เพราะงานเราคาบเกี่ยวเหลือเกิน เหมือนพื้นที่ทับซ้อนของไทยกับประเทศเพื่อนบ้านเลย ว้า..ทำอะไรเยอะแยะไปถ้ามันเป็นของเพื่อนบ้าน เราก็คงต้องเสียดินแดน เสียเอกภาพทางความคิดแย่เลย
เอางี้.. ดีกว่าเริ่มตรงที่ว่า งานพยาบาลผู้ป่วย แล้วมีวิธีการแก้ไขหรือ ช่วยเหลือ ตามวิถีทางของการไม่ใช้ยา เพราะเราสั่งการรักษาเองไม่ได้ งั้นลองดูเรื่อง การเตรียมความพร้อมก่อนการให้ยาระงับความรู้สึกเช่น 1. อุปกรณ์ เครื่องดมยา 2. บุคลากรทั้งทีมผ่าตัด 3. ตัวผู้ป่วย ลองเก็บข้อมูลเล่นๆ ดูเกี่ยวกับ
- ระยะเวลาในการเตรียมความพร้อมที่จะสามารถเริ่มให้บริการได้กี่โมง
- อัตราการเลื่อน ยกเลิก การผ่าตัด มาก น้อย เท่าไร เพราะอะไร
- ความพึงพอใจของทีมผ่าตัด ต่อทีมวิสัญญี ในการเตรียมความพร้อมก่อนการให้ยาระงับความรู้สึก ตั้งแต่ ช่วง pre op / intraop / postop
- จำนวนครั้งที่พบปัญหาในขณะผ่าตัด ทั้งๆ ที่ตรวจสอบแล้วตั้งแต่เช้า เช่น อุปกรณ์ เครื่องดมยาชำรุด รั่ว / เกิดปัญหาขึ้นกับผู้ป่วยแยกเป็นแก้ไขได้ และ แก้ไขไม่ได้ /
- การทำ M & M conference ในการแก้ไขปัญหาร่วมกัน ถอดบทเรียนร่วมกัน และพัฒนาเป็นแนวทางในการป้องกันการเกิดเหตุการณ์ที่ไม่พึงประสงค์
ฮู้... แค่เรื่องเดียวนะเนี่ย แตกความคิดได้ตั้งเยอะ ใครสนใจลองทำเล่น ๆ ดูก่อนก็ได้แต่ถ้ามันใช้ได้จริง ก็ยิ่งดีใหญ่เลยจะได้ต่อยอด ในเรื่องอื่น ๆ ที่เกี่ยวกับพยาบาล (ล้วนๆ) อยากให้พยาบาลสร้างงานวิจัยด้วยตัวเอง เป็นผู้วิจัยหลักในงานเล็ก ๆ ดีกว่าเป็นคนช่วยเก็บข้อมูลในงานหย่าย ๆ ของใครก้อม่ายรู้ .. มันก้อ ดีอยู่หรอก แต่มันยังไม่ดีที่สุด เชื่อดิ .. ศักยภาพระดับวิสัญญีพยาบาลซะอย่าง ไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้ในพจนานุกรมของเรา .. มีแต่ยังไม่คิดที่จะทำ เท่านั้นหล่ะ
เอ้า.. ใครที่ติดตามอ่านงานวิจัยง่ายๆ ในชีวิตประจำวันของดมยา แล้วอยากทำมั่งก็ลองเข้ามาอ่านดูคงได้แนวคิดมั่ง ,,
Think of so much... ^_^
เอ่อความเห็นที่หนึ่ง ...Can say more na ka...hehe..what's a family cheer up? แซวเด้อ