3.ทศพิธราชธรรม 10 ประการ
พระราชนันทมุนี(ท่านปัญญานันทภิกขุ )ได้กล่าวถึงธรรมมะที่ผู้บริหารควรมี คือ(2520:164-183)
-ทาน คือการให้ ให้เพื่อบูชา ให้เพื่อสงเคราะห์
-ศีล คือการรักามารยาท การสำรวมกาย วาจา ใจ ให้เรียบร้อย สะอาดดีงาม
-บริจาค คือการให้เพื่อเป็นสาธารณประโยชน์ เพื่อข่มความโลภ
-อาชวะ คือความมีอัธยาศัยซื่อตรง ตั้งอยู่ในสุจริตธรรม
-มัทวะ คือความมีอัธยาศัยอันงาม ละมุนละไม อ่อนโยน รับฟังคำแนะนำตักเตือน
-ตะปะ คือความมีการบำเพ็ญเพียร เอาชนะบาปกรรม ทำลายความชั่ว
-อโกธะ คือความไม่กริ้วโดยใช่วิสัย
-อวิหิงสา คือความไม่เบียดเบียนตนและผู้อื่น
-ขันติ คือความอดกลั้น ทนทานต่อกำลังกิเลส และทุกข์
-อวิโรธนะ คือการไม่ผิดจากความเที่ยงตรง ดำรงอยู่ในความยุติธรรม
พระราชนันทมุนี(ท่านปัญญานันทภิกขุ )ได้กล่าวถึงธรรมมะที่ผู้บริหารควรมี คือ(2520:164-183)
-ทาน คือการให้ ให้เพื่อบูชา ให้เพื่อสงเคราะห์

-ศีล คือการรักามารยาท การสำรวมกาย วาจา ใจ ให้เรียบร้อย สะอาดดีงาม
-บริจาค คือการให้เพื่อเป็นสาธารณประโยชน์ เพื่อข่มความโลภ
-อาชวะ คือความมีอัธยาศัยซื่อตรง ตั้งอยู่ในสุจริตธรรม
-มัทวะ คือความมีอัธยาศัยอันงาม ละมุนละไม อ่อนโยน รับฟังคำแนะนำตักเตือน
-ตะปะ คือความมีการบำเพ็ญเพียร เอาชนะบาปกรรม ทำลายความชั่ว
-อโกธะ คือความไม่กริ้วโดยใช่วิสัย
-อวิหิงสา คือความไม่เบียดเบียนตนและผู้อื่น
-ขันติ คือความอดกลั้น ทนทานต่อกำลังกิเลส และทุกข์
-อวิโรธนะ คือการไม่ผิดจากความเที่ยงตรง ดำรงอยู่ในความยุติธรรม