เมื่อ 6 ปีที่แล้ว ดิฉันท้องลูกคนแรก ดิฉันแพ้ท้องมาก ทำงานไม่ได้ต้องหยุดงานและเครียดกับการมีลูกคนนี้มากทำให้ไม่อยากมีลูก และกังวลว่าเมื่อไหร่จะหาย นับวันนับคืนเพราะไม่อยากแพ้ท้อง ถามคนอื่นว่าทำไมคนท้องต้องแพ้แบบนี้ แพ้ทุกคนไหม คำถามมีมากมาย เจอใครถามหมด (เพราะอยากจะหายจากอาการแพ้) แต่ก็ไม่หาย มีคนบอกว่าถ้าแพ้อาจแพ้ถึง 3 เดือน ตอนนั้นดิฉันเพิ่งท้องได้เดือนหนึ่ง ดิฉันคิดว่าต้องตายแน่ๆ อีกตั้ง 2 เดือนถึงจะหาย แต่อีกไม่กี่วันเจอพี่ที่เคยมีลูกแล้วคนหนึ่งบอกว่าอาจจะแพ้ท้องถึง 9 เดือนก็ได้ ดิฉันตกใจกว่าครั้งแรกอีก ตายแน่ 3 เดือนก็มากพอแล้ว ตั้ง 9 เดือนต้องตายแน่ๆ พอดิฉันท้องถึง 3 เดือนพอดี อาการแพ้ท้องก็หายไปทีละนิด จนหายไป ความเครียดและความทรมานในอาการแพ้ท้องก็หายไปเช่นกัน ดิฉันดีใจมากที่ไม่ต้องแพ้ท้องถึง 9 เดือน แต่ต้องกลับมาเครียดกับการคลอดลูกอีก กังวลว่ามันจะเจ็บไหม ต้องทนไม่ได้แน่ๆ
ใกล้วันคลอดดิฉันรู้สึกเครียดมาก มีพี่พยาบาลมาขึ้นเวรเป็น Part Time จากโรงพยาบาลแถว จ.กาญจนบุรี ขึ้นเวรด้วยกัน ดิฉันก็ถามเขาว่า คลอดลูกเจ็บไหม พี่เขาบอกว่าเจ็บ แต่มันเป็นความเจ็บปวดที่ทนได้ ดิฉันรู้สึกใจชื้นขึ้นมานิดหนึ่งแต่ก็ยังกลัวอยู่ตลอด จนดิฉันคลอด มันเจ็บปวดมาก แต่คลอดแล้วความเจ็บปวดก็หายไป ยิ่งพอได้เห็นหน้าลูกความเจ็บปวดก็หายเป็นปลิดทิ้ง และดิฉันก็ลาคลอดเมื่อครบกำหนดก็กลับมาทำงานปกติ
ช่วงนั้นเป็นช่วงที่โรงพยาบาลรับผู้ป่วยคลอดปกส.เยอะมาก และมีคนไข้มีอาการแพ้ท้องมานอนโรงพยาบาล อาการเหมือนดิฉันทุกอย่าง แต่คนไข้คนนี้แย่กว่าดิฉันคือแพ้ท้องแต่ต้องมานอนโรงพยาบาลคนเดียว และนอนอย่างเดียวไม่คุยกับใคร ดิฉันเข้าไปวัดไข้ จึงได้สอบถามผู้ป่วยว่าท้องแรกใช่ไหมคะ คนไข้ตอบว่าใช่ แพ้มาก ดิฉันจึงตอบคนไข้ไปว่า เดี๋ยวก็หาย คนไข้ตอบว่าไม่หาย ดิฉันบอกคนไข้ไปว่า “ดิฉันก็เคยพูดคำนี้เหมือนกัน” และบอกคนไข้ไปว่า 3 เดือนก็หายเป็นปกติ และจะต้องกลัวตอนคลอดอีก และนำคำของพี่พยาบาลบอกนำไปเลยว่า “เจ็บมาก แต่มันเป็นความเจ็บปวดที่ทนได้” คนไข้ตอบว่าเหรอคะ และอีกวันหมอสั่งให้คนไข้กลับบ้าน คนไข้ยิ้มบอกฉันว่ากลับก่อนนะคะ และอีกไม่นานคนไข้คนนี้ก็มาคลอดลูก คนไข้จำดิฉันได้ และทักทายคุยให้ญาติฟังว่าดิฉันเคยพูดเรื่องอะไรให้ฟัง และดิฉันก็นำคำพูด 2 อย่างไปใช้ในการทำงาน จนถึงทุกวันนี้ 1. 3 เดือนก็หายแพ้ 2. มันเป็นความเจ็บปวดที่ทนได้ ขอจบเรื่องแรกที่เป็นเรื่องดีดีที่ฉันภูมิใจ
คุณมยุรี ศรีสังวรณ์
ผู้ช่วยพยาบาล Ward 2
สวัสดีค่ะ SHA รุ่นเดียว จำแก่งคอยได้เปล่าคะ
SHA แก่งคอยจำ ซานคามิลโล ได้แม่นมั่น "โรงพยาบาลอะไร ชื่อเหมือนยาจังเลย" เห็นพลังและผลงานต้องบอกว่าทึ่ง และชื่นชมเป็นอย่างยิ่งค่ะ
ขอชื่นชมและเป็นกำลังใจนะคะ
ขอบคุณทุกๆ กำลังใจนะคะ ส่วน SHA แก่งคอยพอจะจำได้ค่ะที่นั่งคุยกันที่โต๊ะอาหารค่ะ
สวัสดีครับคุณsha-รพ.ซานคามิลโล ชื่อเหมือนยาจริงด้วย (สตตรี เบลโล)
แวะมาให้กำลังใจ ชาวชาครับ วันนี้ ที่ โรงแรม มิราเคิล เขากำลังชิมชากันเป็นวันที่ สอง เมื่อคืนคุณ หนานเกียรติ ชงมาให้หนึ่งกาแล้วครับ แต่รสชาด ฝาดไปนิด เพราะเป็นการชงแบบตรงๆ ชัดเจนครับ ชาว ชาเองก็คงต้องรับฟังในมุมของผู้
ดื่มชาด้วยใช่มั้ยครับ
แล้วจะแวะมาชิมใหม่ครับ
ตอนแรกก็สงสัยอยู่ว่าคนที่ฟังชื่อโรงพยาบาลเป็นชื่อยาได้ยังไงแต่พอฟังคำเฉลย (สตตรี เบลโล) ก็ถึงบางอ้อเลยค่ะ
ไม่เคยคิดมาก่อนเลยนะคะ คงจะฟังจนชินน่ะคะ อันที่จริงแล้ว ซานคามิลโล คือชื่อนักบุญคามิลโล ซึ่งเป็นองค์อุปถัมป์ผู้ป่วยน่ะค่ะ
ยังไงก็ขอบคุณทุกท่านนะคะที่มาให้กำลังใจค่ะ