ประสบการณ์ในอดีต สอนให้รู้ถึงเหตุการณ์ในอนาคต


เหตุการณ์นี้สอนให้ฉันรู้ว่าถึงแม้ฉันจะช่วยอะไรใครได้ไม่มาก แต่ฉันก็ทำให้ผู้ป่วยรายนี้ นอนหลับอย่างสบายใจในคืนนั้น

         ฉันทำงานในโรงพยาบาลแห่งนี้มา  11  ปี  ซึ่งใน  11  ปีที่ผ่านมา  มีเหตุการณ์หลายต่อหลายเหตุการณ์ที่เกี่ยวกับการดูแลผู้ป่วย  สอนให้ฉันมีการเรียนรู้อยู่ตลอดเวลา  และแต่ละเหตุการณ์ฉันจะจดจำไว้ไม่เคยลืม  มีอยู่เหตุการณ์หนึ่ง  ตัวฉันไม่คิดว่าจะเกิดกับคนใกล้ตัวฉัน  คือวันหนึ่งเมื่อประมาณ  7  ปีก่อน  ฉันนั่งรถไปทำธุระกับพ่อ  พ่อฉันขับรถอยู่ดีๆ  แล้วพ่อก็เอ่ยขึ้นกับฉัน  “เอ๊ะ  พ่อเป็นอะไรไม่รู้  ทำไมมองถนนไม่ค่อยชัด  เหมือนหนังตาจะตก  ตาเล็กข้างใหญ่ข้าง  เท้าที่เหยียบคันเร่งอยู่ก็เหมือนไม่มีแรง”  เมื่อฉันได้ยินประโยคดังกล่าว  ในใจฉันคิด  “เอาแล้วพ่อฉัน”  ฉันจึงให้พ่อขับรถต่อไป  ไม่ต้องกลับบ้านเลี้ยวเข้าโรงพยาบาลเลย 

         พอถึงโรงพยาบาลแพทย์ตรวจร่างกายแล้วส่ง  CT  Brain  ผลปรากฏว่า  พ่อฉันเป็น  CVA  พ่อรับไม่ได้กับอาการอ่อนแรงที่เป็นอยู่  ขณะนอนอยู่ในโรงพยาบาล  5  วัน  ระหว่างนั้นฉันรู้ว่าพ่อรับไม่ได้  พ่อพยายามลุกจากเตียง  เกาะเดินรอบๆ  เตียงโดยไม่ให้พวกฉันช่วย  พ่อไม่พูดถึงอาการที่เป็นเลยตลอด  5  วัน  ทุกครั้งที่แพทย์ตรวจเยี่ยมดูอาการ  พ่อจะบอกว่าสบายดี  ไม่มีอาการเปลี่ยนแปลง  ฉันก็เลยพูดกับพ่อว่า  โรคนี้สามารถหายได้แต่พ่อต้องทำกายภาพ  รับประทานยา  แม้ว่ากำลังแขน – ขาที่ฟื้นขึ้นมาจะไม่เหมือนเดิม  จะมีอ่อนแรงลงไปบ้าง  แต่พ่อก็สามารถเดินได้เองนะ  พ่อจะรู้ดีกว่าหนู  เพราะเป็นแขน – ขาของพ่อเอง  พ่อรับได้  หลังจากพ่อกลับบ้านไป  พ่อทำกายภาพเอง  ดูแลตนเอง  รับประทานยา  มาตรวจตามแพทย์นัดทุกครั้งไม่เคยขาดนัดแม้แต่ครั้งเดียว  ฉันอดคิดไม่ได้ว่า  ถ้าวันนั้น  ฉันไม่ได้นั่งอยู่ในรถกับพ่อ  แล้วพ่อฉันจะเป็นอย่างไร

         เหตุการณ์ในวันนั้นผ่านมาแล้ว  7  ปี  วันหนึ่งในขณะที่ฉันอยู่เวรบ่าย  มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น  น้อง  NA  บอกว่าพี่ช่วยรับโทรศัพท์หน่อย  มีผู้ป่วย  Admit  ฉันรับโทรศัพท์เสียงปลายสายส่งเวรของห้องผู้ป่วย  Admit  ผู้ป่วยเป็นชายอายุ  56  ปี  มาด้วยอาการแขน – ขาอ่อนแรง  หนังตาตก  ปวดศีรษะ  ขอห้องพิเศษแอร์คู่  ฉันได้ให้ห้องที่  Admit  ไป 

         หลังจากนั้น  ฉันก็พูดกับน้อง  NA  ว่า  Case  นี้  อาการเหมือนพ่อพี่เลย  จากนั้นเจ้าหน้าที่  ER  ก็ขึ้นมาส่งผู้ป่วย  ฉันไปรอผู้ป่วยหน้าลิฟต์  พอเจ้าหน้าที่เปิดประตูลิฟต์  ฉันจึงพบผู้ป่วย  ในใจฉันคิดแล้ว  Case  นี้ต้อง  CT  แน่ๆ  เลย  ดูหน้าตาลักษณะแล้วเหมือนพ่อฉันเลย  แพทย์ตามเข้ามาตรวจอาการ  ตรวจร่างกาย  และอธิบายผลการตรวจให้ผู้ป่วยทราบ  และส่ง  CT  Brain 

         แต่ผู้ป่วยปฏิเสธที่จะทำ  CT  Brain  เพราะผู้ป่วยมีนัด  CT  Brain  ที่โรงพยาบาลศูนย์ราชบุรีวันจันทร์  แต่วันที่เกิดเหตุเป็นวันเสาร์  แพทย์ได้กลับมายังเคาเตอร์  ฉันบอกแพทย์ว่า  “Case  นี้เป็นเหมือนพ่อหนูเลย  ถ้า  CT  วันจันทร์หนูว่ามันจะช้าไปไหม”  แพทย์จึงบอกฉันว่า  “เอ็งไปบอกคนไข้อีกทีหนึ่งซิ”  ฉันรีบเดินไปห้องผู้ป่วยอีกครั้งด้วยความเต็มใจ  โดยไม่ได้ยินว่าแพทย์พูดอะไรต่อหลังจากที่สั่งฉันให้เข้าไปห้องผู้ป่วย  ฉันเข้าไปและเล่าประสบการณ์ที่ผ่านมาที่ฉันเคยพบผู้ป่วยประเภทนี้ให้ผู้ป่วยฟัง  ผู้ป่วยตัดสินใจทำ  CT  ทันที  ฉันรีบกลับมาแจ้งแพทย์และผู้ป่วยได้ไปทำ  CT  ผลการตรวจเป็นอย่างที่ฉันคิดจริงๆ  แพทย์เข้าไปในห้องผู้ป่วยพร้อมทั้งอธิบายผลการตรวจ  และแนวทางการรักษาให้ผู้ป่วยและญาติทราบ  พร้อมให้การรักษาทันที  หลังจากนั้น  ฉันเข้าไปแจกยาให้ผู้ป่วย  ผู้ป่วยขอบใจฉัน  ถ้าเขาไม่ไปทำ  CT  เขาคงนอนไม่หลับแน่ๆ  เพราะกังวลเกี่ยวกับอาการที่เป็นอยู่  แต่พอทราบผลการตรวจผู้ป่วยสบายใจขึ้น  รู้แล้วว่าเขาเป็นอย่างไร  แล้วจะรักษาอย่างไร  เหตุการณ์นี้สอนให้ฉันรู้ว่าถึงแม้ฉันจะช่วยอะไรใครได้ไม่มาก  แต่ฉันก็ทำให้ผู้ป่วยรายนี้  นอนหลับอย่างสบายใจในคืนนั้น 

 

 

                                                              คุณอัมพร               ศศิกาญจนวงศ์

                                                                    พยาบาลวิชาชีพ  Ward 2

 

 

หมายเลขบันทึก: 304083เขียนเมื่อ 8 ตุลาคม 2009 08:45 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 21:40 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท