ตัดสินใจเขียนบันทึกนี้หลังจากวางสายโทรศัพท์จากเพื่อนคนหนึ่งซึ่งเป็นครูสอนอิสลามศึกษาอยู่ที่จังหวัดตรัง เพราะงงกับตัวเองว่าทำไมเขาถึงคิดว่าเราเชี่ยวชาญงานวิจัยขนาดนั้นกัน อิอิ (ซึ่งความจริงยังรู้น้อยนิดมาก อิอิ)
ได้รับโทรศัพท์จากเพื่อนคนนี้(อ๋อ...เพื่อนคนนี้ของผมมีรางวัลครูสอนอิสลามศึกษาดีเด่นของจังหวัดตรังปีล่าสุดการันตีครับ อิอิ นำเสนอเพื่อนหน่อยครับ) เนื่องจากสนใจที่จะมาสอนที่มหาวิทยาลัยอันเนื่องมาจากจบปริญญาโทหลักสูตรและการสอนมาเกือบ ๓ ปีแต่ยังไม่ได้งานตามที่ตัวเองต้องการคือการทำงานด้านวิชาการตามที่ถนัด ผมเลยให้กำลังใจว่ามันอาจเป็นเพียงบททดสอบของพระเจ้ากับช่วงเวลาที่จะทดสอบเราถึงการไขว่คว้าให้ได้มาซึ่งบางสิ่งบางอย่าง คุยไปคุยมาไปออกเรื่องการทำวิจัย เพราะเพื่อนคนนี้ได้รับเชิญให้ไปเป็นที่ปรึกษางานวิจัยชิ้นนึงของครูสอนอิสลามศึกษาที่จังหวัดอยุธยา พอคุยกันเรื่องวิจัยก็หนุกหนานครับมันได้รสชาติของความมันยังไงๆไม่รู้ จนเพื่อนถามเอาๆหลายเรื่องผมก็แนะนำตามคนที่พอรู้ครับว่าควรทำยังไงบ้างเพราะเรื่องที่เพื่อนสนใจที่จะทำในพื้นที่จังหวัดตรังก็น่าสนใจครับ
คุยกันเกือบชั่วโมงจึงได้ข้อสรุปว่างานวิจัยเป็นอะไรที่ท้าทายและน่าศึกษาโดยเฉพาะการทำวิจัยเชิงปฏิบัติการ และอีกอย่างที่เป็นข้อสรุปและยอมรับเลยว่ายิ่งถ้าเราคุยกับคนที่มีประสบการณ์การทำวิจัยเราจะได้มุมมองใหม่ๆเกิดขึ้นและนี่จะเป็นเส้นทางขององค์ความรู้ใหม่อีกด้านที่น่าเรียนรู้ แต่งงกับตัวเองกับคำพูดผู้คุยด้วย "คุยงานวิจัยกับนายแล้วได้อะไรเยอะเลย " อิอิ อันนี้ผมว่าคงได้แค่งูๆปลาๆครับ...วัลลอฮฺอะลัม
วันนี้อาจยังจะไม่เชี่ยวชาญ...
แต่สักวันน่าจะเป็นผู้เชี่ยวชาญได้นะครับ...
ขอบคุณมากครับบัง (ว่าที่ ดร. อิอิ)
อินชาอัลลอฮฺครับ...จะเป็นให้ได้อย่างที่สังคมคาดหวังครับ
และขอบคุณกำลังใจดีๆที่มีให้อยู่ร่ำไปครับบัง
ระดับนี้เรียกว่าผู้เชี่ยวชาญได้แล้วครับ
ขอบคุณมากครับอาจารย์
คงต้องเก็บเกี่ยวอีกเยอะครับ...โดยเฉพาะผู้เชี่ยวชาญด้วยประสบการณ์อย่างอาจารย์ครับ
บังเราเก่งอยู่แล้ว ตื่นมาแลวนอนไม่หลับ เปิดเครื่องอ่านโกทูโนดีกว่า พร้อมทำสิ่งทีมุสลิมควรกระทำในเวลาค่ำคืน
ขอบคุณมากครับน้อง
ความเก่งมันไม่สำคัญเท่ากับว่าเรารู้ตัวเองว่าเราทำเพื่ออะไรครับ ดูแลสุขภาพด้วยครับ
สลามน้องฟูอัด สนับสนุนครับ มุสลิมต้องทำวิจัยมากๆ เห็นตะวันตกไหมครับวิจัยจนรู้ว่ามุสลิมชอบอะไร แล้วก็ตอบสนอง