ยอมรับความจริงครับว่า งงเมื่อพบคนมาก ๆ เพราะปกติผมจะไม่ออกจากน่านมาเป็นเวลานานหลายวัน ด้วยความที่มีผู้หลักผู้ใหญ่ไปงานสำคัญที่ทำเนียบรัฐบาลวันที่ ๘ ตุลาคม ๒๕๕๒ ทำให้เกิดการสื่อสารมาเพื่อให้ผมคิด และจำเป็นต้องตัดสินเดินทางจากน่านมาเมื่อช่วงบ่ายวันที่ ๔ ตุลาคม ๒๕๕๒ เพื่อร่วมประชุมระหว่างระดับภูมิภาคระหว่างวันที่ ๕ - ๖ ตุลาคม ๒๕๕๒ ที่กรุงเทพมหานคร
เจ้าภาพจัดงานจัดที่พักและที่ประชุมให้ที่อมาริวอเตอร์เกท ประตูน้ำ อยู่ตรงข้ามแพ็ทตินั่ม เป็นศูนย์แฟชั่นส่งออก ผมไม่ได้เข้าเมืองกรุงมานาน ในยามค่ำคืน ๒ คืน ได้เรียนรู้ว่า ชาวเมืองกรุงที่ไป ๆ มา ๆ และอยู่ตรงข้ามที่พักพวกเขาทำอะไรกัน ได้เห็นชาวต่างประเทศและชาวไทยขวักไขว่ รู้สึกงุนงงเพราะไม่คุ้นเคยกับพวกพบผู้คนจำนวนมาก
ได้สังเกตเห็นคนจำนวนมากมาที่แพ็มตินั่นด้วยเหตุผลของตนเอง มาซื้อสินค้าไปขายที่ประเทศตนเอง หรือชุมชนตนเอง บ้างมาเพื่อเรียนรู้และซื้อสิ่งของเล็ก ๆ น้อย ๆ เท่านั้น เท่าที่ได้เห็นเป็นเพียงจุดเดียว เท่าที่ได้รับความรู้จากการบอกเล่าทำให้ทราบว่า การมีคนพลุกพล่านในเมืองหลวงของประเทศไม่จำเพาะว่าที่เมืองไทย ที่ไหน ๆ ในโลกจะมีคนพลุกพล่านแบบที่ผมได้พบเห็น
การอยู่ในแวดวงดงคนมากมาย จำเป็นที่พวกเราต้องเรียนรู้และปรับตัว ภาษา วัฒนธรรมเดียวไม่เพียงพอ จำเป็นต้องเรียนรู้ภาษาและวัฒนธรรมให้มากขึ้น เพื่อที่จะได้รู้จัก เข้าใจเพื่อนร่วมโลกของเรา อย่างไรก็ดี ดงคนมีคำพูดให้คิดว่า ขนาดเพื่อนร่วมชาติของเราแล้ว ยังไร้ความจริงใจต่อกัน จะเชื่อได้อย่างไรว่า เพื่อนต่างชาติ ต่างภาษา ต่างวัฒนธรรมที่รู้จักจะมีความจริงใจ อันที่จริง การคบหาสมาคมกันไม่ว่าชาติพันธุ์ชนเผ่าใด ๆ ไม่อยากเป็นสูตรสำเร็จ ตีกรอบแคบ ๆ ความจริง ในที่มีผู้คนมากมาย หากเรียนรู้ดูแววตาท่าทางเบื้องต้นเพียงพอที่จะรับรู้ความจริงใจต่อกันได้
ธนู 20:51 6/10/2552
ขอแจมด้วยนิดนึง เห็นด้วยในคำพูดของดงคน "ขนาดเพื่อนร่วมชาติของเราแล้ว ยังไร้ความจริงใจต่อกัน " แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเป็นกันทั้งหมด แต่ก็ยังมีความเชื่อว่า คนเมืองยังบ่แล้งนำไจ๋