การพัฒนาตนเองของข้าพเจ้า ตอนที่ 1


การพัฒนาตนเอง

 

 

การพัฒนาตนเอง

สวัสดีค่ะ...สำหรับวันนี้ ผู้เขียนขอเล่าเรื่องช่วงหนึ่งของการปฏิบัติราชการใน  20 กว่าปีที่ผ่านมาของตัวผู้เขียนเองค่ะ...เพื่อเป็นข้อคิดดี ๆ สำหรับผู้อ่าน...ค่ะ

                                ผู้เขียนเริ่มบรรจุเข้ารับราชการ เมื่อ 1 เม.ย. 2531 เป็นวันข้าราชการพลเรือน พอดีเลยค่ะ ปฏิบัติงานมาเรื่อย ๆ เรียนรู้การทำงานจากหัวหน้างานซึ่งเป็นรุ่นพี่ และผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้น ซึ่งพวกท่านใช้วิธีการสอนงานจากการบอกเล่า แนะนำ เรียนรู้เองจากการปฏิบัติจริง นับถือน้ำใจของพวกเขาจริง ๆ  เราทำงานกันแบบพี่แบบน้อง  มีเรื่องเดือดร้อนอย่างไรบอกกัน   ตรง ๆ ไม่มีการเสแสร้ง สำหรับการทำงานต้องมีการลงมือปฏิบัติเอง เมื่อเกิดปัญหาก็สอบถามพวกพี่ ๆ สามารถแก้ปัญหาเองได้บ้าง ไม่ได้บ้าง แต่ก็ทำให้งานสำเร็จลงได้  อาศัยที่ตนเองเป็นคน ไม่ค่อยอยู่นิ่ง  มีใจรักและมีความสุขกับการได้ทำงาน ชอบช่วยเหลือเพื่อน ๆ ผู้อื่น อยู่เสมอ แม้เวลาที่ตนเองไม่มีงาน เมื่อเห็นพวกพี่ ๆ เขาทำ ชอบถามว่ามีเรื่องอะไรให้ช่วยบ้าง จนรุ่นพี่ซึ่งเป็นหัวหน้างานเราเขาคงมีเจตนาดี เห็นว่าเราทำมากแล้วต้องการให้เราพักกระมัง เขาบอกว่า “อยู่เฉย ๆ บ้างก็ได้ ไม่ต้องไปช่วยเขาหรอก เขาทำเองได้” แต่ความมีน้ำใจของเรา ก็ตอบว่า “ไม่เป็นไร  ไม่เหนื่อยหรอก”  และเราก็ได้ไปช่วยเหลืองานเขา แต่ในความช่วยเหลือครั้งนั้น ทำให้เราได้ทราบเรื่องกว้างขึ้น ทำให้เรารู้มากขึ้น ซึ่งเป็นประโยชน์ในภายหลังโดยที่เราไม่ทราบมาก่อนว่าในการช่วยงานพวกพี่ ๆ เขาครั้งนั้น มันจะสามารถนำมาช่วยให้เป็นเราในวันนี้ได้ นี่แหละเขาเรียกว่า  “ประสบการณ์ที่ได้จากการได้ปฏิบัติจริง”  ผู้เขียนคิดต่ออีกว่า  ถ้าวันนั้น เราไม่ช่วยพี่เขา แล้วเราจะมีวันนี้ไหม ?

                                สำหรับการพัฒนาตนเอง ในการทำงานสมัยก่อน เมื่อจบปริญญาตรี หรือปริญญาโท แล้วเข้าทำงานคือรับราชการ  ถือได้ว่าจบแล้วจบเลย ไม่ต้องเรียนอะไรเพิ่มเติมแล้ว มีหน้าที่ที่จะทำงานก็ทำไป เพราะรัฐก็ไม่ได้ค่อยได้เห็นความสำคัญ หรือมียุทธศาสตร์ในการพัฒนาตนเองมากนักเหมือนในยุคปัจจุบัน แต่ทั้งนี้ ทั้งนั้น ขึ้นอยู่กับตัวบุคคลแต่ละบุคคลเองที่จะขวนขวายหาความรู้ใส่ตนเอง ซึ่งผู้เขียนเอง ก็เห็นความสำคัญต่อการพัฒนาตน มาตั้งแต่บรรจุเข้ารับราชการ เรียนรู้มาเรื่อย ๆ ตั้งแต่จบ ปวท. เรียนต่อ ป.ตรี เรียนต่อ ป.โท แม้ปัจจุบันจะไม่ได้เรียนต่อ ป.เอก เหมือนกับบุคคลอื่น แต่ในช่วงที่ผ่านมา ได้เรียนรู้จากสถาบันที่ให้ความรู้ต่าง ๆ ในจังหวัดพิษณุโลก ได้รับใบประกาศมากมายต่อการให้เรียนรู้เพิ่มเติม  ต่อมาเมื่อยุค IT เข้ามามีบทบาท ยิ่งเป็นโอกาสให้ผู้เขียนได้เข้าศึกษาหาความรู้มากมายใน WebSite ต่าง ๆ บนโลกที่ไร้ขีดจำกัด ได้รับความรู้มากมาย โดยเฉพาะผู้ที่เป็นข้าราชการ,เจ้าหน้าที่ของรัฐ,พนักงานราชการ,พนักงานมหาวิทยาลัย ควรเรียนรู้ได้จากการเรียน e-Learning ของ ก.พ. และ ก.พ.ร. ทำให้ได้รับความรู้ใหม่ ๆ มากมาย เนื่องจากปัจจุบันรัฐได้มีการปรับเปลี่ยนระบบการบริหารจัดการภาครัฐแนวใหม่ซึ่งเกิดจากการปฏิรูประบบราชการนั่นเอง  สำหรับภาครัฐได้หันมาให้ความสำคัญกับการพัฒนาบุคลากรภาครัฐ โดยเฉพาะการพัฒนาตนเอง  การจัดทำแผนพัฒนาตนเอง  ซึ่งทำให้ผู้เขียนทราบว่าเรียนรู้มากขึ้นเท่าไร ได้รับความรู้มากขึ้นเท่านั้น  มีบางท่านถามว่า  ผู้เขียนเอาเวลาไหนไปเรียน  ยอมรับว่าเมื่อตอนที่บ้านยังไม่ติด Internet ได้เรียนจากที่ทำงานช่วงเช้าก่อน 8.30 น. เพราะเป็นคนที่ไปทำงานแต่เช้า,ช่วงพักกลางวัน ไม่ออกไปไหน นำข้าวไปทานหรือซื้อของไปกินที่ทำงาน กินไปเรียนรู้ใน Web ไป หรือไม่ก็กลับเย็นหน่อยสักอีกครึ่งชั่วโมง ทำทุกวัน ๆ ได้ความรู้เพิ่มอีกเยอะ เรียกว่าการเรียน e – Learning ของสำนักงาน ก.พ. แทบจะทุกวิชาได้ศึกษาเกือบหมดแล้ว  ยิ่งปัจจุบันได้ติด Internet ที่บ้านแล้ว ยิ่งได้รับความรู้ใหญ่เพิ่มขึ้นสามารถเรียนและนำงานมาทำต่อที่บ้านได้อีก ได้ทั้งความรู้ ได้ทั้งงาน ซึ่งทำให้ผู้เขียนทราบว่า การจะทำสิ่งใด ๆ ก็ตาม  “ต้องมาจากใจ  ยิ่งใจรัก  ทำอะไรก็สำเร็จ ทำให้ผู้เขียนทราบว่า  การพัฒนาตนจากสมัยก่อนกับสมัยปัจจุบันแตกต่างกันมาก  ยิ่งภาครัฐสนับสนุนให้ข้าราชการได้รับการพัฒนาตนเองยิ่งแล้ว เพราะจะทำให้สามารถบ่งบอกถึงความเชี่ยวชาญในงานของตนเอง ซึ่งได้รับความรู้จากการที่เราได้ศึกษาและนำมาใช้ปฏิบัติในการทำงานของตนเองจนเกิดผลสำเร็จได้ ความรู้ความสามารถไม่ได้เรียนรู้ในวันเดียวแต่ต้องเรียนรู้จากประสบการณ์และการสั่งสมมาเรื่อย ๆ  จากแต่ก่อนผู้เขียนไม่เคยรู้เรื่อง IT แต่ปัจจุบันทุกเช้า ผู้เขียนจะต้องเปิด msn เปิด mail ของตนเองทุกวัน (ยกเว้นวันที่ไปราชการนอกมหาวิทยาลัยหรือวันที่มีการประชุม ฯ)  ซึ่งทำจนชินติดเป็นนิสัย  ถ้าวันใดไม่ได้ทำเป็นไม่ได้ ขอฝากสำหรับผู้อาวุโสที่รักและสนใจที่ใช้คอมพิวเตอร์เอง  ระวังเรื่องสุขภาพตาด้วยค่ะ ระวังจะเป็น “โรค IT Syndrome” นะค่ะ  ดูแลสุขภาพตาด้วยค่ะ...

ผู้เขียนคิดว่า  การเรียนรู้  เราสามารถเรียนรู้ได้ตลอดชีวิต  ซึ่งผู้เขียนคิดว่าก็เป็นเช่นนั้นจริง ๆ  เพราะบางเรื่องเราคิดว่าใช่  แต่ความจริงมันไม่ใช่  ซึ่งเกิดจากการที่เราได้รับความรู้ใหม่ ๆ และเปิดใจยอมรับมันด้วยเหตุด้วยผล  ซึ่งทำให้ผู้เขียนทราบว่า  นี่แหละคือการพัฒนาตนเองอย่างแท้จริงค่ะ

หมายเลขบันทึก: 302242เขียนเมื่อ 30 กันยายน 2009 22:00 น. ()แก้ไขเมื่อ 14 พฤษภาคม 2013 09:39 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)

ขอบคุณ คุณ Man In Flame

ที่นำสื่อดี ๆ มาฝากค่ะ

แวะมาอ่านหลายบันทึกที่พี่คัดเลือกมา เข้าใจเลยว่าเลือกยากจริง ๆ แต่ขออนุญาตคัดห้าบันทึกจากจำนวนที่ส่งมานะคะ เร็ว ๆ นี้จะขึ้นลิงค์ให้ชมในบันทึกถัดไปค่ะ ขออภัยจริง ๆ ค่ะ มีบางท่านที่ส่งมาเผื่อ ๆ เกินห้าบันทึก ก็ต้องขอเลือกห้าบันทึกเหมือนกันค่ะ ขอบพระคุณค่ะ 

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท