หมอเจ๊ คนสวย แซ่เฮ
พ.ญ. ศิริรัตน์ เอกศิลป์ สุวันทโรจน์

อ่านแล้วอารมณ์ดี


อิ่มใจกับการได้เห็นผู้สูงวัยกว่าปฏิบัติดีปฏิบัติชอบเป็นตัวอย่าง

ไปเหนือมาคราวนี้ ได้อิ่มใจกับการได้เห็นผู้สูงวัยกว่าปฏิบัติดีปฏิบัติชอบเป็นตัวอย่าง  ทำให้ย้อนรำลึกได้ถึงเรื่องราวที่มีกัลยาณมิตรส่งมาให้ทางอีแมว ซึ่งเป็นเรื่องดีๆที่ทำให้อารมณ์ดีเช่นกัน  จึงนำมาฝากพี่น้อง  ปรับอารมณ์เพิ่มสุนทรีย์กันด้วยการตามอ่านกันเน้อ เป็นเรื่องราวตามชื่อเรื่องนี้ค่ะ  

ข้อปฏิบัติในการใส่บาตร

1. นิมนต์พระ

หลังจากที่เราเตรียมสำรับกับข้าวเรียบร้อยแล้ว

เราก็ยืนรอพระที่จะเดินบิณฑบาตผ่านมา

การยืนรอพระในขั้นตอนนี้ ควรศึกษาให้ดีเสียก่อนว่า เส้นทางนี้มีพระเดินผ่านหรือไม่

ไม่ใช่ว่าไปรอบนทางสายเปลี่ยวที่ไม่มีพระเดินผ่าน คงไม่ได้ใส่กันพอดี รอซักพัก

พอมีพระเดินมาก็นิมนต์ท่าน

การนิมนต์ ก็ควรใช้คำว่า “นิมนต์ครับ/ค่ะท่าน” แค่นี้พระท่านก็ทราบแล้ว

ตอนเป็นพระเคย เดินบิณฑบาตที่ตลาดเขมร โยมนิมนต์ด้วยถ้อยคำอันรื่นหูว่า “ท่านเจ้าประคุณเจ้าคะ นิมนต์เจ้าค่ะ” ( ใช้คำไฮโซมาก) มีอีกทีนึงโยมใช้คำว่า “นิมนต์เจ้าค่ะ พระอาจารย์ ” ( เอ่อ โยม อาตมาเพิ่งบวชอาทิตย์เดียว)


การนิมนต์พระควรนิมนต์ด้วยความสำรวมและใช้เสียงดังพอประมาณ โยมบางคนเรียกพระด้วยเสียงอันดัง “นิ โมนน!!” (แง้ทำไมต้องตะคอกด้วย)

การนิมนต์ควรสังเกตอายุของพระด้วย ถ้าอายุน้อยกว่าเราหรือว่าเยอะกว่าไม่มากก็เรียกว่าหลวงพี่

ถ้ามีอายุหน่อยก็เรียกหลวงน้า

ถ้าแก่พรรษามากก็เรียกหลวงตา

หรือนอกจากนี้ก็อาจจะเรียกหลวงอา หลวงลุง หลวงปู่ฯลฯ แล้วแต่จะลำดับญาติ

อย่างเช่นปีนี้อายุ ๒๓ ปี หน้าตาค่อนข้างเด็ก แต่เคยมีโยมใช้คำว่า “นิมนต์ค่ะ หลวงลุง ” ทำเอาเสีย self จนอยากสึกออกไปทำ baby face

โยมบางคนคงเขินอายพระ เนื่องจากไม่ค่อยได้ใส่บาตรเท่าไร เวลาพระเดินมาก็ยื่นมือออกมาทำท่ากวักๆ ทำเหมือนพระเป็นรถเมล์

หลังจากนิมนต์พระ ก็เข้าสู่ขั้นตอนถัดไปคือ


2. จบ

อันนี้ไม่ได้หมายความว่าเรื่องจบแล้วนะ

การจบ หมายถึง การเอามาทูนไว้ที่หัวแล้วอธิษฐาน

การจบ ควรใช้เวลาอธิษฐานแต่พองาม ไม่ต้องอธิษฐานนานจนเกินไป

เคยมีโยมนิมนต์ไป รับบาตร ไอ้เราก็เดินไปเปิดฝาบาตรรอรับ โยมก็จบอยู่ ขอบอกว่านานมากกกกกกก นานจนรู้สึกได้ นานจนอดคิดไม่ได้ว่า “โยมขออะไรเราน้า ?”


3. ถอดรองเท้า ยืนด้วยเท้าเปล่า

จริงๆแล้ว จุดประสงค์ของการถอดรองเท้าคือเป็นการให้ความเคารพพระสงฆ์โดยการไม่ยืน สูงกว่าท่าน เพราะเวลาพระสงฆ์บิณฑบาตจะเดินเท้าเปล่า

แต่มีญาติโยมบางคนไม่เข้าใจเกี่ยวกับการถอดรองเท้า ซึ่งมีหลายประเภทเหมือนกัน เช่น

บางคนถอดรองเท้าอย่างเรียบร้อยแต่ยืนบนรองเท้า - -” ( สูงกว่าเดิมอีก)

บางคนถอดรองเท้าและยืนบนพื้นจริง แต่ว่าตัวเองยืนบนฟุตบาท พระยืนบนพื้นถนนซะงั้น (หนักกว่าเก่า)


เคยมีเรื่องเล่าว่า มีโยมคนหนึ่งยืนใส่บาตรพระ พระเห็นว่าโยมใส่รองเท้าเลยแนะนำโยมไปว่า

พระ : “โยม อาตมาว่าโยมควร ถอดรองเท้าใส่บาตร นะ”

โยมมีสีหน้าตกกะใจ ตอบพระไปว่า : เอ่อ จะดีหรือค่ะ

พระ : ไม่เป็นไรหรอกโยม

โยมก็จัดแจงถอดรองเท้า ยกขึ้นมาพร้อมกับถามพระว่า : จะให้ใส่ข้างเดียวหรือว่าสองข้างเลยค่ะ

บ้า!! ซิ หมายถึงถอดรองเท้าเวลาใส่บาตร ไม่ใช่ถอดรองเท้าเอามาใส่ในบาตร

อันนี้เป็นเรื่องที่หลวงน้ารูปหนึ่งเล่าให้ฟังระหว่างฉันเพล ( เรื่องขำขันขณะฉันเพล)

พอถอดรองเท้าเสร็จก็เข้าสู่ขั้นตอนที่สี่


4. ใส่บาตร

อันนี้ถือเป็นจุดไคลแมกซ์ของการใส่บาตร

สิ่งสำคัญที่ทุกคนมองข้ามก็คือควรดูว่าของที่นำมาใส่บาตรนั้น เสียรึเปล่า

บางคนมีเจตนาอยากทำบุญดี แต่ดันไปซื้อของเสียมาใส่บาตร พระฉันไป เข้าห้องน้ำไป

พวกร้านค้าก็จริงๆ บางครั้งเอาของค้างคืนมาขายเอากำไร ไม่สนใจพระเจ้า เห็นแก่ตัว หากินกับพระ ก็ฝากด้วยนะ เด๋วทำบุญจะได้บาปเปล่าๆ

นอกจากนี้ ของที่นำมาใส่ ถ้าเพิ่งปรุงสุกเสร็จ ควรดูด้วยว่ามันร้อนมากรึเปล่า

เคยมีโยมใส่แกง ร้อนมากๆๆ บาตรเกือบหล่น ทั้งนี้เพราะบาตรทำจากโลหะ นำความร้อนได้ดี

ปริมาณไม่ควรมากจนเกินไป

เคยมีโยมใส่บาตรด้วย “กล้วย ๓ หวี”

กล้วยเล็บมือ นาง กล้วยไข่ อาตมาไม่ว่า แต่นี่ใส่ “กล้วยหอม” ( อันนี้เกิดกับตัวเองจริงๆ) คิดดู “กล้วยหอม ๓ หวี” อยู่ในบาตร หนักมากกกกกกกกก จนอยากบอกโยมว่า “โยม อาตมาไม่ใช่ช้าง”

การใส่ก็ควรวางในบาตรด้วยอาการสำรวม

โยมผู้หญิงบางคนกลัวโดนพระจัด พอถุงกับข้าวถึงแค่ปากบาตร ก็ปล่อยลงมา ตุ๊บ!! นึกว่ากาลิเลโอกลับชาติมาทดลองเรื่องแรงโน้มถ่วงของโลก(วางดีๆก็ได้ 55555)


5. รับพร

หลังจากใส่บาตร เสร็จ พระสงฆ์ส่วนมากก็จะให้พร เราเป็นญาติโยม ก็ประนมมือรับพรกันตามระเบียบ โดยอาจยืนหรือนั่งยองๆ ก็ได้ ก้มหัวแต่พองาม

เคยมีโยมยืนประนม มือ แต่ก้มหน้ามาแทบชนพระ ห่างจากหน้าพระประมาณคืบเดียว ไม่ต้องใกล้ชิดศาสนาขนาดนั้นก็ได้โยม (ตอนนั้นให้พรเบาๆ เพราะไม่มั่นใจเรื่องกลิ่นปาก)

ถ้าเป็นโยมผู้หญิงก็นั่งให้เรียบร้อย เหมาะสม

ระหว่างนี้ก็อุทิศส่วนกุศลให้คนที่รัก เจ้ากรรมนายเวรและอื่นๆ ก็ว่ากันไป

ขั้นตอนการทำบุญง่ายๆ ด้วยการใส่บาตรที่อยากแนะนำก็มีประมาณเท่านี้

ตื่นเช้ามาใส่บาตรกันเถอะนะ พี่น้อง

27 กันยายน 2552

หมายเลขบันทึก: 301316เขียนเมื่อ 27 กันยายน 2009 20:31 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 21:37 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (6)

สวัสดีค่ะพี่หมอเจ๊

อ่านแล้วยิ้ม ๆ อารมณ์ดีจริงด้วยค่ะ แม้จะเคยได้รับฟอเวิร์ดเมลนี้แล้ว...

ฝนกำลังตกที่กทม.ค่ะ อากาศกำลังสบายดี

ที่กระบี่ฝนตกไหมคะ

รักษาสุขภาพด้วยนะคะ คุณหมอไม่ควรเป็นหวัด ไอค็อกแค็กค่ะ....

คิดถึงค่ะ

(^___^)

ส่งเมฆภาพอะไรดูไม่ออก แต่สีสวยถูกใจมาให้พี่ชมค่ะ

สวัสดีคะ

คิดถึงพี่หมอเจ๊นะคะ

บันทึกนี้น่าจะให้เด็ก ๆได้อ่านนะคะ

ผู้ใหญ่ที่ปฏิบัติไม่ถูกก็ควรอ่านคะ

  • น้อง คนไม่มีราก ค่ะ
  • การมีอารมณ์ดีช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันโรค
  • พี่สบายดีค่ะ
  • ขอบคุณในความห่วงใยที่มีให้เสมอ
  • ดูแลสุขภาพตัวเองด้วยเช่นกันนะน้อง
  • ประกาย~natachoei ที่~natadee ค่ะ
  • ไม่ว่างค่ะ ก็เลยไม่ได้ไปร่วม G2K สัญจรที่ขอนแก่นด้วย
  • คิดถึงน้องเช่นกันค่ะ
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท