โยมทราบหรือเปล่าว่า..บุคคลมีกี่ประเภท? บุคคลมีหลายประเภทหลายแบบ นอกจากจะแบ่งเป็น ๔ จำพวกดังที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสเปรียบไว้เหมือนบัว ๓ เหล่า แต่ภายหลังพระอรรถกถาจารย์อธิบายว่ามี ๔ เหล่าได้แก่
๑. อุคฆฏิตัญญู ผู้อาจรู้ธรรมแต่พอท่านยกหัวข้อขึ้นแสดงเหมือนดอกบัวพ้นน้ำแล้วพอได้รับแสงอาทิตย์ก็บาน
๒. วิปจิตัญญู ผู้อาจรู้ธรรมต่อเมื่อท่านอธิบายความแห่งหัวข้อนั้นเหมือนดอกบัวปริ่มน้ำที่จะพ้นน้ำและบานวันรุ่งขึ้น
๓. เนยยะ ผู้พอแนะนำได้เหมือนดอกบัวที่อยู่ใต้น้ำลึกลงไป ซึ่งจะแก่กล้าขึ้นมาบานในวันต่อ ๆ ไป
๔. ปทปรมะ ผู้มีบทเป็นอย่างยิ่งเหมือนดอกบัวที่อยู่ใต้น้ำลึกลงไปมาก ถึงขนาดไม่อาจขึ้นมาบานได้ เพราะตกเป็นภักษาของปลาและเต่าเสียก่อน
อีกนัยหนึ่ง อาตมาเคยได้ยินหลวงปู่สอนไว้ว่า ยังแบ่งบุคคลได้เป็นอีก ๔ จำพวก คือ
๑. ไม่รู้ไม่ชี้ หมายถึง บุคคลผู้รู้ตัวเองว่าเขลา คือยังไม่มีความรู้ความสามารถจึงไม่ได้แนะนำใครอื่นเขา เหมือนกับว่า เจียมตัวเจียมใจ บุคคลที่โง่แล้วรู้ตัวว่าโง่..ท่านกล่าวว่า..ยังพอที่เป็นคนฉลาดได้
๒. ไม่รู้แต่ชี้ หมายถึง บุคคลผู้โง่เขลาแต่กลับสำคัญตนว่าฉลาดกว่าใคร แล้วไปชักนำให้คนอื่นให้ทำนู้นทำนี่ บุคคลประเภทนี้แม้มีคนมากล่าวตักเตือนตนว่ามันไม่ถูกนะ เขาก็ยังจะทะนงตนว่า ตนเองรู้แล้วทำถูกแล้วไม่ต้องมาสอน เขาเหมือนกับแก้วที่ล้นน้ำ คือไม่อยากรับคำแนะนำจากคนอื่นเลย ท่านกล่าวว่า เขาจะไม่มีวันที่จะฉลาดได้อีก เป็นคนดื้อรั้นยิ่งนัก
๓. รู้แต่ไม่ชี้ หมายถึง บุคคลผู้มีความรู้แต่กลับไม่สามารถจะแนะนำคนอื่นรู้ตามได้ ซึ่งเข้าทำนองสุภาษิตไทยว่า “มีความรู้ท่วมหัวแต่เอาตัวไม่รอด” ประมาณนั้น เขาเป็นมักคนสันโดษ อยู่คนเดียวไม่สนใจใคร ตนเองเก่งคนเดียวแต่ทำงานกับคนอื่นไม่ได้ ท่านบอกว่า แม้จะฉลาดก็ไม่มีประโยชน์แก่คนอื่นเลย
๔. รู้แล้วจึงชี้ หมายถึง บุคคลผู้ทั้งที่ฉลาดและสามารถแนะนำพร่ำสอนคนอื่นได้ เป็นคนที่มีปัญญาฉลาดเฉลียวมีประโยชน์แก่ตนและคนอื่นได้ ท่านกล่าวว่า บุคคลเช่นนี้คือคนที่ได้ลิ้มรสแห่งธรรมเข้าแล้ว
อีกประการหนึ่ง บุคคลยังจะสามารถแบ่งได้อีกเป็น ๔ พวก เหมือนกัน คือ
๑. มืดมามืดไป หมายถึง บุคคลที่เกิดมาในตระกูลต่ำหรือพิการ แล้วเขาก็ยังเป็นคนทุศีล ตายไปก็ไปเกิดในอบายภูมิ
๒. มืดมาสว่างไป หมายถึง บุคคลที่เกิดในตระกูลต่ำ เช่น ขอทาน คนจน แต่เขาเป็นคนดี รักษาศีล เจริญกุศลทุกอย่าง ตายไป เขาก็ไปเกิดในสุคติภูมิ
๓. สว่างมามืดไป หมายถึง บุคคลที่เกิดในตระกูลสูง คนรวย แต่เขาเป็นคนทุศีล ตายไปก็เกิดในอบายภูมิ
๔. สว่างมาสว่างไป หมายถึง คนที่เกิดในตระกูลสูง ไม่พิการตั้งแต่กำเนิดแล้วเขาก็ให้ทาน รักษาศีล ประพฤติดี ทางกาย ทางวาจา ตายไปก็เข้าถึงสุคติโลกสวรรค์
สรุปก็คือ บุคคลมีหลายประเภทหลายแบบอย่างไรก็ไม่สำคัญ..ที่สำคัญคือ คุณโยมคิดว่าคุณโยมเป็นบุคคลประเภทไหน? หรืออยากจะเป็นประเภทไหน..ก็ต้องประพฤติตนให้เป็นดังบุคคลนั้น ๆ ก็แล้วกัน..นะโยม ขอเจริญพร..!!
อ้างอิง
กราบนมัสการครับ
ขอเป็นรู้แล้วจึงชี้ดีกว่าครับ
นมัสการด้วยความเคารพครับผม