วันที่เหนื่อยล้า....


เวลาเรานอนหลับก็เหมือนกับเราตาย พอเราตื่นก็คือการได้เกิดใหม่ เพราะฉะนั้นแต่ละวัน เราทั้งเกิดและตายอยู่ตลอด
เช้านี้ตื่นมาด้วยสมองที่เบลอๆ ไม่แจ่มใสเท่าที่ควร สงสัยอาจจะเป็นเพราะนอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ....แม้ว่าจะจิบกาแฟยามเช้าตามกิจวัตรประจำวันที่เคยทำ ก็ไม่สามารถทำให้สมองปลอดโปร่งขึ้นมาได้ (ข้าพเจ้าสังเกตว่า ถ้าที่นอนพักผ่อนไม่เพียงพอ คาเฟอีนไม่ได้สามารถทำให้ข้าพเจ้าสดชื่นขึ้นมาได้...แต่เมื่อใดก็ตามที่พักผ่อนอย่างเต็มที่ กาแฟแก้วน้อย ทำให้ประสิทธิภาพของสมองและการทำงานเพิ่มขึ้นอย่างประหลาด)
 
วันนี้เป็นอีกวันหนึ่งที่เหนื่อยมาก คือเหนื่อยทั้งกายและเหนื่อยทั้งใจ ไม่รู้ว่าเหนื่อยกายหรือว่าเหนื่อยใจเกิดก่อน หรือว่าเกิดขึ้นพร้อมๆ กัน แม้ว่าจะเหนื่อยเพียงไรก็ตาม แต่ว่าหน้าที่การงานก็ยังคงต้องทำต่อไป ภาระที่ต้องรับผิดชอบจำเป็นที่จะต้องทำอย่างเต็มความสามารถ และให้ดีที่สุดโดยไม่มีข้ออ้าง....ข้าพเจ้าพยายามที่จะให้ความเหนื่อยเป็นเพียงแค่เหนื่อยกาย พยายามรักษาใจให้ผ่องใสแม้ว่าจะทำได้ยากยิ่ง(จินตนาการถึงโรงพยาบาลที่คนไข้แออัดยัดเยียดจนไม่มีที่นั่งในตอนเช้า คงไม่มีใครรู้สึกสดชื่นท่ามกลางบรรยากาศเช่นนั้น)
 
ผู้ป่วยหลายคนมีโรคทางกายมากมาย ทำให้จิตใจไม่สบาย ใจเป็นทุกข์กับตัวโรคที่เป็นอยู่....ในขณะที่บางคนป่วยเป็นโรคอุปาทานคือ คิดมาก...จนทำให้ร่างกายป่วยจริงๆ ไปตามที่จิตตนเองคิด บางคนป่วยด้วยโรคร้ายแรง แต่ทว่ามีพลังใจที่เข้มแข็ง ท่าทางสดชื่น แข็งแรง ราวกับไม่ใช่คนป่วย ซึ่งผู้ป่วยประเภทหลังนี้น่านับถือมากๆ ข้าพเจ้าเคยบอกกับผู้ป่วยบางรายว่า โรคทางกายก็เป็นมากแล้ว อย่าให้ต้องเป็นโรคทางใจอีกเลย...แต่ก็ไม่รู้ว่าเค้าจะสามารถทำได้เพียงไร เพราะขนาดใจเราเองที่ร่างกายไม่ได้ป่วย ในบางครั้งบางคราวก็ติดเชื้อโรคทางใจเป็นพักๆ เหมือนกัน
 
หลังเลิกงาน พอได้เอนตัวลงที่เตียงนอนเท่านั้น ก็รู้สึกราวกับว่าตัวเราได้กลืนหายไปกับเตียงนอน รู้สึกตัวอีกทีก็ค่ำแล้ว...บางคนเคยบอกว่า เวลาเรานอนหลับก็เหมือนกับเราตาย พอเราตื่นก็คือการได้เกิดใหม่ เพราะฉะนั้นแต่ละวัน เราทั้งเกิดและตายอยู่ตลอด...ถ้างั้นคืนนี้...ข้าพเจ้าก็ขอตายอย่างสงบเพื่อเตรียมร่างกายและจิตใจให้พร้อมวันพรุ่งนี้ พร้อมที่จะเกิดใหม่เพื่อพบกับแสงทองของตะวันในพรุ่งนี้เช้า...
 
 
เอ...ว่าแต่ว่า เหนื่อยกาย กับเหนื่อยใจ อันไหนมันแย่กว่ากันนะ?
 
 
หมายเลขบันทึก: 300241เขียนเมื่อ 23 กันยายน 2009 22:48 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 21:36 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (7)

กายมันไม่เหนื่อยกับเราหรอกขอรับ..

มือเคยบ่นไหมว่าเมื่อยเวลาถือของหนัก  เท้าเคยพูดไหมเวลาเหยียบเศษแก้ว

ที่เราเหนื่อยเพราะเราไม่ได้อยู่กับใจเราอย่างแท้จริง(ลองพิจารณาดีๆ)

ก่อนนอนลองฝึกหัดการหลับไปกับลมหายใจเข้าออก

แม้นอนห้านาทีสิบนาที

แต่พอตื่นเหมือนได้พักเต็มที่เลยทีเดียว

..เมื่อใดก็ตามหากเราหายใจเป็นความเหนื่อยจะหายไปจริงๆขอรับ...

สาธุ..

กราบขอบพระคุณท่านธรรมฐิตสำหรับคำแนะนำดีๆ ค่ะ

 

เมื่อคืนเหนื่อยมากจริงค่ะ ว่าจะรีบนอน แต่ก่อนนอนอ่านหนังสือของท่านติช นัท ฮ้นช์ ท่านสอนให้ทำทุกอย่างอย่างมีสติ สอนว่าการนั่งสมาธิคือการพักผ่อนอย่างแท้จริง อ่านแล้วได้สติ...ลุกขึ้นมานั่งสมาธิก่อนนอน 15 นาที ค่ะ แล้วก็นอนสมาธิต่อ ตอนนี้คงจะฝึกนั่งสมาธิก่อนนอนทุกวัน

เช้านี้ตื่นขึ้นมาอย่างสดชื่น...^-^

ชื่นชมทั้งเจ้าของบล็อกและท่านธรรมฐิตที่ร่วมแลกเปลี่ยนบอกเล่าการปฏิบัติดีๆ

เพื่อนำจิตนี้ กายนี้ให้ผ่อนวางเอนพัก อย่างเบาสบาย

สวัสดีค่ะ แวะมาทักทายและเป็นกำลังใจให้ค่ะ

รีบพักผ่อนนะค่ะ

จะได้สดใสและสคชื่นค่ะ

ขอบคุณค่ะ คุณตุ๊กตาสำหรับกำลังใจ

วันนี้หายเหนื่อยแล้วล่ะคะ....เหนื่อยได้ ก็ต้องหายเหนื่อยได้ สู้ๆ ^-^

ใจที่ชื่นบานเป็นยาอย่างดี...ยิ้มไว้ค่ะคุณหมอดาวดวงน้อยๆ

P ขอบคุณนะคะป้าเหมียว...

ตอนนี้พยายามรักษาใจตนให้ชื่นบานค่ะ...trying to keep smile ^v^

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท