เรียนรู้หรือจะสู้ลงมือทำ


          หลังจากได้ศึกษาหลักการประกอบธุรกิจมาระยะหนึ่ง ก็พบว่า การเอาแต่อ่านไม่เกิดประโยชน์ แถมยังสับสน จับต้นชนปลายไม่ถูก

          ก็คิดว่าจะเริ่มทำธุรกิจเลยดีกว่า มองซ้ายมองขวา ในครานั้นก็พบว่า ธุรกิจกาแฟสดกำลังอินเทรนด์ เอาล่ะงั้นก็เริ่มจากการเป็นอาโกขายกาแฟนี่แหละ

          ว่าแล้วก็สมัครเข้าคอร์สอบรมการเป็นเจ้าของธุรกิจกาแฟสด ก็พบว่ามันเริ่มมากเรื่องที่ต้องเรียนรู้อีกแล้ว

          ขั้นแรกต้องรู้จักเครื่องชงกาแฟ ต่อมาต้องรู้จักวิธีชงกาแฟ ยังไม่หนำใจ ต้องรู้จักดูเมล็ดพันธ์กาแฟ และสุดท้ายต้องรู้จักซัพพลายเออร์ผู้ขายเมล็ดกาแฟ นั่นเป็นแค่เบื้องต้น เบื้องปลายต้องรู้จักตลาดและรักษาลูกค้า มรึนตึ๊บ!

          โลกนี้ไม่มีอะไรฟรี! และไม่มีอะไรที่ได้มาแบบง่ายๆ แม้จะพบว่าบางคนช่างประสบความสำเร็จอย่างง่ายดายซะเหลือเกิน แต่เบื้องลึกเบื้องหลัง มีตัวช่วยเต็มไปหมด

          คนที่ขาดตัวช่วยย่อมลำบากลำบนกว่าคนที่พร้อม นี่เป็นสัจธรรม!

          และคนที่ขาดตัวช่วยแถมขาดความมุ่งมั่นประกอบด้วย ย่อมจะลำบากกว่าคนที่ขาดตัวช่วยหลายเท่านัก

          โอกาสเป็นของคนที่พร้อมสำหรับโอกาสเท่านั้น นี่ก็เป็นสัจธรรม!

          การไปเข้าคอร์สอบรมการเป็นเจ้าของธุรกิจกาแฟ จบลงด้วยความกังวลอยู่เต็มสมอง เวทีนี้ไม่เจอพี่เลี้ยง แต่จะว่าไปในโลกของธุรกิจเวทีไหนๆ ก็ไม่มีพี่เลี้ยง ต้องเลียนแบบจีจ้า เล่นจริง! เจ็บจริง!  ถ้าไม่กล้าเจ็บ ก็ไม่ต้องเล่น!

          คิดสะระตะ แบบไม่เด็ดสะระตี่ ด้วยความที่กลัวเจ็บ จึงไม่กล้าจริง

          เมื่อไม่กล้า โชคชะตาก็หัวเราะแล้วก็เก็บโอกาสกลับคืนไป

          จึงสำนึกได้ว่าความรู้อย่างเดียวไม่พอที่จะทำธุรกิจ! ต้องมีความกล้าเล่น กล้าเจ็บ เป็นส่วนประกอบที่สำคัญร่วมด้วย

          กล้าเล่น กล้าเจ็บ แบบจีจ้า หรือเรียกว่า เป็นคนกล้าได้กล้าเสีย ถ้าไม่ประกอบกับความรู้ก็คงไม่ต่างอะไรกับนักเผชิญโชค หรือ "นักพนัน"

          แต่ถ้ามองอย่างไม่มีอคติ เรื่องราวของนักธุรกิจใหญ่ๆ หลายต่อหลายคนในอดีต ก็มีนิสัยไม่ต่างจากนักเผชิญโชคไม่ใช่หรือ

          ภาษิตจีนโบราณยังบอก ไม่เข้าถ้ำเสือ ไฉนเลยจะได้ลูกเสือ ก็เท่ากับบอกเป็นนัยๆ ว่าให้คนเรานั้น กล้าๆ หน่อย ด้วยหรือเปล่า

          นักธุรกิจผู้ยิ่งใหญ่ในตำนานใต้ฟ้าเมืองไทยหลายต่อหลายคน เิริ่มต้นจากศูนย์และกล้าเผชิญโชคด้วยต้นทุนที่แสนต่ำ แม้จะด้วยสภาพแวดล้อมบังคับแบบเสื่อผืนหมอนใบ ทำให้กล้าทุ่มเดิมพันบนหน้าตักแบบหมดตัว เพื่อเสี่ยง!

           เดิมพันกันเพียงถ้าได้ก็อิ่ม ไม่ได้ก็อด แต่ก็ต้องทุ่ม เพราะถ้าไม่ทุ่มอีกไม่กี่มื้ิอก็คงอดเหมือนกันนี่นา แต่ผลนอกจากไม่อดแล้วยังเกินอิ่ม แตกสายขยายฐานธุรกิจเป็นเจ้าของทุนผู้ยิ่งใหญ่สืบต่อๆ กันมาเป็นทอดๆ ให้ใครต่อใครหลายๆ คนได้อิจฉาเ่ล่นอีกต่างหาก

           ส่วนคนที่ไม่กล้า ก็นั่งมองเขากล้าไป แล้วก็ส่ายหน้าระอาใจบ่นพึมพำเป็นคำปลอบไปพลางๆ ว่า วาสนาคนเราไม่เท่ากัน แข่งเรือแข่งพายพอแข่งได้ แข่งบุญแข่งวาสนาลำบาก

           เข้าตำรารู้มากยากนาน รู้น้อยพลอยรำคาญ คนรู้น้อยเมื่อรำคาญก็เลยหาทางตัดรำคาญด้วยการลงมือทำ ธุรกิจมันถึงจะเกิด เมื่อธุรกิจเกิดได้แล้วจึงค่อยมารู้เรียนทีหลัง

           รุ่นใหญ่หัวใจเปลี่ยวเริ่มต้นด้วยเงินบาทเดียวก็รวยได้ ผ่านมาอีกไม่กี่สิบปีรู้สึกว่าตัวเองลำบากและกว่าจะรวยได้มันต้องฝ่าฟันกันหนักหนาเหลือแสน มีลูกหลานเลยส่งเข้าโรงเรียนหัดอ่านหัดเขียนให้ได้ปริญญาแล้วจึงกลับมาต่อยอดพัฒนาธุรกิจ

           ลูกหลานรุ่นหลังที่ไม่ได้ฟันฝ่าแล้วได้มาสานต่อธุรกิจเลยดูเหมือนจะง่าย พอใครๆ ได้เห็นก็รู้สึกว่านี่แหละสูตรสำเร็จ จึงขวนขวายให้มีความรู้เช่นเดียวกันกับคนเหล่านั้น สุดท้ายหลายๆ ราย เหมือนจะเรียนรู้มากเกินไป จึงเป็นได้แค่พนักงานบริหารผู้ชาญเชี่ยวขับเคี่ยวทำธุรกิจให้กับบริษัทของบุคคลในตำนานเหล่านั้น

           คิดไปคิดมา คงด้วยไม่มีความกล้านี่เองหนอ จึงไม่ได้เริ่มทำธุรกิจให้เกิดขึ้นเป็นรูปเป็นร่างกับเขาซักที... เอวัง! หุหุ

 

 

 

คำสำคัญ (Tags): #สัพเพเหระ
หมายเลขบันทึก: 300181เขียนเมื่อ 23 กันยายน 2009 18:49 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 09:39 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท