จิตใจ "สะ มะ ดุล..."


จิตใจสมดุล นั้น คือเราไม่ "เสียดุล" ไม่ "ได้ดุล" ทางจิตกับใคร ในเรื่องใด ๆ

การเสียดุลทางจิตคือ เรารู้สึกว่า อื่ม... เราทำไม่คุ้มค่านะ เราได้เงินมามากเกินไป เราทำให้เขาน้อยเกินไป แบบนี้ใจของเราก็จะเศร้าหมอง

การได้ดุลทางจิตคือ เรารู้สึกว่า อื่ม... เธอเป็นหนี้บุญคุณฉันนะ ฉันทำให้เธอมากมาย เธอต้อง "ใช้หนี้" ฉัน แบบนี้ใจของเราก็จะเห่อเหิม อัตตาตัวตนก็จะ "ฟุ้ง..."

เคลียร์ใจของตัวเองให้ได้ ให้ได้ "ดุล"

ความสมดุลแห่งใจคือ เมื่อตายไปไม่มีติดค้าง หวง และห่วงใคร หรือแม้แต่ "อะไร...!"

เวลาตายนี้สำคัญ ตอนนี้เรายังไม่รู้สึกหรอก แต่ ณ เวลาที่ใกล้หมดลมหายใจนั้น กรรมทั้งหลายที่เคยกระทำ สิ่งที่เคยติดค้าง หรือค้างคาใจเรื่องใดอยู่ก็จะประเด ประดังกันเข้ามา

เวลานั้นสำคัญมาก เพราะเป็นเวลาสุดท้ายของชีวิต

ถ้าหากติดค้างใคร หรืออะไรอยู่ เราก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว

ณ วันนี้เรายังทำได้อยู่ ก็ขอให้รีบ "เคลียร์" ใจของตัวเองเสีย

อย่าให้ติดหนี้ใคร หรืออย่าเป็นเจ้าหนี้ใคร

เพราะว่าการติดอยู่ในเรื่องเหล่านี้ เป็นต้นเหตุแห่ง "การเกิด"

ยิ่งถ้าเราติดในเรื่องไม่ดี จิตเราก็มีสิทธิที่จะลง "อบาย..."

อันตรายนะอย่าล้อเล่นไป หากวันนี้ยังมีลมหายใจต้องเคลียร์ใจให้ "สมดุล..."

 

หมายเลขบันทึก: 299633เขียนเมื่อ 21 กันยายน 2009 21:49 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 21:35 น. ()สัญญาอนุญาต: ไม่สงวนสิทธิ์ใดๆจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)

อืม

เคลียร์ใจให้สมดุล

ฟังดูง่าย ๆ แต่ตอนลงมือทำไม่ง่ายนัก

เหมือนกับการคลายเชือกที่เผลอผูกมาตลอด

จนยุ่งไปหมด

ถ้ามีปัญญา ก็พอจะมองเห็นปมนั้น

แล้วต้องใช้กำลังกาย กำลังใจ กำลังสติปัญญา

อย่างมาก ที่จะออกแรงแก้ปม เคลียร์ได้

แต่เชื่อมั่นอย่างยิ่งว่า ถ้าค่อย ๆ แกะ

ค่อย ๆ แก้ ต้องมีสักวันที่สามารถคลายปมได้หมด

รู้สึกดีใจที่มองเห็นปมของเชือกที่ผูกอยู่

ดีกว่าที่มีปมของเชือกแต่มองไม่เห็น

กราบขอบพระคุณที่ชี้แนะเจ้าค่ะ

เห็นดีด้วยเป็นอย่างยิ่งในประเด็นนี้ หากต้องตายในหนึ่งนาทีใดก็ตาม

........ถ้าทำได้ จะไม่ขอติดค้างอะไรต่อใครเลย................

..................ขอดุลยภาพแห่งความว่างให้บังเกิด"...............

พยายามอย่างยิ่งที่จะเคลียร์ใจให้"ดุล"ในทุกนาที ที่หมุนผ่าน แต่หาทำได้ง่ายไม่

...... จิตนี้ยังอ่อนด้อย ต้องเฆี่ยน ต้องตีอีกเยอะเหลือเกิน.....

คนเรานั้นมักติดอยู่กับ "ความคิด"

คิดว่ายากก็เลย "ไม่ทำ" กว่าจะคิดได้ คิด "ง่าย" บางครั้งก็ "สาย" เกินไปแล้ว

การกระทำนั้นไม่ยากหรอก ความยากนั้นอยู่ที่ "ความคิด"

ความคิดของเราเป็น "ศัตรู" ตัวฉกาจในการที่เราจะ "ก้าวหน้า" ในการปฏิบัติ

จะทำความเพียรหน่อย จะสู้หน่อยก็กลัวผอม กลัวจะป่วย กลัวจะไม่สบาย

จะสั่งสมาธินานหน่อยก็กลัวจะเป็นอัมพฤกษ์ อัมพาต

จะอดนอนหน่อยก็กลัวไม่สบาย

คนเรานี้นะ มันยุ่งเพราะความคิด คิดดีก็ยุ่ง คิดไม่ดีก็ยิ่งยุ่ง คิดอย่างไงก็ยุ่งอย่างนั้น...

ความสมดุลของการคิดและการพูดอยู่ที่ "การกระทำ"

เมื่อทำครั้งใดถือว่าเมื่อนั้น "สมดุล" แล้ว

เพราะว่าเราสามารถเดินออกจากความกลัวใน "ความคิด"

บางคนคิดได้ พูดได้ แต่ทำไม่ได้

ดังนั้น "ตัวกลาง" ความเป็นกลาง หรือ ความสมดุล จึงอยู่ที่ "การกระทำ"

การกระทำเป็นตัวตัดสิน ความคิดและคำพูด

คนที่พูดอย่างไร ความสมดุลก็คือต้องทำอย่างนั้น

คนที่คิดอย่างไร ความสมดุลก็คือต้องทำอย่างนั้น

แต่ปัญหามันอยู่ที่ว่า คนเรานั้นสะสมความคิดที่ดีหรือลบไว้

ทุกวันนี้ "สื่อ" ต่าง ๆ ได้ผ่องถ่ายความคิด "ชั่ว ๆ" ให้กับเราไว้มาก

สื่อในที่นี้ไม่ได้ชี้เฉพาะวงการสื่อสารมวลชนนะ

สื่อนี้รวมถึงโรงเรียน มหาวิทยาลัย องค์กรทั้งในระนอกระบบ

ระบบการศึกษาก็ปลูกฝังความคิดชั่ว ๆ คือความคิดที่ "เห็นแก่ตัว" ไว้เยอะ

สอนนักเรียนให้เอาแต่ได้ สอนนักศึกษาให้ตัดสินใจแต่ในเรื่อง "คุ้ม" และ "ไม่คุ้ม"

สอนให้เด็กออกแรงน้อย ๆ แล้วหวังว่าจะได้ผลตอบแทนกลับมาเยอะ

มีแต่สอนที่จะให้เอาเปรียบซึ่งกันและกัน

ดังนั้นในวันนี้ เราต้องพยายาม "บริโภค" สิ่งที่ถูกต้อง สิ่งที่ดี เพื่อที่จะให้เป็น "ฐาน" ในการคิด แก่จิต แก่ใจ

รายการธรรมะนั้นย่อมหาฟังยากกว่ารายการเพลงรักอมตะนิรันดร์กาล

แต่ทว่าไม่ยากเกินความพยายามของ "ปัญญาชน" ที่จะดิ้นรนหา "ทุนที่ดี" มาใส่ตัว

เก็บทุนดี ๆ ไว้มาก ๆ นะ...

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท