ตามหาดาวมรกต


เกสรดอกมะม่วงหิมพานต์ส่งกลิ่นอวลกรุ่น หมู่ผึ้งเร่บินต่อมน้ำหวาน หึ่ง ๆ กระรอกวิ่งไล่จับกันตามคบไม้ หนูตัวอ้วนโผล่หัวจากรังเมียงมอง ซ้าย ขวา รี่งับมะม่วงหิมพานต์ลากลงรู เสียงจักจั่นร้องระเบ็งเซ็งแซ่

6.ตามหาดาวมรกต

 

          เพี๊ยะ ! ดอกหมากยกฝ่ามือฟาดไหล่ไหลน้ำเต็มแรง “ใจลอยอยู่ได้ ถึงปากทางสวนร้างแล้วจะเข้าไปหาลำแสงมั้ย ?”

            “ถึงแล้วหรือ เข้าไปสิ” ไหลน้ำเหรอหรา

            ฮู๋ก ๆๆๆๆ! ฮู๋ก ! ฮู๋ก ! ฮู๋ก ! ฮู๋ก ! ฮู๋ก ! เสียงนกเค้าแมวร้องยาวโหยหวน พวกเขาหันหน้าจ้องตากัน

            “อย่ากลัว เราเชื้อชาติอาชาไนย ไม่มีผีตอนกลางวันแสก ๆ เข้าไปเถอะ” ดอกหมากปลุกขวัญตัวเอง

            “ดี ! ดอกหมากนำทางแล้วกัน”

            “นำทางอย่างไรเล่า ผมไม่เคยเข้ามาเลย ไปพร้อมกันนี่แหละ” ดอกหมากผินหน้าดุ

            ฮู๋ก ๆๆๆๆ! ฮู๋ก ! ฮู๋ก ! ฮู๋ก ! ฮู๋ก ! ฮู๋ก ! เสียงนกเค้าแมวร้องโหยหวนซ้ำ สองคนเดินฝ่าเข้าไป เสียงใบไม้แห้งกรอบ ซวบซาบ ! ซวบซาบ ! ความมืดค่อย ๆ แผ่ปกคลุม แสงสว่างมัวลงทีละน้อยเริ่มเงียบสงัดทีละนิด ไหลน้ำเดินสะดุดรากไม้ ซวนเซกระแทกเถาวัลย์ เสียงกระพือปีกขยับขึ้น ใบไม้สั่นไหวกระทบดังเกรียว ทั้งคู่กอดกันแน่น นกเค้าแมวโผบินจากพุ่มไม้

 

“วิญญาณร้ายได้หลุดลอยไปจากสวนป่าช้าพร้อมกับร่างของนกเค้าแมวนั้นแล้ว นี่คือสัญญาณว่าถึงเวลาปฏิบัติการค้นหาสิ่งเร้นลับ ไปกันเถิดพวกเรา” วาหว่าแหงนมองท้องฟ้า ชี้นิ้วไปที่นกเค้าแมว

วาหว่า พู่กลิ่น ฟ้าคราม เดินเกี่ยวก้อย ข้ามเนินเตี้ย ผ่านหมู่ไม้เล็ก ๆ ดาหน้ายังสวนร้าง

            “นี่เราจะไม่ลัดเลี้ยวบ้างหรือ เดินตรงอย่างเดียว” พู่กลิ่นเอ่ย

            “เลี้ยวก็เท่านั้น ด้านซ้ายก็ขุมเหมือง ทางขวาเดี๋ยวก็เจอพวกไหลน้ำ” วาหว่าติง

            “ตรงไปแหละดีแล้ว” ฟ้าครามตัดบท

            ถึงแนวสวนร้างเบื้องหน้า ฮู๋ก ๆๆๆๆ! ฮู๋ก ! ฮู๋ก ! ฮู๋ก ! ฮู๋ก ! ฮู๋ก !  เสียงนกเค้าแมวร้องยาวโหยหวน

            “สวนป่าช้านี่แปลกจัง ภูตผีปีศาจเตือนทุกที ที่เราจะก้าวเข้าไป” วาหว่าตั้งข้อสังเกต

            “ปกติแหละเจ้าของย่อมหวงเป็นธรรมดา” พู่กลิ่นพูดไม่เต็มเสียง

            “ใครละเจ้าของ ?” วาหว่าถาม

            “ผีสางซึ่งสิงอยู่บริเวณนี้นะสิ ถ้าไม่จริงทำไมแถวนี้จึงรกร้าง เงียบวังเวง ถึงขนาดนี้” ฟ้าครามกลอกหน้ากลอกตา ปั้นสีหน้าหวาดกลัว พูดตะกุกตะกัก

            “พู่ได้ยินมาว่าที่นี่เจ้าของดุ ชอบหักคอผู้ชาย” พู่กลิ่นชะเง้อ ลากเสียง หันรีหันขวาง บีบคอตัวเอง แลบลิ้น ทำตาเหลือกโปน

            “อย่าเข้าไปเลยกลับดีกว่า” วาหว่าเสียงกระเส่า ขนลุกชัน เข่าอ่อน ถอยกรูด

            “ได้ไง ชวนพวกเรามาจะกลับบ้านก่อน” พู่กลิ่นตะปบไหล่วาหว่า เขาสะดุ้งโหย่ง หันหลังกลับ ละล่ำละลัก “พู่กลิ่นกับฟ้าครามไปกันเถอะ”

            “ไม่ได้ ! เป็นผู้ชายอะไรกลัวผี ต้องไป !” พู่กลิ่นปลุกเร้า

            “ก็ได้ แต่...วันนี้ผมขอเป็นกะเทยแล้วกัน” วาหว่าเสียงอ่อย

            “เราเป็นเกย์คิงนะ” ฟ้าครามโอบเอววาหว่า เชยแก้ม วาหว่าผงะ ปรายตามอง ยกไหล่ขึ้นเช็ค ดัดเสียงหวาน “บ้า ตัวเองพู่รู้หมด”

            ฮา ! ฮา ! ฮาๆๆๆ! เสียงหัวเราะครื้นเครงดังสนั่น วาหว่าท้องคัดท้องแข็ง ฟ้าครามน้ำตาคลอเบ้า

            “ตกลงไม่มีใครเป็นชายทั้งแท่งเลยหรือ” พู่กลิ่นเสียงใส

            “ช่าย !”

            ฮู๋ก ๆๆๆๆ! ฮู๋ก ! ฮู๋ก ! ฮู๋ก ! ฮู๋ก ! ฮู๋ก ! เสียงนกเค้าแมวร้องยาวโหยหวนซ้ำ ทุกคนหยุดชะงัก

            “อย่ากลัวเลย เมื่อครู่นกเค้าแมวพาวิญญาณร้ายไปแล้ว ไปต่อเถอะ” พู่กลิ่นปลุกปลอบ

            วาหว่ากวาดเม็ดทรายเต็มมือ กำขึ้นใกล้ริมฝีปาก ขมุบขมิบ “โอมเพี้ยง !” เขาซัดทรายไปเบื้องหน้า “ไปได้”

            “เมื่อครู่บ่นอะไร” พู่กลิ่นหัวเราะคิกคัก

            “ใครว่าบ่น ผมบริกรรมคาถาจ๊ะ”

            “เป็นด้วย”

            “แน่แท้ ทีเดียวเชียว”

            ฟ้าครามแหงนมองคาคบไม้ แสงสว่างทอดตัวเป็นลำยาว “ตอนวาหว่าซัดทราย เราเห็นอะไรแวบ ๆ คล้ายขาคนเลย”

            “บ้าเหรอ ! ขาคนจะไปอยู่บนต้นไม้ได้ไง” วาหว่าโอบไหล่ฟ้าครามบีบแน่น

            วินาทีนั้น ฟองทะเลหดขา ปีนป่ายสูงขึ้นโดยเร็ว พู่กลิ่น วาหว่าไล่สายตาสอดส่าย “ไม่เห็นมีอะไรเลย”

            “เราคงตาฟาดไปเอง ช่างเถอะ” ฟ้าครามตัดบท

            ฟองทะเลถอนหายใจยาว ทั้งสามคนเดินลับหายไปในสายตา เธอปีนลง เดินลัดเลาะไปยังบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ ปีนขึ้นต้นไม้เฝ้าระแวดระวังบ่อน้ำ

           

ไหลน้ำกับดอกหมากเดินกุมมือแน่น เหม่อมอง ซ้าย ขวา หน้า หลัง เบื้องบน เบื้องล่าง

งก ๆ เงิ่น ๆ

            “ดอกหมากอุกาบาตพุ่งมาทางนี้จริงหรือ ?”

            “จริงสิ !”

            “กว้างจะตาย หาเจอหรือ ?”

            “ต้องเจอ”

            “ถ้าไม่ละ ?”

            “ต้องเจอ อย่างน้อยต้องเจอสะเก็ดดาวบ้าง” ดอกหมากยืนยัน เหลือบเห็นหินสีนิลรูปไข่ประหลาด คว้ามันใส่กระเป๋ากางเกง

            ตลอดสองข้างทางที่พู่กลิ่น ฟ้าคราม และวาหว่าฝ่าไป เกสรดอกมะม่วงหิมพานต์ส่งกลิ่นอวลกรุ่น หมู่ผึ้งเร่บินต่อมน้ำหวาน หึ่ง ๆ กระรอกวิ่งไล่จับกันตามคบไม้ หนูตัวอ้วนโผล่หัวจากรังเมียงมอง ซ้าย ขวา รี่งับมะม่วงหิมพานต์ลากลงรู เสียงจักจั่นร้องระเบ็งเซ็งแซ่

            พู่กลิ่นเดินแหงนหน้ามองกระรอกสองตัว ตัวหนึ่งหมุนไปทางซ้าย อีกตัวกระโดดลอยล่อง เธอเหลียวมองตาม เดินถอยหลังช้า ๆ จับสายตากระรอกที่ละล้าละลัง เธอถอยหลังสะดุดรากไม้ หงายหลัง มันเผ่นโผนล่องลอย เธอล้มผล็อยต้องกองใบไม้ มันโผเข้าพุ่มไม้ ใบไม้ข้างตัวเธอปลิวพะเยิบพะยาบโอบล้อมกาย พุ่มไม้ยวบดีดร่างกระรอกกระดอน มันไต่กิ่งไม้ตามอีกตัวหนึ่งไป เธอนอนแผ่ยิ้ม

            “เป็นอะไรมากหรือเปล่า ?” ฟ้าครามย่อตัว ยื่นมือให้พู่กลิ่น เธอส่ายหน้า

            “เจ็บตรงไหนบ้าง ?” วาหว่าคุกเข่า นั่งยอง  ๆ

            พู่กลิ่นสั่นศีรษะ พลิกกายคว่ำ เงยหน้าเล็กน้อย เหยียดนิ้วชี้ชิดริมฝีปาก บุ้ยใบ้ ยกมือโบกลง ฟ้าครามทรุดนั่ง

            ซวบซาบ ! ซวบซาบ ! สัตว์เลื้อยคลานสีน้ำตาลอ่อน ลำตัวมีเกล็ด สองตัววิ่งสองขาหลัง ขาหน้ายกขึ้น ส่ายหัวไปมา หางฟาดใบไม้ซ้ายขวา ซ้ายขวา

            “ไดโนเสาร์” พู่กลิ่นแผดเสียงลั่น

            “บ้าเหรอ ! นั้นกิ้งก่า” ฟ้าครามเอื้อมมือเขกหัวพู่กลิ่น

            “ค่อยยังชั่ว นึกว่าในนี้มีไดโนเสาร์” พู่กลิ่นถอนหายใจเฮือก

            “ไม่แน่นะ ในป่าดงดิบอย่างนี้ กิ้งก่านั้นอาจเป็นลูกทาโบซอรัส” ฟ้าครามพูดเนิบ ๆ

            “แสงดาวมรกตเปลี่ยนสัตว์บริเวณนี้กลายเป็นสัตว์ยุคดึกดำบรรพ์” พู่กลิ่นเสริม

วาหว่าอ้าปากค้าง

            “ชัวร์ !” ฟ้าครามยื่นฝ่ามือสองข้างมาด้านหน้า พู่กลิ่นใช้สองมือตบลง เพี๊ยะ ! สะกิด       วาหว่า “กลัวหรือ ?”

            “เปล่านี่” วาหว่างึมงำ กัดริมฝีปากแน่น

 

*      *      *

หมายเลขบันทึก: 298945เขียนเมื่อ 19 กันยายน 2009 12:57 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 09:33 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท