บันทึกค่ายรวมใจ ไทย-ญี่ปุ่น – การเดินทางที่แสนพิเศษ -4


วันที่  25  สิงหาคม  2552

...อ๊ายยยย!!!!   สงสัยวันนี้จะนอนตื่นสายกันมากตอนนี้ก็น่าจะประมาณ  06.50 น. มั้ง  โอ๊ย!!!!  ต้องรีบอาบน้ำกันแล้วเดี๋ยวไปทำเวรไม่ทัน   ได้เวลาทานข้าวกันพอดี   อ๊า!  คุณลุงยาซึโชว์ฝีมือการปอกสัปปะรดที่ดูจะเสียดายเนื้อสัปปะรดเอามากๆๆเล๊ยยย!  แปลกดี….เฮ้อกว่าจะได้กิน ต้องขอบคุณอาหารมื้อนี้มากนะคะ ขอบคุณแม่ครัวทุกคนนะจ๊ะ

               ตอนนี้ก็ได้เวลาเข้าแถวเคารพธงชาติแล้ว เพลงชาติก็ถูกบรรเลงขึ้นโดยนักเรียน ( แอบเมาส์นิดหน่อยว่าตอนที่เคารพธงชาติอยู่นั้น สังเกตเห็นอะไรหรือเปล่าว่าขาดหายไป นั่นก็คือพี่ฝ้ายนั่นเอง คือจริงๆ ก็ไม่ได้อยากเมาส์นะแต่มันเป็นเรื่องจำเป็นจริงๆ  ที่จริงแล้วพี่ฝ้ายท้องเสียเลยไม่ได้มาเคารพธงชาติกับคนอื่นๆ ด้วย  แต่พอพี่ฝ้ายทำท่าออกมาจากห้องน้ำถึงกับตกใจมากว่าคนหายไปไหนกันหมด  ออกมาถึงรู้ว่าเค้าไปเคารพธงชาติกันหมดแล้วพี่ฝ้ายเอยยยยยยย)  ในตอนเคารพธงชาติ พี่มายุ ก็ได้ออกมาสอนการทักทายเป็นภาษาญี่ปุ่นด้วย ถ้าเป็นตอนเช้าก่อนสิบโมงก็จะพูดว่า  “โอฮาโย”  ถ้าเป็นหลังสิบโมงเช้าไปจนถึงห้าโมงเย็นก็จะพูดว่า “คนนิจิว่ะ”  และตอนเย็นก็จะพูดว่า  “ คมบังว่ะ”   ส่วนก่อนนอนก็พูดว่า ” โอยะซุมินะไซ” เรียนเสร็จก็มาออกกำลังกายกันต่อเลย

แต่แปลกตรงที่ว่าโรงเรียนนี้ไม่ต้องมีเพลงก็ออกกำลังกายได้และยังเรียนคณิตไปพร้อมๆ กับการเต้นด้วย คือ ท่องสูตรคูณตั้งแต่แม่สองถึงแม่สิบสอง เออน่ารักดีโรงเรียนนี้ฝึกการเรียนรู้ตั้งแต่ยังไม่เข้าห้องเรียนเลย  สุดยอดถือว่าเป็นการฝึกการเรียนรู้แบบใหม่เลยนะเนี่ย

 

...เมื่อออกกำลังกายกันเรียบร้อยแล้ว ทุกคนก็ต้องมีหน้าที่ที่จะต้องไปทำต่อ  แต่วันนี้คงต้องแยกทำงานกันคนละส่วนเพราะว่าส่วนหนึ่งจะต้องไปเทปูนและส่วนหนึ่งต้องไปสอนเด็กนักเรียนพับกระดาษก็มีไปสอนเด็ก ป.2 ไม่น่าเชื่อว่าเด็กจะสนใจในการพับกระดาษมากแต่เด็กส่วนใหญ่อยากพับนกกระดาษมาก แต่มีอยู่เรื่องหนึ่งคือ ตอนที่ลุงยาซึสอนพับเครื่องบินเด็กๆ ดูดีใจมากที่ได้พับเครื่องบินพับเสร็จก็พาเด็กๆ ไปร่อนเครื่องบินที่สนามฟุตบอล จนมายุจังยังแปลกใจว่า “ทำไมเด็กๆถึงได้ดีใจขนาดนั้น” คงเป็นเพราะความใสซื่อบริสุทธิ์  ในตอนพับกระดาษเด็กๆก็ยังเรียกร้องให้พี่นกพับนกให้ ( ให้สัญญากับเด็กๆไว้ว่าถ้าเป็นเด็กดีพี่นกจะพับนกให้ ) เป็นไงพี่นกงานเข้าเลยแต่ตอนนี้พี่นกยังไม่มีเวลาน๊ะเด็กๆ แต่พอเด็กบางคนได้พับเครื่องบินจากคุณลุงยาสูบ ( เป็นชื่อที่พี่มุตั้งให้เด็กๆ จะได้จำได้ง่ายๆ ก็จำง่ายจริงๆ นะ) ก็ทำให้ลืมการพับนกของพี่นกไปบ้างเป็นบางส่วน

 

    ...เสร็จจากการสอนพับกระดาษแล้วเราก็มาเทปูนกันต่อ  แต่เหลือพื้นที่เทปูนไม่มากประมาณ1-2  ชั่วโมงก็น่าจะเสร็จเรียบร้อย  แต่การเทปูนเป็นอะไรที่สนุกสนานมากทั้งทำไปคุยกันไปเหมือนกับว่ามานั่งจับเข่าคุยกันหรือเรียกแบบง่ายว่าเมาส์กันกระจาย ( เฮอะๆๆๆๆๆๆๆๆๆ  ยังไงก็ขอขำด้วยคนนะจ๊ะ )  แต่ที่น่ารักที่สุดก็คงจะเป็น”ลุงทาคูมิ” นี่แหละเป็นคนถือปูนกระแป๋งหนักคอยส่งให้คนต่อไป ลุงจะเป็นคนแรกที่ถือปูนส่งให้คนอื่น  แต่คนที่เทปูนใส่กระแป๋งนี่ซิตักเร็วเกินไป ทำให้ลุงทาคูมิ สับสนดันส่งถังเปล่ามาให้คนอื่นซะงั้นทุกคนฮามาก ลุงเองก็ยังฮาตัวเองเลย (จารีบไปไหนจารีบไหนพักเดี๋ยวเดียว) แต่งานที่ทำก็เสร็จลงได้ด้วยดีและความสามัคคีของทุกคนที่มาร่วมกันทำงาน ( น่าประทับใจที่สุดเลย ซึ้งๆๆๆๆๆ  จะร้องไห้แล้ว  ออกแนวเวอร์ )

 

   ...ตอนเย็นก็พร้อมกับที่เด็กนักเรียนเลิกเรียนพอดีพี่มุก็พาไปพบปะกับบ้านที่ต้องไป home stay กัน ( หรือถ้าจะเรียกง่ายๆ กว่านี้ก็คงไม่พ้นคำว่าขอข้าวกินและขอนอนสักคืนนั่นแหละ)  ก็เดินไปพบปะทีละหลังหลังแรกก็เป็นบ้านของน้องเอิร์ทก่อน  พ่อแม่ของน้องน่ารักที่เดียวถือต้อนรับผู้มาเยือนด้วยสีหน้าที่สดใสแม้จะกลับมาจากทำงานเหนื่อยๆ ก็ตาม ไม่คิดเลยว่าคนที่เราไม่รู้จักกันมาก่อนและยังไม่ใช่คนไทยอีกเค้ายังยินดีที่จะต้อนรับและยังกังวลเรื่องอาหารการกินอีกด้วยว่าเค้าจะทานได้หรือเปล่า (น่ารักจริงๆ นะ ไม่ได้โกหก) 

 

    หลังต่อไปเป็นบ้านของน้องเจมส์ ไปถึงก็มีแม่ของน้องนั่งอยู่กำลังทำผ้าห่มเองด้วยเก่งจริงพอนั่งคุยกับแม่น้องแม่ของน้องเจมส์ก็เล่าให้ฟังว่า เมื่อวันก่อนแม่ของน้องเจมส์เข้าใจผิดคิดว่า ญี่ปุ่นจะมาวันจันทร์แม่ก็ไปซื้อกับข้าวมาเยอะแยะเพื่อเตรียมให้ญี่ปุ่น คือทางแม่ของน้องเจมส์ได้บอกว่าครูได้โทรมาบอกว่าญี่ปุ่นจะมาวันนี้ก็เลยเตรียมกับข้าวไว้ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ไปจึงเรื่องของการเข้าใจผิดกันนิดหน่อย กับข้าวก็เหลือบานเลย( น่าเสียดายทำไมไม่บอก จะได้ไปเก็บกับข้าวที่เหลือมาทานเอง โอ๊ย! เสียดายจริงจริ๊ง)  ในระหว่างทางมีพี่นกอยากกินมะขามมากน้องเจมส์และน้องของเจมส์ก็อาสาไปเก็บมาให้นิดหน่อย ( จริงๆ แล้วเด็กไม่ได้อาสา แต่ถูกบังคับต่างหาก)  ยังไงก็ขอบใจนะจ๊ะ 

   บ้านหลังต่อไปเป็นบ้านของน้องแคท ซึ่งตอนที่ไปไม่มีใครอยู่บ้านน้องแคทก็เลยไม่ได้ทักทายใคร  บ้านหลังสุดท้ายเป็นบ้านของน้องอุ้มไปถึงบ้านน้องอุ้มจะมีคนเยอะหน่อย มีทั้งคุณตา คุณยายเพื่อนน้องอุ้ม และคุณแม่ของน้อง บ้านหลังจะเป็นคนไม่ค่อยพูดแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเค้าไม่ต้อนรับนะแต่กลับตอนรับเป็นอย่างดีเลยด้วยพูดน้อยแต่อาศัยว่ายิ้มอย่างเดียว  เออ  น่ารักไปอีกแบบหนึ่งส่วนอีกหลังหนึ่งนั้นไม่ต้องไปทำความคุ้นเคยก็ได้เพราะเป็นบ้านของครูที่โรงเรียนอยู่แล้ว ก็หมดภารกิจไปอีกหนึ่งอย่างก็กลับมาที่โรงเรียนเพื่อทำภารกิจอื่นต่อไป

หมายเลขบันทึก: 298107เขียนเมื่อ 16 กันยายน 2009 11:45 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 21:33 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท