ทำดีเปลืองตัว ทำชั่วดีกว่ามั๊ง...!


ทำดีไปทำไม...?
ทำดีไปเพื่ออะไร...
ทำดีไปก็ไม่ได้ “ความยุติธรรม...?”

เวลาที่เราตัดสินใจจะทำ “ความชั่ว” ถ้าหากว่าชั่วโดยสันดานนั้นก็มีแรงนำและแรงตามในระดับหนึ่ง
เวลาที่เราจะตัดสินใจทำ “ความชั่ว” ถ้าหากว่าชั่วโดยการประชดอันเป็นแรงดีดกลับจากการทำความดีแล้วไร้ค่านั้นเป็นแรงความชั่วที่มีอยู่อย่าง “มหาศาล...”

อย่ามายุ่งกับฉัน ฉันจะทำความเลวแล้ว
อย่ามายุ่งกับฉัน ฉันจะเลวให้ “สมใจ...”

เวลาที่ท้อแท้เพราะตั้งหน้าตั้งทำความดีมานานแล้วผลลัพธ์ที่ออกมาแล้วไร้ค่า มันช่างน่าอดสูเยี่ยงนี่หรือ...!

การทำงานใด ๆ ที่ตั้งใจทำด้วยความดีแล้วผลตอบแทนที่กลับมาไม่ดี ไม่ได้เรื่อง มันมีแรง “ชั่ว” ที่ดีดกลับอย่างล้นหลาม

คนที่ไม่ทำเลว หรือทำเลวเป็นประจำยังไม่สามารถสู้กับคนทำความดีที่น้อมนำความชั่วเข้าจิตใจ

ความท้อแท้อย่างแน่ ๆ ที่เขาพิสูจน์ว่า “เฮ้ย...! ทำไปดีก็ไร้ค่า” สิ่งนี้จะฝังลึกอยู่ในจิตใจของคนทำความดี
การทำสิ่งใดที่ไร้ประโยชน์ หากทำแล้ว รู้แล้ว ถึงแม้นว่าใครจะมาชักชวนอีก ก็ไม่ยากเท่ากับคนที่ยังไม่เคยทำ

เข็ดในความดีนั้นแก้ไขยากกว่าเข็ดในความชั่ว

ณ บัดนี้เรากำลัง “เข็ดในความดี” เราไม่อยากจะทำความดีอีกแล้ว ทำไปก็ “ไร้ประโยชน์”
งานของเราเกือบสามปีนี้ เราเข็ดแล้ว เราไม่อยากทำความดีอีกแล้ว ทำชั่ว ทำชั่ว ทำชั่วมีความสุขกว่า มีความสุขกว่า

เสียงแห่งพญามาร เสียงแห่งความมืด เสียงแห่งความดำทะมึน กำลังตะโกนก้องอยู่ในจิต ในใจ
เสียงธรรมะเหรอ เสียงแห่งความสว่างน่ะเหรอ หลบไปไกล ๆ เพราะสิ่งที่ฉันพิสูจน์ด้วยหัวใจเกือบสามปีนี้ช่าง “ไร้ค่า...”

ความยุติธรรมนี่หนอ คงจะเป็นแค่เรื่องหลอกเด็ก เป็นนิยาย เป็น “อุดมคติ” ที่ไม่สามารถเกิดขึ้นกับชีวิตของคนจริง ๆ ได้
การอยู่โดยไร้ยางอายย่อมนำสุขมาให้กว่าการอยู่ด้วย “ความดี...”

ความคิดที่กลับตาลปัตร ย่อมชี้ชัดถึงความแปรปรวนแห่งจิตใจ
จิตใจที่หวั่นไหวย่อมทำให้ชีวิตนั้นเข้าใกล้ “พญามาร”

“พญามาร” เหรอ คุณเป็นใคร ฉันอยากรู้จัก...!
ตอนนี้ฉันเหนื่อยกับความดี ฉันเหนื่อยกับการต่อสู้ ฉันท้อแท้ สิ้นหวัง หมดแรงและกำลังใจการทำความดีแล้ว

“พญามาร” คุณได้โปรดช่วยเหลือฉัน รับฉันเข้าไปพวกของคุณด้วยเถิด
ชีวิตนี้ฉันจะชั่ว ฉันก็ขอชั่วอย่างเต็มที่
ฉันไม่รู้ว่าฉันจะทำความดีไปทำไม เพราะทำไปก็ “ไร้ประโยชน์...”

ชีวิตที่อยู่ในหัวเลี้ยวหัวต่อนี้ “น่ากลัว”
เพราะใจของเราไม่มีแรงพอที่จะต่อสู้กับ “พญามาร” ที่มีอำนาจสูงกว่า “ธรรม”
เราเอง “ปุถุชน” ซึ่งกำลังสับสนต้องตั้งตัว ตั้งตน ให้อยู่ ณ จุดนี้อย่างนานที่สุด

มีสองอย่างเท่านั้นที่เราคิดได้ ณ ตอนนี้คือ
หนึ่ง “ยิ้ม”
สอง “นอน”

นอนแล้วก็ยิ้ม ยิ้มแล้วก็นอน
ไม่ต้องทำอะไร เพราะทำอะไรไม่ได้
ทำไปก็จะชั่วมากกว่าดี
พูดไปก็จะชั่วมากกว่าดี
คิดไปก็ไม่มีอะไรดีมีแต่ “ชั่ว...”

คนที่ท้อแท้ในความดีจิตใจย่อมมีแต่ “ความชั่ว...”
ตอนนี้ขอไปนอนยิ้มด้วยจิตใจชั่ว ๆ เพื่อรอวันที่เมฆหมอกมัว ๆ ผ่านพ้นไป...

หมายเลขบันทึก: 297550เขียนเมื่อ 14 กันยายน 2009 17:23 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 21:32 น. ()สัญญาอนุญาต: ไม่สงวนสิทธิ์ใดๆจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

นมัสการพระอาจารย์

อ่านไป ยิ้มไป นี่มันเป็นความรู้สึกในอดีตของผู้เขียนอย่างชัดแจ้งเลย

ความรู้สึกอย่างนี้ เดินข้ามมันไปเลยพระอาจารย์ มันทำอะไรเราไม่ได้หรอก

ก็แหม เราเกิดมาทำไม เกิดมาเพื่อคบมิตรแท้อยู่ทุกขณะจิต เพื่อนแท้ที่ฉุดเราลุกขึ้นทุกครั้งคือตัวเราเอง

พระอาจารย์เขียนบล็อกนี้ตั้งแต่วันจันทร์ สงกะสัย วันนี้กอดคอความดีในใจตนยิ้มน้อย ยิ้มใหญ่

ปล่อยให้ ใจชั่วๆ เฉาตายแล้วม๊ง

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท