สมอ มีชื่อบาลีว่า หรีตก (หะ-รี-ตะ-กะ) ,หรีตกี (หะ-รี-ตะ-กี), หรีตโก(หะ-รี-ตะ-โก) และอภยา (อะ-พะ-ยา)
หลังจากที่พระพุทธองค์ตรัสรู้ ได้เสวยวิมุตสุขใต้ต้นไม้
พระอินทร์เห็นว่าพระพุทธองค์ควรจะเสวยพระกระยาหารบ้าง
จึงนำผลสมอทิพย์มาถวาย
.......................................................................
อ้างอิงเรื่องและรูป
ศาสตรจารย์ พเยาว์ เหมือนวงษ์ญาติ ไม้พุทธประวัติ สำนักงานโครงการอนุรักษ์พันุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริสมเด้จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พระราชวังดุสิต กรุงเทพ
*คุณสามสักคะ
*ไม่จุกจิกเลยค่ะ ดีใจเสียอีก เพราะการคุยกันถึงปัญหา หรือเพราะสงสัย หมายถึงการมีชีวิต การดำรงอยุ่ของสิ่งนั้นค่ะ
*ต้องขอโทษค่ะ ที่บันทึกไม่ละเอียด ไปค้น ได้คำตอบว่าคือสมอไทยค่ะ ภาคกลางเรียกสมออัพยา กะเหรี่ยง-เชียงใหม่เรียก ม่าแน่ กะเหรี่ยงแม่ฮ่องสอนเรียก หมากแน่ะ ค่ะ
*ส่วนประโยชน์ ผลดิบเป็นยาระบาย ขับเสมหะ แก้บิด แก้ไข้ ผลแก่จัดเป็นยาฝาดสมาน แก้ท้องเดิน เนื้อไม้ ทำเสา รอด ตง คาน สร้างบ้านเรือน ทำเครื่องเรือน ทำเกวียน คราด ครก สาก ฯลฯ เปลือกต้น ผล ย้อมผ้าและอวน แห ให้สีเขียว ผลสด ทำน้ำปานะ ใช้แช่อิ่ม และเป็นผักจิ้มค่ะ (คัดลอกจากหนังสือไม้พุทธประวัติมาเลยค่ะ)
*ขอบคุณมากนะคะที่ได้ไปแสดงความเห็นไว้ค่ะ
สวัสดีค่ะ
ตามมาอ่านต่อค่ะ
สงสัยคล้ายคุณสามสักค่ะ....
สมอมีหลายประเภทล่ะมังคะ
เท่าที่ทราบสมอดองน้ำปัสสาวะถือเป็นยาสำหรับพระภิกษุสงฆ์...
ไม่แน่ใจว่าใช่สมอหรือเปล่าค่ะ แต่คนจีนจะเรียกว่า "โอวกาน่า" หรือ "สมอดำ" ค่ะ
(^___^)