ชีวิตที่ดีกว่า
ชายคนหนึ่ง แกอยากขึ้นไปอยู่บนฟ้า โดยคิดว่าชีวิตบนพื้นโลกไม่มีอะไรดี มันมีแต่เรื่องทุกข์ยากยุ่งๆหลายประการ ดังนั้นเพื่อชีวิตที่ดีกว่า แกก็เที่ยวหาไม้มาทำบันไดขึ้นไปสู่แผ่นดินสวรรค์บนฟ้า
แต่ว่ายิ่งเดินไปฝั่งฟ้าก็หนีไปเรื่อย เดินไปหลายคืน หลายวัน หลายเดือน ก็ไม่ถึงตีนฟ้าสักที จนในที่สุดแกก็ทิ้งบันไดโครมลงที่พื้น แกเลิกที่จะไปอีก หยุดอยู่ปลูกบ้าน ทำไร่ ทำสวน เลี้ยงชีวิตอยู่อย่างสงบสุข โดยไม่คิดถึงโหยหาแผ่นดินบนสวรรค์บนฟ้าอีกเลย..
นิทานเรื่องนี้สอนให้เห็นว่า
บางคนเที่ยวเรียนทฤษฎีแล้วแบกทฤษฎี เพื่อจะขึ้นเหนือฟ้า เขาจึงหนักสมองด้วยทฤษฎี แม้ปฏิบัติวิปัสสนาก็เช่นกันไม่อาจบรรลุความสงบได้ เที่ยวเอาทฤษฎีทะเลาะโต้แย้งกับผู้อื่นเรื่อยไป จึงหนักใจ เพราะยึดมั่นในทิฏฐิ จนในที่สุดเขาปล่อยวาง “ความรู้” เขาจึงสงบ เพราะนิพพานนั้นยิ่งหายิ่งไม่เจอ ยิ่งไปยิ่งไม่มีวันถึง พอปล่อยวางก็ถึงเอง...
คัดลอกจากนิทานธรรมะเพื่อชีวิต ชุดเลขสามตัว รวบรวมและเรียบเรียงโดย ภิกขุ โพธิ์แสนยานุภาพสำนักพิมพ์ธรรมสภา
สวัสดีค่ะ
แวะมาอ่านนิทานธรรมค่ะ
อ่านแล้วอมยิ้ม ๆ ๆ .... วิปัสสนาแต่กลับติด...ได้แค่วิปัสสนึกค่ะ
ขอบคุณนิทานดี ๆ ค่ะ
(^___^)
สวัสดีค่ะ คุณอ้อยเล็ก
มาคุยกับคนอารมณ์ดี
ว้าว...ชอบแต่งนิทานเหมือนกันนะเนี่ย
มาแลกกันอ่านนะคะ
เอามาให้อ่าน 2 เืรื่อง ยังมีอีกนะ...เราเขียนเองแหละ
"เพราะนิพพานนั้นยิ่งหายิ่งไม่เจอ ยิ่งไปยิ่งไม่มีวันถึง พอปล่อยวางก็ถึงเอง"
อ่านประโยคนี้แล้ว...นึกถึง "อหิงสกุมาร" หรือ "องคุลิมาลย์" ร้องเรียกให้พระพุทธองค์หยุดก่อน
แต่พระพุทธองค์ตรัสตอบว่า "พระองค์หยุดแล้ว...แต่องคุลิมาลย์ยังไม่หยุด"
ครูอ้อยเล็กก็เข้าไปอ่านข้อคิดดีของคนไม่มีรากบ่อยค่ะ..แต่ละเรื่องน่าสนใจอ่านแล้วสบายใจดีเช่นกันค่ะ..
ไปอ่านมาแล้วค่ะ..สอนใจดีค่ะ..
เป็นเช่นนั้นเลยตะเอง..องคุลีมาลตามหาความสำเร็จเป็นพระอรหันต์ จนสร้างเวรกรรมมากมาย แต่พระพุทธเจ้าท่านไม่เห็นต้องฆ่าคนตัดนิ้วไม่ต้องก่อกรรมทำเข็ญ ก็สำเร็จเป็นองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้..เน๊าะ..
อรุณสวัสดิ์ค่ะ
ดีจังค่ะ
ท่านพุทธทาสว่า เพราะมองศาสนาแบบปรัชญา จึงโต้แย้ง โตตอบกันไม่รู้จบ
อีกอย่าง นักปรัชญามักไม่ค่อยปฏิบัติ รู้ปริยัติ แต่ไม่ปฏิบัติ จึงไม่เกิดผลการปฏิบัติ เมื่อไม่รู้ ประกอบกับความยึดถือมั่นในความคิดตน ก็โต้กันไปไม่รู้จบ
เมื่อวานทานส้มกี่โลคะ อิอิ
ฝนตกค่ะ..ส้มก็แพง..เลยกินน้ำส้มผสมน้ำผักแทนค่ะ..อร่อยดีเหมือนกันจ้า..
อยู่กะโลกแห่งความเป็นจริงดีกว่านะน้องอ้อยนะ
อย่าวิ่งไล่ความฝัน และ อย่าวิ่งหนีความเป็นตัวเอง
ใช้แล้วค่ะพี่ครูป.1เราจะได้ไม่เหนื่อยในการวิ่ง..เราจะได้สอนเด็กของเราให้เต็มที่ส่งคนขึ้นสู่ฝันดีกว่าเน๊าะ...
น้องท.ไปเห็นอะไรมา..ตอนไปถือศีลเหรอ..อิๆๆ
คุณพี่...
มีชายสองคนคุยกันในคืนมืดมิดไร้แสงจันทร์
กรูอยากรู้ว่าบนท้องฟ้านั่นมีอะไร ชายคนแรกถามเพื่อน
มรึงอยากรู้มรึกก็ขึ้นไปดูสิ...เพื่อนตอบ
พูดบ้า ๆ มรึงจะให้กรูขึ้นไปอย่างไร...ชายหนุ่มตอบสวนเพื่อนออกไป
เพื่อนชายหนุ่มหยิบไปฉาย เปิดไฟส่องขึ้นไปบนฟากฟ้า แสงจากไปฉายทอดยาวออกไปไกล แล้วบอกเพื่อนว่า
มรึงก็ปีนเส้นไฟฉายกรูขึ้นไป...
ชายหนุ่มนั่งไตร่ตรอง แล้วตอบ
ไม่เอา มรึงยิ่งไม่ชอบกรูอยู่ พอกรูปีนขึ้นไป มรึงปิดไฟฉาย กรูก็หล่นลงมาตาย สมใจมรึง...
...
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า...
ใครรู้ช่วยบอกหน่อย
ค่ะน้องศิลา..ในชีวิตคนเราบางครั้งก็ต้องใช้ประสบการณ์ที่เกิดขึ้นจริงๆในการดำรงชีวิต...หาใช่หลักทฤษฎีมากมาย..ตามที่แบกไว้...ขอบคุณค่ะที่มาเยี่ยมเยือนกันนะคะ..
ไม่ต้องมาหลอกกันเลยน้องท.โพสต์มาเหอะไม่ไปอ่านหรอกงิๆ....
น้องหนานเกียรติ..นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า..อย่าสร้างศัตรู...เพราะเดี๋ยวปิดไฟฉายแล้วเราจะตกมาตายฮาๆ