ชีวิตที่พอเพียง : ๘๓๔. คนไทยกับแผ่นดินไทย



กระแสพระราชดำรัส
ในโอกาสเสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมโครงการ ที่โรงเรียนร่มเกล้า
บ้านคลองทราย อำเภอวัฒนานคร จังหวัดปราจีนบุรี
๒ กรกฎาคม ๒๕๒๔

 

“...การพัฒนานี้ก็ต้องอาศัยความร่วมมือร่วมใจทั้งสองอย่างคือ
       จิตใจที่หวงแหนที่ดินทำกินของเรา  หวงแหนผืนแผ่นดินของเรา
       และจิตใจที่จะต้องช่วยเหลือกัน เพราะทุกคนเป็นสมาชิกของประเทศ คือเป็นชาวไทยทุกคน... ”

 

 

          ช่วงนี้ได้ข่าวว่ามีขบวนการต่างชาติเข้ามาซื้อที่ดิน สำหรับใช้ทำการเกษตรขนาดใหญ่   ผมขอเชิญชวนผู้ได้อ่านพระราชดำรัสนี้   ช่วยกันสื่อข่าวไปยังคนไทยที่เป็นเกษตรกรเจ้าของที่ดิน   ว่าเขามาขอซื้อโดยให้ราคาสูงแค่ไหนก็อย่าขาย    เพราะในระยะยาว ที่ดินจะมีค่ามากกว่าที่เราคิดมากมายนัก   เราต้องหวงแหนที่ดินทำกินของเรา  หวงแหนผืนแผ่นดินของเรา    ตามกระแสพระราชดำรัส

          และผมอยากขอร้องคนไทย ว่าอย่าหากินจากค่านายหน้าขายแผ่นดินไทยให้ต่างชาติ   จะมีบาปติดตัวไปจนตาย

 

วิจารณ์ พานิช
๓๐ ส.ค. ๕๒

 

หมายเลขบันทึก: 296473เขียนเมื่อ 11 กันยายน 2009 10:52 น. ()แก้ไขเมื่อ 22 มีนาคม 2012 18:28 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

ขนาดระดับอาจารย์ยังทำได้แค่ขอร้อง

แล้วระดับคนธรรมดาๆ อย่างผมล่ะครับ...

ประเทศไม่ได้มีทางเลือกไว้สำหรับคนอีกระดับหนึ่ง

และคนอีกระดับหนึ่งก็ไม่ได้เห็นว่าจะให้ความสนใจเรื่องความเป็นอยู่ของคนระดับอื่นอยู่แล้ว

ประเทศไทยมีช่องว่างมากเกินกว่าจะดึงเข้ามาเชื่อมติดกันเหมือนเดิม

สำนึกในความเป็นไทยเริ่มเสื่อมไปมาก จนเหลือน้อยกว่า สำนึกในความเป็นทุนนิยม

 

ผมคงทำได้แค่ประคองจิตใจแล้วนั่งดูวิบากของสังคมที่จะเกิดขึ้นต่อไปตามที่มันพึงจะเป็น

 

ก็คงต้องกราบขออภัยอาจารย์ที่ผมทำได้เพียงเท่านั้นครับ

 

 

 

 

เรียนคุณหมอวิจารณ์ค่ะ

เข้ามาอ่านแล้วก็สลดใจนะคะ

แต่ขออนุญาตใช้พื้นที่นี้ให้ความเห็นซ้อนความเห็นสื่อถึงคุณ"กราบขออภัย"หน่อยนะคะ

.

เรียนคุณ"กราบขออภัย"

เห็นด้วยกับคุณ"กราบขออภัย"เกือบทั้งหมดนะคะ

เว้นเรื่องเดียวค่ะที่ว่า

.

"ผมคงทำได้แค่ประคองจิตใจแล้วนั่งดูวิบากของสังคมที่จะเกิดขึ้นต่อไปตามที่มันพึงจะเป็น"

.

เพราะดิฉันพูดกับทุกคนเท่าที่จะพูดได้ ไม่ว่าจะเป็นพนักงานทำสะอาดในห้างสรรพสินค้า

รถเข็นขายขนมถ้วย ขนมจีน หรือ ซาเล้งรับซื้อของเก่า

ถ้าใครสูญเสียที่ดินไปแล้ว ก็ให้บอกต่อกับญาติพี่น้องของเขา ว่าอย่าขายที่ดินที่มีอยู่

ดิฉันเห็นว่า ต้อง เมตตา กรุณา และมุทิตา เท่าที่ทำได้ก่อน จึงจะวาง อุเบกขา

.

ดิฉันไม่ใช่ปัญญาชนนะคะเป็นคนเล็กมาก ต่ำต้อยมาก(ตามมาตรวัดของสังคม)

เรียกว่าเป็นพวกกระจอก ของกระจอกอีกที

เดินไปในตลาดนัดไหน มีแต่คนถามว่า "ป้าขายอะไร"

ซื้อหนังสือเก่าๆไปอ่าน คนขายยังไม่เชื่อเลยว่า ซื้อไปอ่านเอง สาระรูปไม่ให้

ดิฉันไม่มีปริญญาใดๆ มีรายรับเดือนละไม่กี่พันบาท ต้องใช้กระเหม็ดกระแหม่มาก

แต่ในทางจิตใจ ดิฉันไม่เคยจน ส่วนใจก็เบา เพราะไม่ต้องแบกยศศักดิ์อะไร

.

ดิฉันเห็นว่า วิบากกรรมของสังคม ก็เป็นวิบากกรรมของสังคม

ถ้าไม่ถึงที่สุดจริงๆ แล้ว ก็อย่าเพิ่งวางอุเบกขาเลยค่ะ สงสารผู้คนในสังคมไทย

ดิฉันคิดว่าเข้าใจคุณและเห็นคุณ"กราบขออภัย"เป็นบัณฑิต(ในความหมายทางพุทธ)จึงสื่อมา

.

ขอให้คุณ"กราบขออภัย"อยู่เย็นเป็นสุข และบุญรักษานะคะ

.

สุดท้าย กราบขออภัยคุณหมอวิจารณ์ด้วยค่ะ ที่ขอใช้พื้นที่ตรงนี้สื่อกับคุณ"กราบขออภัย"

.._/\_ _/\_ _/\_

.

ด้วยความเคารพอย่างสูง

กัญญา ลีลาลัย

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท