พืชแพ้สารตกค้าง (สารคุมและฆ่าหญ้า) ทำให้อ่อนแอ ผลผลิตน้อย


เนื่องจากในปัจจุบันยังไม่มีสารอินทรีย์ชีวภาพชนิดใด ที่จะนำมาทดแทนสารเคมีคุมและฆ่าหญ้าให้ได้ผลเด็ดขาดร้อยเปอร์เซ็นต์

 

การใช้สารเคมีคุมและฆ่าวัชพืชในปัจจุบันเป็นที่นิยมไม่เคยเสื่อมคลาย ร้ายขายปุ๋ยยาเคมีเกษตรแทบทุกร้านจะต้องมีโชว์ไว้หน้าร้านกันทุกยี่ห้อหลากหลายบริษัท เพราะเป็นตัวที่จัดได้ว่าทำกำไรให้แก่ผู้ขายได้เป็นกอบเป็นกำมากกว่าสารเคมีตัวอื่นๆทั้งหมด ดังนั้นเมื่อยอดขายย่าคุมและฆ่าหญ้าขายดีก็แสดงว่าพื้นที่แปลงเกษตรก็ย่อมจะมีสารเคมีเหล่านี้ตกค้างอยู่มากเหมือนกัน การใช้สารเคมีคุมและฆ่าหญ้าหรือวัชพืชติดต่อกันเป็นระยะเวลานานนั้นย่อมจะมีสารพิษตกค้างอยู่ในดิน สารพิษที่ตกค้างนั้นย่อมจะส่งผลต่อพืชหลักที่เราปลูกไว้อย่างแน่นอนไม่ทางตรงก็ทางอ้อม ลองคิดดูกันให้ดี ๆ นะครับ หญ้าหรือวัชพืชก็คือพืชชนิดหนึ่ง แล้ว ข้าว, ข้าวโพด, อ้อย, มันสำปะหลัง, ปาล์ม, ยางพารา, ทุเรียน, มังคุด, ลองกอง ฯลฯ นั้นก็คือพืชด้วยเหมือนกัน ย่อมต้องได้รับผลกระทบต่อการเจริญเติบโตเหมือนกับหญ้าเช่นเดียวกัน เพียงแต่ว่าอาจจะมีความแตกต่างกันไปตามความใหญ่เล็กหรือขนาดของพืชชนิดนั้น ๆ ทำให้มองไม่เห็นการบั่นทอนการเจริญเติบของพืชที่ได้รับผลกระทบจากสารเคมีที่ใช้คุมและฆ่าหญ้าได้อย่างชัดเจนเท่านั้น


ลักษณะของดินที่มีสารเคมีคุมและฆ่าหญ้าตกค้างอยู่ในปริมาณมาก พืชจะแสดงอาการออกมาให้เห็นอย่างชัดเจน เช่น พืชที่ปลูกลงไปใหม่ๆ จะแคระแกร็น ใบเล็ก เหี่ยวเฉา หงิกงอ การยืดหรือแบ่งตัวของเซลล์ผิดรูป ผิดร่าง ผลผลิตน้อย  ไม่ว่าจะกระตุ้นให้เติบโตโดยการใส่ปุ๋ยทางดินหรือฉีดพ่นทางใบให้ด้วยอย่างไรก็ไม่ตอบสนองเท่าที่ควร ทั้งนี้เพราะดินที่สะสมสารพิษ (ยาคุมและฆ่าหญ้า) ไว้อย่างมากจนดินเสียนั้น จะส่งผลกับพืชหลักที่ปลูกเฉกเช่นเดียวกันกับหญ้า ถึงแม้ว่าพืชหลักจะมีความแข็งแรงหรือภูมิต้านทานมากกว่าทำให้ไม่ตายในทันทีแต่ก็ส่งผลให้เห็นอย่างชัดเจนในเรื่องการเจริญเติบโตดังได้กล่าวในเบื้องต้น

 

เนื่องจากในปัจจุบันยังไม่มีสารอินทรีย์ชีวภาพชนิดใด ที่จะนำมาทดแทนสารเคมีคุมและฆ่าหญ้าให้ได้ผลเด็ดขาดร้อยเปอร์เซ็นต์  เกษตรกรจึงยังต้องใช้สารเคมีเหล่านี้กันต่อไป เพราะประหยัดทั้ง เวลา เงินทุน ในการจัดการ จึงเป็นเหตุผลที่ยอดขายของร้านขายปุ๋ย ยา ฮอร์โมน ยังคงติดอันดับความนิยมอยู่เรื่อยมา และปล่อยไปตามกาลเวลาโดยไม่มีใครเคยคิดถึงผลเสียที่ส่งผลกระทบต่อการทำอาชีพเกษตรของตนเอง ว่าอาจจะต้องทำให้สิ้นเปลืองปุ๋ยและฮอร์โมนเพิ่มขึ้นมากกว่าปรกติ

 

วิธีการแก้ไขปัญหาในเรื่องสารพิษตกค้างในดิน โดยเฉพาะยาคุมฆ่าหญ้านั้น ให้ใช้หินแร่ภูเขาไฟซึ่งมีคุณสมบัติในการจับตรึงสารพิษและก๊าซของเสียต่างๆ เช่น ก๊าซแอมโมเนีย, ก๊าซไฮโดรเย่นซัลไฟด์, ก๊าซมีเธน และก๊าซพิษอื่น ๆ ในบ่อกุ้ง บ่อปลา คอก, เล้าเก่าหรือโรงเรือนเลี้ยงไก่ ซึ่งถ้ามีกลุ่มของหินแร่ภูเขาไฟนำไปหว่านโรยทับที่พื้นคอกและพื้นบ่อจะช่วยจับก๊าซพิษเหล่านั้นให้หมดสิ้น จนไม่ก่อปัญหาในการดำรงชีวิตของไก่และกุ้ง ทำให้มีการเจริญเติบโตอ้วนท้วนสมบูรณ์จับขายได้เร็ว

 

ดังนั้นถ้าจะนำมาจับสารพิษในดินที่ปลูกพืช ก็สามารถนำกลุ่มของหินแร่ภูเขาไฟเหล่านี้มาใช้ได้ด้วยเหมือนกัน  หินแร่ภูเขาไฟที่ใช้ในการเกษตรส่วนใหญ่ก็คือ  ภูไมท์, ภูไมท์ซัลเฟต, สเม็คไทต์ และไคลน็อพติโลไลท์  ตัวที่มีความสามารถจับสารพิษได้ดีที่สุดก็จะเป็น ไคลน็อพติโลไลท์ เพราะมีค่าความสามารถในการจับหรือแลกเปลี่ยนแประจุบวกมากที่สุด (C.E.C. = Catch Ion Exchange Capacity) คือมีถึง 220 meq/100g ขึ้นไป  เมื่อถูกใส่ลงไปในดินแล้วทำการลูบเทือก (นาข้าว) ไถกลบ ยกแปลง คลุกเคล้า พรวนดิน รดน้ำ (พืชผักพืชไร่) เขาก็จะทำหน้าที่ในการช่วยทำลายสารพิษที่ตกค้างในดิน ไม่ให้เป็นอันตรายต่อรากพืช ทำให้การเจริญเติบโตของ ข้าว อ้อย ปาล์ม มันสำปะหลัง ยางพารา ฯลฯ ดีขึ้น ไม่แคระแกร็น ชะงักงัน ตอบสนองต่อการใส่ปุ๋ย ไม่ต้องใช้ปุ๋ยมาก ไม่สิ้นเปลืองงบประมาณในการซื้อปุ๋ยและฮอร์โมน ในการนำมาบำรุงที่ปลายเหตุเหมือนเมื่อก่อน เพราะดินที่ปลอดสารพิษตกค้าง จะมีจุลินทรีย์ดีมีประโยชน์อีกทั้งไส้เดือนจากธรรมชาติเข้ามาอยู่อาศัยทำให้ดินโปร่ง ร่วนซุย ระบายถ่ายเทน้ำดี รากออกหาอาหารได้ไกล สมาชิกหรือเกษตรกรท่านมีข้อสงสัยหรือต้องการข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อเข้ามาที่ 081-313-7559 นะครับ หรือจะฝากข้อความไว้กับเจ้าหน้าที่ชมรมเกษตรปลอดสารพิษที่ 0-2986-1680- 2 ก็ได้เช่นเดียวกันครับ

 

มนตรี   บุญจรัส

ชมรมเกษตรปลอดสารพิษ  www.thaigreenagro.com

หมายเลขบันทึก: 295510เขียนเมื่อ 7 กันยายน 2009 16:50 น. ()แก้ไขเมื่อ 20 มิถุนายน 2012 10:26 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท