หนูอยากได้...!!!


พ่อแม่มีส่วนสำคัญอย่างยิ่งต่อพฤติกรรมการอ่านหนังสือของบุตรธิดา

 

 

 

 

หนูอยากได้...!!!

 

วิกูล โพธิ์นาง

รัฐศาสตรบัณฑิต มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช

เสาร์ ที่    กันยายน  ๒๕๕๒ 

 

 

 

วันหนึ่งเวลาประมาณ ๑๘ นาฬิกา ผมยืนเลือกหนังสืออยู่ที่แผงขายหนังสือ ของร้านสะดวกซื้อหน้าหมู่บ้าน ซึ่งแผงก็อยู่ติดกับตู้ไอศครีม ขณะนั้นเองก็มีเด็กหญิงคนหนึ่งอายุราวๆ ๑๑  ขวบเดินมายืนข้างๆ แรกเลยผมก็ไม่ได้สนใจอะไร คงง่วนกับการเลือกหนังสือพิมพ์

 

เด็กหญิงคนนี้ คงมายืนเมียงมองไอศครีม ในขณะที่พ่อเขากำลังเลือกซื้อของหลายอย่างในร้านนั้น

 

ไม่ทันไรเด็กผู้หญิงคนเดิม ได้วิ่งไปหาพ่อและจูงมือพ่อมาที่ข้างๆตู้ไอศครีม พ่อเองก็ถือของพะลุงพะรังเต็มมือ

 

อะไรลูก พ่อถาม

 

พ่อๆ หนูอยากได้หนังสือเด็กตอบด้วยความดีใจและอยากได้ พร้อมกับชื้อมือไปที่หนังสือเล่มหนึ่งสีสวยสะดุดตาพร้อมความหวังว่าพ่อจะต้องซื้อให้แน่นอน เพราะวันนี้เงินพ่อมีซื้อของตั้งหลายอย่าง

 

หนังสืออะไรหรือ พ่อถาม

 

หนังสือผจญภัยตามรอยพระพุทธเจ้าค่ะ หนูอยากได้ เด็กหญิงรีบตอบอย่าคล่องแคล่วในชื่อหนังสือ

 

พ่อจับหนังสือเล่มนั้นมาดูที่ปกหน้า ปกหลัง พิจารณาอยู่ชั่วครู่ ไม่สามารถเปิดดูภายในได้ เพราะหนังสือห่อด้วยพลาสติกอย่างแน่นหนา ขณะที่พ่อกำลังจะวางหนังสือลงที่เดิม

 

เด็กหญิงกระโดดจะคว้าหนังสือ พร้อมกับความความดีใจบนใบหน้า และน้ำเสียง อยากเป็นเจ้าของหนังสือ  หนูอยากได้ ๆ

 

พ่อยกหนังสือเล่มนั้นขึ้นให้สูงเหนือศีรษะ เพื่อหนีการกระโดดคว้าจากมือลูกสาว แล้วก็วางลงที่แผงหนังสือเหมือนเดิม

 

เด็กหญิงไม่ละความพยายาม กอดเอวพ่อ แล้วอ้อนว่า พ่อหนูอยากได้ พ่อมองหน้าลูกเพื่อพิจารณาถึงความอยากได้ของลูก ผมก็แอบเห็นแววตาของหนูน้อยหญิงคนนี้ว่าเธออยากได้จริงๆ และแอบดูสายตาพ่อเหมือนกับกำลังจะตัดสินใจ ซื้อไม่ซื้อ

 

พ่อๆหนูอยากได้ หนังสือผจญภัยตามรอยพระพุทธเจ้า หนูอยู่ชมรมธรรมะ อยากอ่านธรรมะ

 

เท่านั้นแหละพ่อใจอ่อน ยื่นมือไปคว้าหนังสือเล่มดังกล่าวมาดูอีกครั้ง แต่คราวนี้สายตาไปหยุดอยู่ที่ปกหลังบริเวณบาร์โค๊ต กับราคา ๑๔๐ บาท

 

เด็กหญิงยิ้มร่าเลย ได้แล้วเรา ความดีใจไม่ทันวิ่งถึงก้นบึ้งหัวใจ ก็ต้องผิดหวัง พ่อวางหนังสือเล่มนั้นลงที่เดิมอีกแล้ว พร้อมกับบอกลูกว่า อย่าเพิ่งเอาเลยมันแพง ๑๔๐ บาท

 

แล้วเขาก็เดินจากลูกสาวไปอย่างไม่ใยดีกับลูกสาวอีก คงเพื่อตัดความรำคาญหรือป้องกันไม่ให้ลูกสาวอ้อน เขาไปที่บริเวณจ่ายเงิน พร้อมกับเตรียมจ่ายเป็นค่าสิ่งของที่เขาหยิบมาเมื่อครู่หลายรายการ

 

คงทิ้งให้เด็กหญิงน้อยๆลูกสาว ยืนมองหนังสือและจำตัดใจจากหนังสือนั้นเดินไปหาพ่อ แต่ปากก็พูดพึมพรำๆว่า หนูอยากได้ หนูอยู่ชมรมธรรมะ

 

พ่อไม่พูด จ่ายเงินเสร็จก็ให้ลูกช่วยถือของ และเดินออกจากร้านสะดวกซื้อไปขึ้นมอร์เตอร์ไซค์ ลูกสาวซ้อนท้ายพ่อขับพาออกไปอีกหมู่บ้านหนึ่ง บนฟ้าแสงพระอาทิตย์เริ่มลับฟ้า ลมเย็นๆ พัดผ่านมาที่หน้าผมอย่างวังเวง

 

ผมเดิมตามออกไปดูสองพ่อลูก พยายามจะจำทะเบียนรถ หรือรูปพรรณของทั้งสอง ตามวิสัยของตำรวจบ้านที่ได้ฝึกอบรมมา เพื่อมีโอกาสจะได้หาหนังสือเล่มนั้นไปเป็นของขวัญให้เธอลูกสาวเขา วันนั้นผมมีเงินติดตัวอยู่ ๑๐๐ บาท คงคิดอะไรไม่ได้มากกว่านี้ นอกจากหนังสือพิมพ์ฉบับเดียว

 

เขาไปแล้วทั้งสองพ่อลูก คงทิ้งไว้กับแผ่นสลิปการจ่ายเงินที่เขาทิ้งแล้วไม่ลงถัง ผมเดินไปเก็บมาดูรายการที่คุณพ่อของลูกสาวเมื่อครูซื้อไป

 

ล้วนเป็นของจำเป็นทั้งสิ้น เบียร์ 4 ขวด สุรา 2 ขวด โซดา 4 ขวด น้ำแข็ง 2 ถุง ถั่ว 4 ถุง บุหรี่สองยี่ห้อ สองซอง  ซีดีภาพยนต์ ๒ เรื่อง

 

ทั้งหมดราคาคงถูกกว่าหนังสือ หรืออย่างไรผมไม่ได้ดูในรายละเอียดของราคา....!!!

 

ก็ต้องเห็นใจคุณพ่อเขาแล้วหละเพราะล้วนจำเป็นสำหรับวงสุราบันเทิง จึงทำให้เขาไม่เหลือเงินที่จะซื้อหนังสือ ผจญภัยตามรอยพระพุทธเจ้า เพราะแพงเกินความจำเป็นสำหรับพ่อจริงๆ

 

หนูอยากได้ ก็รอก่อนนะลูกนะ...!!!

 

 

หมายเลขบันทึก: 294684เขียนเมื่อ 5 กันยายน 2009 15:19 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 09:15 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท