วันนี้ให้อาหารกายเสร็จแล้วพักผ่อนนิดหน่อย
บ่ายๆเดินไปนั่งมองธรรมชาติที่สระน้ำ
ได้ยินนกหลากชนิดส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าว
เลยหันไปดูมันกำลังแย่งชิงกล้วยซึ่งกำลังสุกอยู่เครือนึงบนต้น
เพื่อจะจิกกินให้การดำรงชีวิตของมันอยู่รอด
เฉกเช่นเดียวกันกับ
เราทุกคนต่างหยัดยืนต่อสู้เพื่อการรอรั้งที่จะมีชีวิตอยู่
ตามสัญชาตญาณที่ติดตัวกันมา
แม้บางครั้งอาจจะหมดอาลัยตายอยากในวิถีชีวิตก็ตาม
ถึงกระนั้นก็ต้องกลับเข้าสู่วงจรแห่งการยืนหยัดต่อไป
และบางครั้งอาจจะเป็นการเริ่มสต๊าทใหม่ที่ดีก็เป็นได้
..ตอนมาสู่โลกเราหาได้มีอะไรติดตัวมา
แล้วเวลาจากไปจะมีอะไรติดตัวไปด้วยเล่า..
นั่นคือการมองแบบเห็นสัจธรรมของชีวิตอย่างแท้จริง
ของมนุษย์ที่ที่รู้เท่าทันธรรมชาติตามความเป็นจริงแต่ก็ส่วนน้อยนัก
บางคนอาจมองตนด้านลบว่าขณะนี้เราไม่มีอะไร..เพียงเสมอตัว
แต่ก็ใช่ว่าเขาคนนั้นจะกลับไปหาจุดเริ่มต้นไม่
เราลองมองในด้านบวกดูบ้างเวลาคิดว่าไม่มีอะไร
ทุกครั้งต้องเจอสิ่งที่ดีซ่อนเร้นอยู่ในความไม่มีอะไรนั้นก็เป็นได้
แต่ทว่า..การที่เราได้สัมผัสมุมมองในการที่คิดว่าไม่มีอะไรนี้นั้น
บางครั้งนั่นคืออีกมุมมองแห่งการเริ่มต้นของการมีทุกสิ่ง..
ดังนั้นเราอย่าได้ไปเกาะติดยึดเหนี่ยวมันไว้ให้มากนักเลย
ทุกสรรพสิ่งล้วนมีสุขทุกข์...มีได้มีเสีย..มียาวมีสั้น..
มีไปมีกลับ.. มีทุกข์มีสุข สลับกันไป
ก็แล้วแต่ว่าในขณะนั้นเราหยัดยืนอยู่ด้านไหนก็เท่านั้นเอง
ธรรมะสวัสดีขอรับ..
นมัสการค่ะ...หลวงพี่
เพราะสรรพสิ่งหาใช่ของเรา...จึงสลับไปมา...เหมือนหยอกล้อเล่นกับชีวิต
สุขทุกข์ >> เ่วียนว่ายตามกระแส >> จิตสงบ >> สุขได้ยืนนาน
เพียงพอเป็นโมเช่เลย..
บันทึกนี้ มาสไตล์ "เต๋า" เลย นะครับ
ไม่มี คือ มี
มี คือ ไม่มี
ถึงจะไม่สุขยืนนานก็เพียงแค่ทุกข์เบาบางก็พอขอรับอาจารย์
สาธุขอรับคุณครู..
คงงั้นมั้งท่านรอง..
สาธุขอรับ..