การอภิปรายเกี่ยวกับประเด็นปัญหาของ ด.ญ. แก้ม เสียงใส act 2 31-8-2552


problem based learning

การอภิปรายเกี่ยวกับประเด็นปัญหาของ ด.ญ. แก้ม เสียงใส act 2 31-8-2552

1.      การติดเชื้อ virus ที่ตำแน่ง terminal and respiratory bronchiole ทำให้ nucleus ที่ epithelium มีการรวมตัวกันเป็น multinucleated giant cells เกิดการทำลายของ ciliated epithelium ที่ terminal bronchiole ........cilia พัดโบกน้อย ทำหน้าที่กำจัดเชื้อไม่ได้...........เพิ่มโอกาสการติดเชื้อ bacteria

2.      การติดเชื้อที่ alveoli ทำให้เกิดอะไรบ้าง

a.      ทำให้เกิดกระบวนการ inflammation มีการดึงเอา PMN, WBC เข้ามาทำลายและกำจัดเชื้อโรค............กระตุ้นการหลั่ง mucus..........มีของเหลว fluid และ exudate ที่เกิดจากขบวนการ inflammation มาคั่งอยู่ในถุง alveoli………….เกิดการแลกเปลี่ยนแก๊ซน้อยลง.........กระตุ้นให้หายใจเร็วและใช้กล้ามเนื้อช่วยในการหายใจมากขึ้น...........หอบเหนื่อย

b.      type I alveolar cell (squamous pneumocyte) ถูกทำลาย ทำให้การแลกเปลี่ยนก๊าซลดลง.........หายใจเร็ว หอบเหนื่อย

c.      type II alveolar cell มีหน้าที่สร้าง surfactant เมื่อ cell ส่วนนี้ถูกทำลาย............ทำให้มี surfactant ลดลง.........มี tension surface มากขึ้น.......... alveoli แฟบ .......ลด lung volume..........หายใจเร็วและหอบเหนื่อย

d.      type II alveolar cell เปลี่ยนเป็น type I alveolar cell ได้

3.      พ่อสูบบุหรี่ทำให้เกิดผลอย่างไรในลูก

a.      เกิดการทำลายของ barrier คือ ciliated epithelium ..................ทางเดินหายใจติดเชื้อง่ายขึ้น

b.      elastic tissue ที่ alveoli  เสียสภาพ…………ทำให้ความยืดหยุ่นลดลง…..alveoli เสียสภาพในการหดตัว

4.      ทำไมจึงมีไข้

a.      virus เป็น pyrogens กระตุ้น cell monocytes และ macrophage ให้หลั่ง cytokine, IL-1, IL-6, IFN, TNF.............. ซึ่งจะผ่านเข้าสู่กระแสเลือดไปที่ hypothalamus............. ทำให้มีการสร้าง prostaglandins ศูนย์ควบคุมอุณหภูมิของร่างกายตั้ง set point ใหม่

5.      ทำไมมีน้ำมูก

a.      มีการติดเชื้อ.........กระตุ้น goblet cells ในจมูก ให้มีการสร้างและหลั่งสารคัดหลั่งออกมา..........เป็นน้ำมูก

6.      ทำไมจึงไอ

a.      ในคนที่มีระบบ mucociliary clearance ปกติ ก็จะไม่ไอ เพราะกำจัดเชื้อโรคได้ แต่ในคนที่ระบบนี้เสียไป หรือติดเชื้อมาก ก็จะกระตุ้นให้เกิดการไอ ซึ่งมี receptor ของการไอมากบริเวณทางเดินหายใจส่วนต้น.........การไอจะกระตุ้นให้ดันเอาเสมหะและสิ่งแปลกปลอมออกมา เป็นการกำจัดเชื้อโรคออกจากร่างกายได้อีกวิธีหนึ่ง

7.      ทำไมรักษาแล้วยังมีอาการไอ ไข้ หอบ

a.      รักษาผิดเพราะยาไอที่ให้ไปกดการไอที่สมอง แต่เนื่องจากยังมีการติดเชื้ออยู่ที่ทางเดินหายใจอยู่อีก...................จึงยังคงมีการกระตุ้น goblet cells ให้หลั่งและสร้าง mucus ………..ร่างกายถูกกระตุ้นให้ขับเสมหะออกมา.........ยังไอมาก

b.      รักษาถูกเพราะให้ยาไอที่ให้เป็นชนิดขับเสมหะ ซึ่งไปกระตุ้น vagal nerve ที่ไปเลี้ยงและกระตุ้น bronchial gland ให้ไอมากขึ้น........ช่วยเกี่ยวกับการไอเพื่อขับเสมหะและเอาเชื้อโรคออกจากร่างกาย

c.      อาการเปลี่ยนจากหวัด..........กลายเป็นปอดอักเสบแล้ว

d.      ยาลดน้ำมูก.........ทำให้ mucus แห้งและข้น.......เด็กไอขับเสมหะออกยาก...........เกิดการอักเสบที่ปอดง่ายขึ้น

8.      ทำไมเป็นหวัดบ่อย

a.      ได้รับสิ่งกระตุ้นจากบุหรี่ที่พ่อสูบตลอด.........ทำให้ระบบป้องกันธรรมชาติของร่างกายเสียไป (barrier)………กำจัดเชื้อโรคไม่ได้..........ติดเชื้อง่าย

9.      ทำไม film X-Ray จึงเห็นเป็น interstitial infiltration

a.      viral pneumonia…………exudate in alveoli ที่อยู่ปลาย bronchiole ตามแนวของ hilar ที่ปอด…..interstitial infiltration

10. ทำไมติดเชื้อไวรัส

a.      เป็นการติดเชื้อที่พบบ่อยในเด็ก เช่น rhinovirus, RSV

11. ทำไมให้น้ำและออกซิเจนในผู้ป่วย pneumonia

a.      Oxygen ช่วยทำให้การแลกเปลี่ยนก๊าชดีขึ้น ลดการทำงานของกล้ามเนื้อที่เกี่ยวกับการหายใจ

b.      น้ำช่วยลดอุณหภูมิ...........ลดไข้

c.      น้ำช่วยลดความหนืดของสารคัดหลั่ง............เด็กไอออกง่ายขึ้น….เป็นการกำจัดเชื้อ

คำสำคัญ (Tags): #problem based learning
หมายเลขบันทึก: 293203เขียนเมื่อ 1 กันยายน 2009 08:52 น. ()แก้ไขเมื่อ 14 มิถุนายน 2012 17:53 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท