แฝดเฉียดตาย


คุณคิดว่าคนที่เป็นแฝดกัน จะส่งสัญญาณบางอย่างถึงกันได้ไม๊

แฝดเฉียดตาย

               

ฉันเดินมาหยุดอยู่ที่หน้าบ้านไม้กลางเก่ากลางใหม่  ใต้ถุนสูงหลังหนึ่ง  บริเวณบ้านร่มรื่นไปด้วยต้นไม้และพืชผักสวนครัว ที่ปลูกอย่างเป็นระเบียบ พื้นดินดูสะอาดตา  ไม่มีขยะรกรุงรัง

บ่งบอกถึงความขยันขันแข็งของเจ้าของบ้านได้เป็นอย่างดี  ฉันเพลิดเพลินกับธรรมชาติของบ้านได้เพียงชั่วครู่ ก็นึกถึงภารกิจที่ทำให้ตนเองต้องมาที่บ้านหลังนี้

                ความเงียบเฉียบของบ้าน ปราศจากเสียงใดๆ ของสรรพสิ่ง ทำให้ฉันเริ่มเหงื่อแตก ด้วยความวิตกกังวล  หรือว่า........สิ่งที่นึกไว้จะเป็นจริง

             ฉันกวาดสายตามองรอบบ้านเร็วๆ อีกครั้ง ประตูและหน้าต่างทุกบานถูกปิด   แต่มีรองเท้าอยู่ที่บันไดบ้าน ฉันคิดว่าเจ้าของบ้านน่าจะอยู่ข้างบน

                มีใครอยู่บ้างค่ะๆๆๆๆๆ

             เสียงตะโกนเรียกเจ้าของบ้านซ้ำไปมา 6-7 รอบ  แต่ไม่มีเสียงตอบใดๆ จากใคร ทำให้ฉันเริ่มรู้สึกวิตกกังวลเพิ่มขึ้น เหงื่อเริ่มผุดบนใบหน้าของฉัน ราวกับวิ่งมา 10 รอบก็ไม่ปาน

                ไม่ไหว  เราต้องหาคนช่วยแล้วล่ะ

              โชคดี ที่เดินห่างจากบ้านไปเพียง 200 เมตร ก็พบบ้านไม้ใต้ถุนสูงหลังหนึ่ง มีผู้ชาย 2 คนและหญิงชรา 1 คน นั่งอยู่ใต้ถุนบ้าน พวกเขาเป็นญาติๆ กันพอดี   พวกเขาเดินมาหยุดอยู่หน้าบ้าน ส่งเสียงเรียกอีกหลายครั้ง ก็ไม่ปรากฏผลใดๆ เราตกลงใจที่จะขึ้นไปบนบ้าน  เมื่อขึ้นไปบนบ้าน

 เราก็ยิ่งแน่ใจว่า มีคนอยู่ข้างใน เพราะเงี่ยหูฟังที่ร่องประตู ได้ยินเสียงตะกุกตะกัก คล้ายใครกำลังทำอะไรอยู่ข้างใน

                 ลองเอามือไปสั่นที่บานประตู  บานไม้ที่ค่อนข้างเก่า ก็หลุดออกโดยไม่ยาก

               ทันใดที่บานประตูเปิดออก

               ภาพของหญิงสาวสวมใส่ผ้าถุง    กำลังยื่นคอตนเอง ไปแขวนบนเชือกปอ ที่ผูกไว้บนขื่อบ้าน  พร้อมกับถีบเก้าอี้ให้ล้มลงไปต่อหน้า  ทำให้สายตาของทุกคู่ ที่กำลังตกตะลึง ต้องรีบวิ่งกรูเข้าไปอุ้มหญิงสาวไว้ ก่อนที่พญามัจจุราช จะมารับตัวเธอไป

 ……………………………………………………………………………………………………..

                                กริ๊ง    กริ๊ง    กริ๊ง

                 เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น ทำให้ฉันซึ่งกำลังเคลิ้มหลับได้ที่  ต้องสะดุ้งตื่นด้วยความตกใจ   

ฉันคว้านาฬิกาปลุกขึ้นมาดู   หน้าปัดนาฬิกาบอกเวลา 5 ทุ่มครึ่ง   ใครน่ะช่างจะโทรมาตอนดึกๆ แบบนี้   ฉันบ่นในใจพร้อมกับมือก็คว้าโทรศัพท์มารับอย่างเสียมิได้  วันนี้ ฉันไม่มีอารมณ์จะรับโทรศัพท์ใครเลย เหนื่อยมาทั้งวัน ตอนเช้า นั่งให้คำปรึกษาคนไข้ 6 คน ฟังคนไข้พูดจนเริ่มเบลอ แถมตอนบ่ายก็ไปตะลอนๆ เยี่ยมบ้านอีกหลายหลัง  คิดว่าตอนกลางคืนจะนอนหลับพักผ่อนให้เต็มที่ซะหน่อย แต่ก็มีโทรศัพท์จนได้ 

                สวัสดีค่ะฉันพูดด้วยน้ำเสียงงัวเงียเต็มที่

                ยังไม่ทันที่ฉันจะพูดอะไร ก็มีเสียงพูดแซงขึ้นว่า

สวัสดีค่ะ หมอ ขอโทษน่ะค่ะที่โทรมาตอนดึกแบบนี้ แต่หนูไม่รู้จะให้ใครช่วยหนูดี ก็เลยนึกถึงหมอค่ะ

                มีอะไรให้หมอช่วยเหรอค่ะฉันตอบไปด้วยคำพูดที่ใช้จนคุ้นเคย  ตอนนี้หนังตามันหนักจริงๆ ไม่อยากที่จะลืมตาเลย  ความรู้สึกเหมือนกำลังละเมอ

                ฉันสังหรณ์ใจว่าน้องสาวของฉัน กำลังคิดฆ่าตัวตายค่ะ

เหมือนมีอะไรมากระตุกฉันแรงๆ จนหายงัวเงีย              

 คิดฆ่าตัวตายเหรอค่ะ

             หมอจำฉันได้ไม๊ค่ะ  ดิฉัน  สาวิตรี ไงค่ะ

            ภาพของหญิงสาววัย 28 ปี หน้าตาดี ที่เคยพยายามฆ่าตัวตาย ด้วยการกินพารา30 เม็ด เพราะทะเลาะกับสามี  เมื่อหลายเดือนก่อน ผุดขึ้นมาในความรู้สึก

            ใช่แล้ว ฉันเป็นคนบอกเธอเองว่า ถ้ามีเรื่องอะไรที่ไม่สบายใจ ให้โทรมาปรึกษาหมอได้ตลอดเวลา  เราต้องดีใจซิที่เธออุตส่าห์นึกถึงเรา  ว่าแล้วก็พยายามขยี้ตาเพื่อสลัดความง่วงให้หมดไป

                หมอจำได้ค่ะ สาวิตรี  เมื่อตะกี้ หนูบอกว่า น้องสาวของหนู กำลังคิดฆ่าตัวตายเหรอค่ะ

             ใช่ค่ะ หนูมีน้องสาวฝาแฝดคนนึง  ตอนนั้น เราอยู่ด้วยกันที่บางกระทุ่ม  แต่พอออกจากโรงพยาบาล  หนูดีกับแฟนแล้ว แฟนก็ชวนให้ไปขายของที่กรุงเทพฯ หนูก็เลยต้องแยกกันอยู่กับน้องค่ะ

                น้องของหนูก็แต่งงานแล้ว  ปกติเราจะโทรคุยกันทุกวัน แต่เมื่อวานนี้ โทรหาเค้าไม่ติด ไม่สามารถติดต่อได้ หนูรู้สึกสังหรณ์ว่าน้องของหนู  กำลังคิดฆ่าตัวตายค่ะ

             มีอะไรที่ทำให้หนูรู้สึกอย่างนั้นเหรอค่ะ

ก็ช่วงอาทิตย์ที่แล้ว เห็นเค้าบ่นๆ ว่า สามีไม่ค่อยสนใจเค้า เค้าเหงา หนูก็ได้แต่ให้กำลังใจเค้าไป แต่คืนนี้ หนูรู้สึกยังไงไม่รู้ บอกไม่ถูกค่ะ สังหรณ์ใจว่าจะเกิดอะไรกับเค้าแน่ มันหงุดหงิดฟุ้งซ่านไปหมดเลย โทรหาสามีเค้า ก็ไปขายของต่างจังหวัดไม่ได้อยู่ด้วยกันอีก

แล้วสาวิตรี อยากให้หมอช่วยน้องของหนู ยังไงเหรอจ๊ะ

พรุ่งนี้ หนูอยากให้หมอช่วยไปดูน้องของหนูที่บ้านให้หน่อยค่ะ ว่าเป็นยังไงบ้าง ได้ไม๊ค่ะ หนูเป็นห่วงเค้าจริงๆ กลัวเค้าจะเป็นอะไรไป

                ฉันรับปากสาวิตรี ว่าพรุ่งนี้จะไปทำธุระให้  พลางในใจก็นึกถึงคิวงานในวันพรุ่งนี้  ตอนเช้า ต้องเข้ากลุ่มคนไข้เบาหวาน ไม่น่าจะว่าง คงต้องเป็นตอนบ่ายล่ะกันน่ะ

………………………………………………………………………………………….

2 เดือนผ่านไป..............................

             วันนี้ ฉันรู้สึกอิ่มเอิบใจอย่างบอกไม่ถูก หลังคุยโทรศัพท์แสดงความขอบคุณจากสาวิตรี ตอนนี้ น้องสาวของเธอ สภาพจิตใจดีแล้ว หลังจากที่ฉันไปทำครอบครัวบำบัด เธอและสามีเข้าใจกันมากขึ้น และไม่มีความคิดที่จะฆ่าตัวตายอีกต่อไป   ฉันรู้สึกภูมิใจในตัวเอง  ที่อย่างน้อยก็เป็นส่วนหนึ่ง ในการช่วยคน  ให้รอดพ้นจากความตายที่เธอไม่ตั้งใจกระทำ  คำขอบคุณ เปรียบเสมือนน้ำที่คอยหล่อเลี้ยงใจ ให้คนทำงานอย่างเรา มีพลังในการทำงานอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย    

            ฉันลองนึกย้อนกลับไป   ถ้าวันนั้น ฉันไม่รับโทรศัพท์  ฉันไม่รีบตัดสินใจไปที่บ้านหลังนั้น แต่เช้า  ฉันรอไปตอนบ่าย  จะเกิดอะไรขึ้น คนที่เป็นฝาแฝดกัน มีจิตที่ผูกพันกัน เป็นอย่างนี้นี่เอง

                จากเหตุการณ์ครั้งนั้น  ทำให้ฉันตั้งใจแล้วว่า ฉันจะเปิดโทรศัพท์ไว้ตลอดเวลา  เพราะเมื่อพวกเขาไม่มีใคร เวลาของฉันที่มีให้   คงจะมีค่าพอที่จะยื้อชีวิตของพวกเขาจากมัจจุราชได้บ้าง  ถึงแม้ว่าจะเฉียดตายก็ตาม

 

                                                                                                                สุภา     ทองพรหม

                                                                                              งานสุขภาพจิต  โรงพยาบาลบางกระทุ่ม

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

หมายเลขบันทึก: 291996เขียนเมื่อ 28 สิงหาคม 2009 21:32 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 09:04 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (7)

อ่านแล้ว รู้สึกเป็นอย่างไรบ้าง ช่วยเสนอแนะเพื่อการปรับปรุงบ้างน่ะค่ะ

แวะมาให้กำลังใจค่ะ...

เรื่องเล่าได้ตื่นเต้นดีครับ ชอบมาก จะติดตามผลงานอีกครับ

ขอชื่นชมความทุ่มเทในการทำงานครับ

เขียนดีครับ เขียนอีกน่ะครับ

มาเม้นท์ให้ตามสัญญานะครับ

เรื่องที่เขียนเป็นเรื่องที่ดีครับ โครงเรื่องวางพล็อตได้น่าสนใจ

อาจทำให้น่าสนใจมากขึ้นด้วยการผูกปมเรื่อง "แฝด" ให้ชวนติดตามมากขึ้นกว่านี้ได้

ภาษาีที่เขียนสละสลวยดีครับ อ่านง่าย ได้อารมณ์ ทั้งตื่นเต้นและอิ่มใจ

เรื่องแรกยังเขียนได้ดีขนาดนี้ เตรียมรวมเล่มได้เลยครับ

โกมาตร

เขียนได้น่าอ่านและน่าติดตามดี เป็นกำลังใจให้ทำงานต่อไปเพื่อประชาชนชาวบางกระทุ่ม นะจ้ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท