เรื่องเล็กที่ไม่เล็ก
เช้าวันจันทร์ ซึ่งเป็นวันเริ่มต้นสัปดาห์แห่งการทำงาน เสียงพูดคุยกันเซ็งแซ่ ของผู้เฒ่าผู้แก่ที่มานั่งรอผลเลือดตรวจเบาหวานหน้าโต๊ะตรวจสอบสิทธิของฉัน บ้างก็หยิบหมากขึ้นมาเคี้ยว บ้างก็จับกลุ่มพูดคุยกันถึงผลของระดับน้ำตาลในเลือดเมื่อครั้งก่อน แถมด้วยการเกทับกันว่าของฉันน้อยกว่าของเธอ ฉันไม่ต้องถูกหมออบรมด้วยนะเพราะฉันคุมน้ำตาลได้
ขณะที่ฉันมัวเพลินกับบรรยากาศในโรงพยาบาล คุณลุงคนหนึ่งเดินถือเอกสารเข้ามาหาฉัน
“พยาบาลให้มาตรวจสอบสิทธิ ผมไม่มีบัตรทองมา”
“ลุงเอาบัตรประชาชนมาหรือเปล่าคะ”
“ผมไม่มีบัตรประชาชน”
“แล้วชื่อนามสกุลสะกดอย่างไรคะ หนูจะได้ค้นให้ ลุงจะได้ใช้สิทธิได้ไม่ต้องเสียเงินค่ารักษา”
ฉันค้นหาสิทธิการรักษาจากชื่อ-นามสกุลของลุง จึงได้รู้ว่าลุงถูกตัดสิทธิแถมชื่อยังถูกจำหน่ายออกจากฐานข้อมูลกลาง ซึ่งต้องดำเนินการติดต่อที่ว่าการอำเภอเพื่อพิสูจน์ว่าลุงยังมีชีวิตอยู่ เรื่องนี้ต้องรีบแก้ไขเพราะลุงจะไม่มีสิทธิรักษาหรือแม้แต่จะไปใช้สิทธิเลือกตั้งก็ยังทำไม่ได้เลย ฉันคิดอยู่ในใจคนเดียว ปากก็รีบบอกลุงไปว่า
“ลุงเคยใช้สิทธิเลือกตั้งไหมคะ แล้วเคยไปติดต่อราชการที่อื่นบ้างไหม”
“ไม่เคยเลย ไม่มีชื่อเวลาเลือกตั้งก็ไม่มีชื่อลุงซักที”
“ลุงรู้ไหม...ชื่อลุงถูกตัดออกจากทะเบียนราษฏร์ไปแล้วนะ”
“วันนี้โรงพยาบาลจะให้ลุงใช้สิทธิได้หนึ่งครั้งนะคะ แต่ลุงต้องไปติดต่อที่ว่าการอำเภอเรื่องการปลดจากการถูกจำหน่ายก่อนแล้วมาติดต่อทำบัตรทองทีหลังนะคะ”
เวลาผ่านไป จนฉันหลงลืมลุงคนนี้ไปแล้ว วันหนึ่งน้องในห้องทำงานก็ถามฉันว่าพี่เคยเจอลุงคนนี้ไหม เพราะลุงมารับบริการบ่อย มาเจอเจ้าหน้าที่ในห้องจนครบทุกคนแล้ว ลุงยังไม่ไปติดต่อทำเรื่องคืนสิทธิซักทีเลย ฉันฟังแล้วก็รู้สึกตกใจเพราะเคยแนะนำลุงไปแล้ว มันเกิดอะไรขึ้นกันนะทำไมเค้าไม่ยอมทำตามคำแนะนำของเรา
ไม่รู้ว่าเป็นโชคดีหรือโชคร้ายของฉัน ลุงได้กลับมาโรงพยาบาลอีกครั้ง ฉันจึงได้มีโอกาสพูดคุยกับลุงถึงสาเหตุที่ลุงไม่ยอมทำตามที่ฉันแนะนำไป ในใจก็นึกอยากต่อว่าลุงซะจริงๆ บอกอะไรไปทำไมไม่เชื่อไม่ทำตามเราเลยนะ แต่ก็พยายามข่มใจและสอบถามลุงไปว่า
“ไปติดต่อเรื่องการปลดสิทธิมาหรือยัง” หางเสียงที่เคยพูดกับลุงด้วยความนอบน้อมในความอาวุโสของฉันมันหายไป ซึ่งฉันรับรู้ได้ดี
“ยังเลย”
“แล้วทำไมไม่ไปติดต่อ ก็หนูและน้องในห้องก็บอกลุงไปตั้งหลายครั้งแล้วนี่นา”
ฉันนั่งรอฟังว่าลุงจะแก้ตัวอย่างไร ลุงนิ่งเงียบไปซักพัก แล้วตอบออกมาด้วยเสียงเหมือนกระซิบว่า
“ลุงไม่รู้ว่าต้องไปสอบถามใคร แล้วก็ไม่มีเงินด้วย”
พอได้ยินคำพูดนี้ฉันถึงกับอึ้ง พูดไม่ออกเลย เออ..จริงซิเราบอกให้ลุงไปติดต่อที่ว่าการอำเภอ แต่ไม่เคยย้อนถามเค้าเลยว่าลุงมีปัญหาอะไรหรือไม่ในการไปติดต่อ แล้วต้องไปติดต่อกับใคร
“ถ้าอย่างนั้นลุงนั่งรอก่อนนะคะ เดี๋ยวหนูจะช่วยประสานงานให้ลุงก่อน”
ฉันรีบโทรศัพท์ไปที่ว่าการอำเภอทันที เพื่อประสานงานกับทะเบียนราษฎร์ ว่าขั้นตอนการขอเพิ่มชื่อกลับเข้ามาในฐานข้อมูลต้องทำอย่างไร ซึ่งปลัดอำเภอได้ให้คำแนะนำเป็นอย่างดีถึงขั้นตอนการดำเนินการ ฟังแล้วก็อดนึกโกรธตัวเองอยู่ในใจนี่ขนาดเราเป็นข้าราชการเรายังพบว่ามันมีขั้นตอนเยอะ แล้วนี่เราบอกให้ลุงไปติดต่อเอง ลุงก็คงรู้สึกว่าเป็นเรื่องยุ่งยากเกินกว่าเขาจะไปติดต่อเองได้
หลังจากวางสาย ฉันได้อธิบายกับลุงคร่าวๆอีกครั้งถึงขั้นตอนที่ได้รับรู้มา พร้อมกับเขียนจดหมายน้อยให้ลุงติดตัวไปติดต่อขอพบเจ้าหน้าที่ทะเบียนราษฎร์ที่ฉันประสานงานไว้ให้ลุงล่วงหน้าแล้ว
หนึ่งอาทิตย์ต่อมา ลุงกลับมาหาฉันที่โรงพยาบาล ด้วยหน้าตายิ้มแย้มสดใส ลุงบอกว่าจะมาติดต่อทำบัตรทอง ลุงได้บัตรประชาชนและมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านแล้วด้วย
“ ขอบคุณ มากจริงๆ ถ้าไม่ได้หนูช่วยลุงคงไม่มีโอกาสแบบนี้ ลุงก็คงเป็นคนเถื่อน ไปใช้สิทธิเลือกตั้งใครเค้าก็ไม่ได้ เหมือนคนตายไปแล้ว”
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพียงเรามองข้ามและไม่ใส่ใจ ไม่รับรู้ปัญหาที่เกิดขึ้น ทำงานเพียงให้จบการทำงานในแต่ละวัน เริ่มวันใหม่ก็ตั้งต้นใหม่ทุกๆวัน เราคงไม่อาจรู้คุณค่าของการช่วยเหลือกัน การเข้าถึงความทุกข์ของคนอื่นและไม่เพิกเฉยต่อปัญหาที่เกิดขึ้น ใส่ใจสอบถามถึงปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างน้อยการที่เรามองปัญหาของเขา เป็นเพียงปัญหาเล็กๆ แต่สำหรับตัวผู้รับบริการเองอาจเป็นปัญหาที่เขาไม่อาจแก้ไขได้เอง เราจึงไม่ควรมองข้าม คำขอบคุณของลุงเป็นกำลังใจให้ฉัน ทุกวันนี้งานประกันสุขภาพที่ฉันดูแล ฉันได้เติมเต็มหัวใจในการให้บริการให้กับน้องๆในห้องทุกคน ไม่ให้มองข้ามปัญหาของผู้มารับบริการแม้จะเป็นเพียงปัญหาเล็กๆ ก็ตาม
วราภรณ์ สนศิริ
พยาบาลวิชาชีพ ชำนาญการ
เป็นโชคดีของลุงค่ะที่เจอข้าราชการที่ดี
สิทธิ์บัตรทองให้อะไรคุณลุงได้เยอะเลยค่ะ
ขอขอบคุณแทนคุณลุงค่ะ