เก็บข่าวมาเล่า "อดีตรมช.ศธ.แฉ5เหตุฉุดการศึกษาไทย ชี้ปัญหากลุ่มกรรมการผู้แทนครูหน้าเก่า"

เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม นายวรากรณ์ สามโกเศศ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กล่าวอภิปรายเรื่อง "ทางออกการศึกษาไทย" ในงานธรรมศาสตร์วิชาการ 2552 ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต ว่า ปัญหาสำคัญของการศึกษาไทยคือความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา ตนแปลกใจมากสมัยที่เคยไปตรวจเยี่ยมโรงเรียนที่อยู่นอกเมือง เด็กแทบไม่มีเสื้อผ้านักเรียนใส่ แต่พอเข้ามาดูโรงเรียนในเมืองกลับแตกต่างราวฟ้ากับดิน เพราะโรงเรียนแห่งนี้เปิดสอนหลักสูตรสองภาษา มีครูฝรั่งมาสอน ดังนั้นตนเชื่อว่าถ้าดูคะแนนผลการทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติของนักเรียนโรงเรียนใหญ่ๆ ในเมือง คะแนนเฉลี่ยจะผ่านอย่างแน่นอน แต่เมื่อนำมารวมกับคะแนนของโรงเรียนอีกราว 3 หมื่นแห่ง แน่นอนว่าคะแนนเฉลี่ยยังไงก็ไม่ผ่านเกณฑ์ นี่คือปัญหาความเหลื่อมล้ำทางคุณภาพการศึกษา

อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการ ศธ.กล่าวต่อว่า ปัญหาการศึกษาไทยเกิดจาก

1.ระบบการศึกษาที่แข็งตัวเกินไป ทุกอย่างต้องทำเหมือนกัน ทำให้การจัดการศึกษาทางเลือกอื่นๆ ไม่ประสบความสำเร็จ เช่น การจัดการศึกษาโดยพ่อแม่ หรือโฮมสคูล

2.การขาดความมุ่งมั่นอย่างจริงจังและต่อเนื่องในการยกระดับมาตรฐานการศึกษาไทย

3.ความไม่ต่อเนื่องของการดำเนินนโยบายการศึกษา เนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองกันบ่อย โดยแม้ ศธ.จะตั้งมาประมาณ 110 ปีเท่านั้น แต่มีรัฐมนตรีว่าการ ศธ.ถึง 72 คนแล้ว ทำให้การดำเนินนโยบายไม่ต่อเนื่อง

4.การศึกษาถูกมองว่าไม่ใช่เรื่องสำคัญที่สุดของการเมืองไทย และ

5.การเมืองเข้ามาอยู่ในการศึกษา ยกตัวอย่างเช่นกรณีการเลือกตั้งผู้แทนครูเข้ามาอยู่ในกรรมการชุดต่างๆ ใน ศธ. รวมทั้งในคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นพวกหน้าเก่าวนเวียนกัน และพวกนี้ก็มีอำนาจคุมครู ยกขบวนครูมาข่มขู่รัฐมนตรี เมื่อไม่เห็นด้วยกับนโยบาย

ด้านนายยงยุทธ ยุทธวงศ์ ประธานคณะอนุกรรมการเฉพาะกิจปฏิรูปการศึกษาในทศวรรษที่สอง กล่าวว่า การปฏิรูปการศึกษาของไทยครั้งที่สามในช่วงปี 2542 จะมุ่งสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ในกระแสโลกาภิวัตน์ ควบคู่กับการยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน และล่าสุดการปฏิรูปการศึกษาไทยในทศวรรษที่สอง จะเน้น 4 เรื่อง คือ คุณภาพคนไทยยุคใหม่ ครูยุคใหม่ คุณภาพของสถานศึกษาและแหล่งเรียนรู้ใหม่ และระบบบริหารจัดการใหม่



อ้างอิงจาก http://www.kruthai.info
ที่มา - มติชนรายวัน วันที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2552 ปีที่ 32 ฉบับที่ 11487 หน้า 22