ตอนที่ 32
บ้านคือวิมานของเรา
ขณะที่ผมทำเรื่องขอย้ายเข้ากรุงเพทฯ นั้นภรรยาผมตั้งครรภ์ได้ประมาณ 4 เดือน สิ่งที่ภรรยาผมเป็นห่วงก็คือเรื่องลูกว่าหากคลอดแล้วกลัวว่าจะไม่มีใครช่วยดูแลผมเองไม่เป็นห่วงเท่าไหร่เพราะตอนนั้น แม่ผมอยู่อุตรดิตถ์ คงจะช่วยได้ หรือไม่ก็หาคนเลี้ยงมาช่วยดูแล แต่ภรรยาผมไม่คิดเช่นนั้นเธอยืนยันจะขอย้ายกลับเข้ากรุงเทพฯ เพื่อเมียและลูกเรื่องนี้จึงเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ผมต้องขอย้าย
ผมได้รับความอนุเคราะห์จากหัวหน้าอนุมัติให้ย้ายได้ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย. 2529 ส่วนภรรยาได้รับอนุมัติให้ย้ายได้ประมาณกลางเดือนมกราคม 2530 ซึ่งก่อนหน้าที่ผมและภรรยา จะได้รับอนุมัติให้ย้ายเข้ากรุงเทพฯ ผมและภรรยาปรึกษากันในเรื่องของบ้านที่จะอยู่ เพราะหากอยู่บ้านแม่ยายคงจะไม่สะดวก จึงปรึกษากับพี่สาวของแฟน และตระเวนหาซื้อบ้าน สุดท้ายได้ที่หมู่บ้านชัยวิวัฒน์ 4 ตรงกันข้าม รพ.โรคทรวงอก (แคราย) ราคาในสมัย 525,000 ดูสูงมากสำหรับเราสองคน ผมและภรรยารวบรวมเงินและทองที่มีอยู่ รวมแล้วได้แค่ แสนกว่า ๆ ที่เหลือกะว่าจะกู้สหกรณ์ออมทรัพย์ กฟผ. สิทธิ์ในการกู้ตอนนั้นกู้ได้ประมาณ300,000 บาท เงินก็ไม่พออยู่ดี ขาดไปแสนกว่า ๆ พี่สาวแฟนแนะนำให้พาพ่อตามาดูบ้านที่จะซื้อ เมื่อพ่อตามาดูก็บอกพ่อตาว่าเงินขาดอยู่ แสนสอง
ผมและภรรยาทำตามที่พี่สาวแฟนแนะนำ เมื่อพาพ่อตามาดูบ้านแล้ว พี่สาวเป็นคนพูดเองเลยว่าบ้านสวยไหม พ่อตาบอกสวย พี่สาวพูดต่อว่าอี(ภาษาจีนที่ใช้เรียกแทนชื่อแฟนผม) ยังขาดเงินอยู่อีกแสนสอง พ่อตาบอกว่าพี่สาวแฟนว่าอั๊วให้อี วันนั้นเราเลยวางมัด ไปสองหมื่นห้า เพราะทั้งหมดที่ไปทั้งพี่สาวแฟน ผมและภรรยามีเงินอยู่แค่นั้น เจ้าของบ้านก็แสนดี บอกไม่เป็นไรเท่าไหร่ก็ได้ แถมยังพาเราไปเลี้ยงข้าวกลางวันอีกต่างหาก
ตอนแรกผมกะว่าจะกู้สหกรณ์ฯ แต่แล้วพี่สาวแฟนมีข้อเสนอว่าเอาอย่างนี้ไหมไม่ต้องไปกู้สหกรณ์กู้จากพี่นี้แหละ พอดีพี่สาวแฟนเค้ามีเงินฝากประจำอยู่ในสหกรณ์ฯ เอาเงินฝากของเค้าไหมแล้วจ่ายดอกเบี้ยเท่ากับเงินฝากประจำ ถึงตรงนี้ผมรับปากทันทีเพราะดอกเบี้ยเงินกู้แพงกว่าเท่าตัวทำไมจะไม่เอา การผ่อนชำระพี่สาวทั้งต้นและดอกใช้เวลาประมาณ 7 ปี เราผ่อนชำระให้พี่สาวแฟนเรียบร้อยเร็วกว่ากำหนดที่คาดกราณ์ไว้ประมาณ 10 ปี
ไม่มีความเห็น