พินิจตน จึงยล...ธรรม (2-58)


การเดินจงกรมและการกำหนดอิริยาบถใหญ่และอิริยาบถย่อย ด้วยการเคลื่อนไหว พร้อมเปล่งเสียง (ทั้งที่ออกเสียงและกำหนดอยู่ในใจ) จะทำให้เรามีกาย วาจา ใจ เป็นปัจจุบัน ซึ่งถือเป็นกุศลสูงสุด

 

 

       ระหว่างวันที่ 15-22 สค.52 ที่ผ่านมาคนไม่มีรากมีโอกาสได้ไปปฏิบัติธรรมฝึกกรรมฐาน หลักสูตรพัฒนาจิตให้เกิดปัญญาและสันติสุข” ที่ อาคารเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา ยุวพุทธิกสมาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ เป็นหลักสูตรที่ คุณแม่สิริ กรินชัย เป็นผู้วางรากฐานการนั่งวิปัสสนากรรมฐานไว้ให้ตั้งแต่ปีพ.ศ.2528 

       ความตั้งใจที่จะไปเข้ากรรมฐานนี้ เกิดขึ้นจากแรงบันดาลใจและความคิดถึง “แม่”  ในช่วง “วันแม่” คนที่โชคดีได้ไปกราบแม่ แต่คนที่แม่ไม่อยู่แล้ว อดจะรู้สึกหดหู่ใจไม่ได้ และเมื่อไม่สามารถแก้ไขอะไรได้ จึงบอกตัวเองว่า...งั้นเราควรทำสิ่งดี ๆ “ให้แม่”  เมื่อปี 2546 แม่เคยไปเข้ากรรมฐานกับคุณแม่สิริ กรินชัย ที่ยุวพุทธิกสมาคม ฯ 3 วัน กลับมา แม่ดูมีความสุข ผ่องแผ้วเบิกบานในธรรมอย่างยิ่ง...พยายามชักชวนอยากให้ลูกสาวไปบ้าง แต่ครั้งนั้นจำได้ว่าปฏิเสธเพราะงานยุ่งและต้องไปต่างจังหวัดตลอดเวลา...

 

คิดแล้ว...ก็ให้รู้สึกอยากไปมากมาย แต่คงไม่ง่ายนัก เพราะได้ยินว่าต้องมีการจองคิวกันยาวเหยียดข้ามปี ... เราจะมีบุญพอไหม?  แล้วก็พบว่าตัวเองเป็นคนมีบุญและโชคดีจริง ๆ เพราะคิดและปรารถนาสิ่งใดแล้ว มักจะมี “กัลยาณมิตร” ช่วยเหลือนำทางให้เสมอ  หลังจากปรารภว่าอยากไปเข้ากรรมฐานที่ยุวพุทธ ฯ (เน้นด้วยว่าต้องที่ยุวพุทธ ฯ เท่านั้นนะ) ก็มีน้องที่เรียนด้วยกัน โทรมาบอกว่าจัดการให้ได้เข้าอบรมในช่วง 15-22 สค.52 นี้... ตื่นเต้นยินดีสุดใจ...(แม้จะรู้สึกละอายแก่ใจ เพราะเป็นการใช้โควต้าของวิทยากรก็ตาม)

  

 

 

การปฏิบัติธรรมเข้ากรรมฐานตามหลักสูตรนี้ ใช้เวลา 8 วัน 7 คืน โดยมีข้อตกลงเบื้องต้นต่าง ๆ อาทิเช่น ห้ามพูดคุยกันตลอดหลักสูตร ห้ามใช้โทรศัพท์มือถือ(ต้องนำไปฝากไว้กับเจ้าหน้าที่ตั้งแต่วันแรกที่ไปถึง) รับประทานอาหารมังสวิรัติ 3 มื้อที่จัดให้ สวมใส่ชุดขาว และควรที่จะสามารถอยู่ปฏิบัติได้ตลอดหลักสูตร

        ผู้มาปฏิบัติถูกเรียกว่า ลูกโยคี” ซึ่งมาจากคำว่า “โยคีมาวจร” มีความหมายว่า “ผู้เพียรเพ่งเผากิเลส” ด้วยการ “กำหนด ระลึกรู้

        การกำหนด/ระลึกรู้ หมายถึง การรับรู้ ตระหนัก ยอมรับอารมณ์ ความรู้สึก นึกคิด สิ่งที่เกิดขึ้นทั้งที่พอใจและไม่พอใจ แล้วก็ปล่อยวาง ไม่ยึดไว้ นับเป็นการตัดภพ ตัดชาติ ไม่นำไปปรุงแต่งที่จิตต่อให้เกิดทุกข์

 

        กิจกรรมหลัก สามประการ ในหลักสูตรนี้ คือ  

1) การเดินจงกรม ที่ออกเสียงประกอบการเคลื่อนไหว เช่น ยืนหนอ อยากเดินหนอ ยกส้นหนอ ยกหนอ ย่างหนอ เหยียบหนอ ลงหนอ ถูกหนอ ฯลฯ เพื่อให้ กาย วาจา ใจ เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันในปัจจุบันขณะ (ใช้เวลาแต่ละรอบประมาณ 40-50 นาที)

2) การนั่งสมาธิ โดยกำหนดที่ท้อง ด้วยคำบริกรรม “พองหนอ ยุบหนอ” (ใช้เวลาแต่ละรอบประมาณ 25-35 นาที)

3) การกำหนดอิริยาบถ ทั้งอิริยาบถใหญ่ (ยืน เดิน นั่ง นอน)และอิริยาบถย่อย (กะพริบตา กลืนน้ำลาย เคลื่อนไหว ฯลฯ) ซึ่งควรกำหนดตลอดเวลาที่ยังตื่นอยู่จนกว่าจะหลับ 

  

สรุปว่าเน้น การให้ความสำคัญกับการกำหนดรับรู้สิ่งต่างๆ ที่เข้ามากระทบกับทวารทั้ง 6 ของเรา (ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ) เมื่อรับรู้และตระหนักแล้ว จะเห็น “ไตรลักษณ์” ซึ่งเป็นลักษณะธรรมชาติของทุกสรรพสิ่ง นั่นคือ อนิจจัง (ไม่เที่ยง) ทุกขัง (ทนอยู่ไม่ได้) อนัตตา (ไม่มีตัวตน) และเมื่อเห็นไตรลักษณ์ (เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป) จิตจะยกระดับขึ้นเกิด “ปัญญา” ที่จะรู้ว่า ชีวิตที่ต้องเวียนวนอยู่ในสังสารวัฏนี้เป็นทุกข์ล้วน ๆ  ความสุขก็คือทุกข์น้อยที่เกิดขึ้นเพียงชั่วขณะเท่านั้น และหนทางเดียวที่จะพ้นทุกข์ก็คือ การพ้นจากสังสารวัฏ นั่นคือ “การนิพพาน” นั่นเอง

 

      ท่านวิทยากร อธิบายต่อว่า การเดินจงกรมและการกำหนดอิริยาบถใหญ่และอิริยาบถย่อย ด้วยการเคลื่อนไหว พร้อมเปล่งเสียง (ทั้งที่ออกเสียงและกำหนดอยู่ในใจ) จะทำให้เรามีกาย วาจา ใจ เป็นปัจจุบัน ซึ่งถือเป็นกุศลสูงสุด ส่วนการนั่งสมาธิจะเป็นการภาวนาที่ใช้สมถะภาวนาเป็นบาทฐานในการเจริญวิปัสสนาญาณ  

 

การฟังธรรม จะได้ฟังธรรมบรรยายจากวิปัสสนาจารย์ทั้งพระสงฆ์และฆราวาส อาทิ พระคุณเจ้าพระราชสิทธิมุนี (วิ)  คุณแม่สิริ กรินชัย  ท่านอ.พันเอก(พิเศษ) ทองคำ ศรีโยธิน  อ.วรากร ไรวา  อ.เรณู  ทัศณรงค์  อ.นิศา เชนะกุล  คุณฐิตินาถ ณ พัทลุง  อ.เวทย์ บรรณกรกุล  อ.ฉัตรชัย สุจริตกุล  พตอ.นรวัฒน์ เจริญญรัชต์ภาคย์  รศ.ดร.นวลศิริ เปาโลหิตย์ ซึ่งบางท่านจะได้ชมดีวีดีที่ได้อัดไว้ และบางท่านได้ฟังประสบการณ์ธรรมจากท่านโดยตรง 

 

คนไม่มีรากรู้สึกตื่นเต้น ตามประสาของคนที่ได้ไปปฏิบัติธรรมกับคนหมู่มากเป็นครั้งแรก เพราะปกติจะนั่งสมาธิที่บ้าน โดยมีตำราของครูบาอาจารย์หลาย ๆ ท่านเป็นเครื่องนำทาง  เช่น ของท่านพระธรรมสุทธิกวี (พิจิตร ฐิตาวณโณ) เจ้าอาวาสวัดโสมนัสวรวิหาร ท่านดร.สนอง วรอุไร เป็นต้น ใช้วิธีการภาวนา “พุทโธ” ซึ่งเป็นแบบสมถะกรรมฐาน เน้นให้เกิดสมาธิ ความสงบนิ่ง สุขใจ แต่ยังไม่สิ้นและพ้นจากอาสวะกิเลส อุปมาคล้ายการนำ หิน(สมาธิ)ไปทับหญ้า(กิเลส ความทุกข์) เมื่อยกหินออก หญ้าก็จะกลับงอกงามเช่นเดิม

 

การฟังธรรมตลอด 7 วัน ทำให้เห็นชัดว่า การศึกษาหาความรู้ด้วยการอ่าน การฟัง ต่างจาก “การปฏิบัติ” อย่างมาก  คุณแม่สิริ กรินชัย ได้กล่าวไว้ว่า ให้เราเรียนรู้ โลกภายในตัวเรา” แทนที่จะส่งจิตออกนอกไปเรียนรู้ ศึกษาแต่เรื่องนอกตัว

 

        เนื่องจากไม่ให้มีการพูดคุยกันระหว่างลูกโยคี คุยได้กับวิทยากรผู้คอยดูแลและสอบอารมณ์เท่านั้น  การต้องนั่งเงียบ ๆ โดยไม่พูดไม่จากันนี้  แรก ๆฟังแล้วก็ยิ้ม ...ไม่พูดทั้งวันน่ะ...ชอบเลยล่ะเรา (ยังดีที่ไม่ห้ามยิ้มหรือหัวเราะ...แย่เลย) เพียงผ่านไปครึ่งวัน ต้องแปลกใจมาก...เห็นบางสิ่งชัดเจนขึ้นจนน่าตกใจ....

        เพิ่งรู้ว่า อ้าวเรานี่... ขี้บ่น ช่างติ ช่างว่า ขี้หงุดหงิดนะนี่  เอ...ทำไมคนนี้ไม่นั่งเสียที อาจารย์ก็เริ่มบรรยายแล้ว อ้าวคนนี้ทำไมนั่งหลับ อ้าวอาจารย์พูดซ้ำ ๆ อีกแล้ว เอ๊ะ คนนี้ทำไมทำแบบนี้ล่ะ คนนี้ถามทุกครั้งที่อาจารย์ให้ยกมือ คนนี้ ... คนนั้น...

 

        .... ส่งจิตออกไปนอกตัวตลอด ไม่เคยมองหรือพิจารณาตัวเองเลย...

 

        คิดแล้ว...ยิ้มเลย...อ้อ...เข้าใจแล้วล่ะว่า เพราะอะไรอาจารย์จึง  “ห้ามพูด” ให้อยู่กับ “ตัวเอง”  

 

 

     

ตอนสอบและส่งอารมณ์กับวิทยากร หลายคนเกิด ปิติ” จากการนั่งสมาธิ มีประสบการณ์ต่าง ๆ กัน ทั้งขนลุก น้ำตาไหล ตัวโยก กระตุก เห็นแสงสว่าง เห็นนิมิต บางคนเห็นภาพต่าง ๆ ทั้งคน สัตว์ ที่ตนเองได้เคยมีกรรมสัมพันธ์มาก่อน

เอาล่ะสิ…จะบอกอาจารย์ได้ไงล่ะว่าเรา ไม่เห็นอะไรเลย นั่งแล้วสบาย ๆ เย็น ๆ บางครั้งก็เมื่อย ๆ ปวด ๆ บางทีก็ง่วงนอน ไม่เห็น ไม่พบปิติอะไรเหมือนคนอื่น ๆ เลย ใจเริ่มไม่ค่อยดี อัตตามานะมันกลัวเสียหน้า อาจารย์จะมองว่าเรานี่...ไม่เพียรปฏิบัติ ไม่ตั้งใจ ไม่ทุ่มเทหรือเปล่า ครั้นจะไม่พูดตามจริง ก็ได้สมาทานศีลห้าไว้แล้ว ไม่อยากผิดศีล

 

 คิดแล้ว ก็บอกกับตัวเองว่า ยอมรับไปเถอะ..ก็เราไม่ก้าวหน้าในการนั่งกรรมฐานเหมือนคนอื่น ๆ นี่นา ... แต่มีอยู่สิ่งหนึ่งที่ได้แน่ ๆ คือ ได้เห็นได้รู้ชัดแจ้งขึ้นมาว่าเรายังมีข้อบกพร่องอะไรบ้าง เพราะไม่เคยตระหนักมาก่อนเลยว่า ตัวเองเป็นคนที่ขี้หงุดหงิด ช่างติเตียนคนอื่นขนาดนี้ ... ตามปกติหากไม่ชอบไม่พอใจ จะไม่ค่อยพูดออกมา แต่เก็บไว้คิด ไตร่ตรอง หาเหตุผล ทำไมคนนี้พูด ทำแบบนี้ เขาคงมีเหตุผลอย่างนี้อย่างนั้น เขาคงมีปัญหา มีใครทำให้เขาต้องเป็นแบบนี้ หาเหตุผลไปต่าง ๆ นานา แต่...

        การคิดเช่นนี้ ความจริงแล้ว เป็นการหาเหตุผลเพื่อให้ตัวเอง รู้สึกดีขึ้น (กับคนอื่น) และรู้สึกว่าตัวเองเป็น “คนดี” ที่เข้าใจและยอมรับคนอื่น ...ซึ่งความจริงแล้ว ... ไม่ใช่เลย ...

 

        ตระหนักได้ตรงนี้แล้วนั่งอมยิ้มละมุนละไมอย่างมีความสุข วิชาของพระพุทธเจ้า” นี้ ช่างวิเศษ มหัศจรรย์เช่นนี้เองหนอ... เพราะทำให้เรา รู้จักตัวตน เห็นกิเลส เห็นตัวเองได้อย่างกระจ่างใจ

 

        อาจารย์ยังปลอบใจว่า สิ่งที่คนไม่มีรากได้เห็นได้รู้นี้ ถือเป็นสิ่งที่อยากให้ลูกโยคีได้อย่างแท้จริง การได้ปิติต่าง ๆ การเห็นภาพนิมิตร แสง สี เสียง ขนลุก น้ำตาไหล ตัวสั่น ตัวโยก ตัวคลอนอะไรเหล่านั้นเป็นเพียงเครื่องบอกความก้าวหน้าของการนั่งสมาธิ แต่จุดประสงค์หลักของการปฏิบัติกรรมฐานนั้น เพื่อให้เราเห็น ได้รู้ เพื่อที่เราจะได้ยกระดับของ “ปัญญา” และเปลี่ยนพฤติกรรมของเราให้รู้ดี รู้ชั่ว รู้ผิด รู้ถูก ต่างหาก...

 

ขอกราบนอบน้อมต่อพระรัตนตรัยและครูบาอาจารย์ผู้มีพระคุณ การปฏิบัติธรรม เข้ากรรมฐานครั้งนี้ คนไม่มีรากได้ มากกว่าที่คาดคิด เอาไว้ และขอน้อมนำ “ปัญญา” ที่ได้เพิ่มขึ้นนี้ไปปฏิบัติต่อไป

 

ขอให้กัลยาณมิตรทุกท่านได้อนุโมทนากุศลที่เกิดขึ้นด้วยกันนะคะ ... ขอให้เบิกบานในธรรม ค่ะ

                                                (^____^)

 

ขอบคุณอย่างสุดใจกับ น้องนันทภา ปัญญารัตน์ กัลยาณมิตรที่ทำให้คนไม่มีรากได้มีโอกาสเข้าปฏิบัติธรรมในครั้งนี้ค่ะ.

 

หมายเลขบันทึก: 290317เขียนเมื่อ 23 สิงหาคม 2009 14:57 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 21:21 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (69)
  • อนุโมทนาบุญด้วยค่ะ
  • มีเพื่อนเล่าให้ฟังว่าการไปปฏิบัติธรรมที่นี่เคร่งครัดมาก
  • อ่านแล้วก็อยากไปบ้างค่ะ
  • ขอบคุณที่เล่าประสบการณ์ดี ๆ ให้ทราบค่ะ

สวัสดีค่ะอ.ธรรมทิพย์

การปฏิบัติธรรมที่ยุวพูทธ ฯ นี้กล่าวกันว่าค่อนข้างเคร่งครัด แต่เนื่องจากเป็นการไปปฏิบัตินอกบ้านเป็นครั้งที่2 (เคยปฏิบัติตามโครงการตามรอยเบื้องพระยุคลบาทของข้าราชการ ที่วัดโสมนัสวรวิหาร) จึงไม่ทราบว่าที่อื่นเป็นอย่างไรบ้างค่ะ

แต่กฏระเบียบที่เคร่งครัด ก็เพื่อให้เกิด สับปายะในการปฏิบัติธรรมนั่นเองค่ะ

ขอบคุณค่ะ

(^___^)

สวัสดีค่ะคุณอ้อยเล็ก

ขอบคุณมากค่ะที่มาเยือนและอนุโมทนา

(^___^)

  • แวะมารับน้องใหม่ร่วมหลักสูตรค่ะ
  • เดี๋ยวตุลาคม ครูปูก็จะไปปฏิบัติอีกค่ะ
  • อนุโมทนา สาธุ
  • ขอให้มีดวงตาเห็นธรรมอยู่เป็นนิจนะคะ
  • ขอแอบกระซิบหน่อยได้ไม๊คะ
  • คิดถึงที่ซู๊ดดดดดดดดดดดด เลยค่ะ
  • (^_______^)

สวัสดีครับ คนไม่มีราก

การฝึกจิต การภาวนา ..สมาธิ ปัญญา..เกิดแก่ผู้ปฏิบัติ

ขอบคุณมากครับ

สวัสดีค่ะคุณครูปู~natadee t'ซู๊ด

คิดถึงใคร...คนนั้นก็มา...ดีจังเลย  ...^_^...

ดีใจที่ได้ไปเป็น รุ่นน้อง ค่ะ

การไปปฏิบัติครั้งนี้ เหมือนถูกรางวัลที่หนึ่ง...เพราะไปปฏิบัติเนื่องจากต้องการปฏิบัติให้กับ แม่ที่ล่วงลับ แต่ผลที่ได้อย่างไม่คาดฝันคือ...การได้เห็นธรรมชาติของชีวิตว่า....

กฏธรรมชาติ ก็คือ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ....

คิดถึงนะคะ

(^___^)

สวัสดีค่ะคุณ เกษตรยะลา

ภาพงดงามมาก

ขอบคุณมากค่ะที่มาเยี่ยมเยือน

(^___^) 

ไม่เคยเข้าร่วมกิจกรรมแบบนี้เลยคะ ได้มาอ่าน เพิ่มประสบการณ์ขึ้นคะ

คนเราถ้าได้นั่งเงียบๆ ก็จะทำให้สมองว่าง พอให้เราได้ระลึกว่า เราทำอะไรมาบ้างแล้ว เป็นประโยชน์แก่ตน แก่ครอบครัว แก่สังคมหรือเปล่า

ได้คิดและคิดได้ และจะได้แก้ไขตนเองให้ดีขึ้น ขออนุโมทนาด้วยคะ

คิดถึงคุณคนไม่มีรากคะ แล้วจะแวะมาเยี่ยมอีกนะคะ

สวัสดีค่ะ

อนุโมทนาด้วยค่ะที่ได้ไปปฏิบัติ

การไม่เห็นอะไรเลย ไม่ใช่ไม่ดีค่ะ เป็นเพราะจิตไม่ยึดมั่นกับอะไร ภาพในนิมิต มักเป็นภาพที่เราปรารถนาจะเห็น

เห็นแล้วปล่อยไป ก็ไม่เป็นไร เห็นแล้วหลง ยึดว่าอยากเห็นอีก จะกลายเป็นวิปัสสนูปกิเลสค่ะ

         อ่านแล้วพลอยปลื้มปิติ  ขออนุโมทนาบุญด้วยครับ

 

 

 

  • ภาพงดงามสดชื่น
  • ทุกถ้อยคำเป็นเครื่องพาไปแม้จะไม่ได้ไปปฏิบัติ
  • แต่ก้เข้าพระธรรมได้
  • ขอบคุณและขอชื่นชมคุณP  คนไม่มีราก
  • ยินดีกับรางวัลด้วยนะคะ

สวัสดีค่ะพี่สุ-มหาวิทยาลัยชีวิต ที่ไม่มีวันปิดทำการ

ความจริงคนไม่มีรากได้เขียนไว้อีกบันทึกหนึ่งซึ่งเล่าทุกขั้นตอนที่ไปปฏิบัติธรรมในครั้งนี้ แต่จะยาวเยิ่นเย้อ และพิจารณาแล้วไม่มีประโยชน์พอที่เสียเวลาเช่นนั้น เพราะเป็นประสบการณ์ของตัวเอง จึงเขียนบันทึกย่อถึงความคิด ประสบการณ์ที่ได้มากกว่า ...ซึ่งก็ยังคงยาวมากค่ะ

คนไม่มีรากก็เชื่อค่ะว่าความจริงการเข้ากรรมฐาน การปฏิบัติธรรมสามารถทำได้ทุกขณะจิต...ดังที่ครูบาอาจารย์ท่านสอน  แต่การได้ไปในสถานที่ซึ่งสัปปายะ มีเหตุส่งเสริมให้เราเข้าถึงการปฏิบัติได้ง่ายขึ้นอย่างมากค่ะ

กลับจากการปฏิบัติมาที่บ้านคนไม่มีรากก็ทำเช่นที่อยู่ยุวพุทธ ฯ ไม่ได้ แต่ ได้เพิ่มการกำหนดรู้อิริยบถต่าง ๆ ซึ่งเป็นข้อที่ท่านวิทยากรท่านสอนไว้ค่ะ

ขอบคุณมากค่ะที่กรุณาสนใจแวะเวียนมาอ่าน

(^___^ )

สวัสดีค่ะคุณณัฐรดา

ขอบคุณที่มาแลกเปลี่ยนเรียนรู้และให้ข้อคิดไว้อย่างมีประโยชน์ค่ะ

น้อมรับประสบการณ์การปฏิบัติธรรมของ "รุ่นพี่" ทางธรรม เนื่องจากครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่คนไม่มีรากได้มีประสบการณ์ตรงจากการไปปฏิบัติกับครูบาอาจารย์และคนหมู่มากค่ะ

ขอให้มีสติและเจริญในธรรมยิ่งขึ้น ๆ ไปนะคะ

ขอบคุณค่ะ

(^__^)

  • แวะมาอนุโมทนาบุญ และเยี่ยมชมครับ

สวัสดีค่ะท่าน small man

ขอบคุณที่กรุณามาอนุโมทนาค่ะ

(^___^)

สวัสดีค่ะคุณ pikul

ขอบคุณนะคะที่กรุณามาอ่านประสบการณ์ธรรมของผู้เริ่มปฏิบัติแล้วยังมีจิตเป็นกุศลในการอนุโมทนาบุญอีกด้วย

ขอให้มีความสุขและได้มีโอกาสเข้าถึงธรรมนะคะ

ดอกไม้งดงามมากค่ะ

(^___^) 

สวัสดีค่ะคุณMetharung

ขอบคุณค่ะที่กรุณามาอ่านและร่วมอนุโมทนาบุญ

ขอให้เจริญยิ่งขึ้นในธรรมค่ะ

(^___^)

ทุกขัง ว่าแล้วเชียวทำไมออกไม่ได้ โดยขังไว้นี่เอง

ลำบากจริง ๆ เลยค่ะพี่คนไม่มีราก ทุกขัง อิอิ คิดถึงเด้อเอื้อย

น้องสุดสายป่านจ้ะ

ช่างคิดจริง ๆ เลย ชื่นชม ๆ ๆ

55555 6666 เชื่อเลย

ทุกขัง ใจเราไว้นี่เองหนอ....

จริงด้วยจ้ะ

งั้นเรามาแหกออกจากคุกทางใจกันดีมะ...

(^___^)

แหกคุกได้ด้วยเหรอค่ะพี่คนไม่มีราก

อิอิ

ได้สิ ....อยากรู้วิธีไหมจ้ะ

ต้องออกจากระบบก่อนจ้ะ แล้วค่อยคุยกันจ้ะ

(^___^)

ใจที่เป็สุข คือใจที่สงบแล้วด้วยธรรมะ

                                คุณย่าขออนุโมทนาบุญด้วยน่ะจ๊ะ 

สวัสดีครับ คุณคนไม่มีราก

        บางท่านบอกว่า แค่คิดว่าจะทำบุญ จิตก็เป็นกุศลแล้ว ใช่ไหมครับ ^__^

        ผมนี่เคยมีประสบการณ์แปลกๆ คือ ตอนกลับจากต่างประเทศมาใหม่ๆ ไปเข้าวัดพระแก้ว นั่งสวดมนตร์ได้พักเดียว น้ำตาไหลพรากๆ...ความรู้สึกตอนนั้นเหมือนกับว่า เออ...หนอ...เราละเลยเรื่องนี้มานานจริง (แต่จากนั้นก็ไม่ได้ทำอะไรต่อ....เพราะนั่งนานๆ เป็นเหน็บครับ...ฮา)

---- เปลี่ยนอารมณ์ -----

        พาพี่อึ่งอ๊อบมาเยี่ยมแบบ virtual visit ครับ ได้มีโอกาสเจอกันเมื่อสัปดาห์ก่อน ประทับใจเหลือแสน...

 

 พี่อึ่งอ๊อบ (เสื้อฟ้าเขียว) พับโมเดลแรก...นกเพนกวิน!

 

ส่วนนี่อีกตัวครับ....ยูงรำแพน

 

เย็นวันนั้น ได้สุนทรียสนทนากันเกือบ 3 ชั่วโมงอีกต่างหาก...แถมพี่อึ่งอ๊อบเลี้ยงข้าวทั้งกลางวันและเย็นด้วย...อิอิ

สวัสดีครับนกแห่งอรุณรุ่ง

บินไปไกลเชียวครับ ...

การได้มีโอกาสไปปฏิบัติธรรม ยิ่งเป็นการปฏิบัติบูชาแล้ว ....

ยิ่งมีอานิสงค์ 

เพิ่งจะเห็นชัดว่าโหลรักและผูกพันกับคุณแม่มากแค่ไหน ... ทั้ง ๆ ที่ไม่ค่อยได้กล่าวถึงท่านสักเท่าไร แต่วันนี้รู้แล้วว่าโหลรักและคิดถึงแม่ทุกลมหายใจ...

อนุโมทนาด้วยครับ

อรุณสวัสดิ์ค่ะ

เริ่มต้นวันใหม่อย่างสดใสนะคะ

เขียนบันทึกเรื่องการวัดผลการปฏิบัติธรรมอย่างละเอียดแล้วค่ะ พร้อมภาพวาดหวายขาวสำหรับการพักสายตา

อยากเชิญไปชมค่ะ

สวัสดีค่ะคุณย่า

ดีใจจังค่ะที่เห็นคุณย่ามาเยือน...

ขอบคุณมากค่ะ

(^___^)

สวัสดีค่ะอ. บัญชา ธนบุญสมบัติ

มาพร้อมภาพของพี่อึ๋งอ๊อบพี่สาวคนดี....

คนไม่มีรากยัง ปิติ จากการไปปฏิบัติธรรม ครั้งแรกค่ะ เลยออกอาการเห่อ จะว่าไปประสบการณ์ที่เล่านี้หลายท่านต่างเคยประสบมาแล้วด้วยตัวเองค่ะ

ทน ๆ ฟังคนบ้าเห่อหน่อยนะคะ

ขอบคุณมากค่ะ

(^__^)

สวัสดีค่ะ คุณพี่คนไม่มีราก

อนุโมทนากับการบำเพ็ญธรรมะครั้งนี้ด้วยนะคะ

พอลล่าไม่มีโอกาสเลยค่ะ

พยายามอยู่กับตัวเอง วันละ 5 นาทีและรับรู้ลมหายใจเข้าออก ทำได้บ้างค่ะ ขอบคุณเรื่องราวดีๆ นะคะ

สวัสดีค่ะพี่คนตัดไม้

ดีใจที่พี่กลับมาจากประชุมแล้ว...

ที่ผ่านมาโหลจะไม่อยากเอ่ยหรือเล่าถึงคุณแม่ เพราะยังอาลัยรักและจิตตกทุกครั้งที่เอ่ยถึงท่าน ....

หลังปฏิบัติธรรมครั้งนี้ ได้ตระหนักและน้อมนำ ไตรลักษณ์ เข้าสู่ใจ จึงทำให้อยากเล่าถึงท่านค่ะ

ขอบคุณนะคะ

(^___^)

สวัสดีอีกครั้งค่ะ

อนุโมทนาด้วยค่ะที่เกิดปิติยามนึกถึงคุณความดีที่ได้ทำลงไป

เพราะปิติ นำไปสู่สมาธิอย่างที่ได้บันทึกไว้ไงคะ

และขอบพระคุณค่ะ สำหรับความเห็นที่ได้ไปให้กำลังใจไว้ค่ะ

สวัสดีค่ะคุณณัฐรดา

ตามไปอ่านแล้ว ด้วยความขอบคุณอย่างยิ่งค่ะ

และขอบคุณเป็นพิเศษกับภาพงดงามที่นำมาฝากค่ะ

ตั้งใจจะปฏิบัติต่อไปให้ยิ่ง ๆ ขึ้นค่ะ

(^___^)

สวัสดีค่ะคุณ ♥paula ♥ที่ปรึกษาตัวน้อย✿

พี่เองก็โชคดีมากค่ะ คิดไว้และมีกัลยาณมิตรช่วยให้ได้ปฏิบัติธรรม

การได้อยู่กับตัวเอง ก็คือการสร้างสมาธิ กำหนดจิต ถือเป็นมงคลอย่างยิ่งแล้วค่ะ

ขอให้มีโอกาสดี ๆ เช่นพี่นะคะ

ขอบคุณค่ะ

(^___^)

สวัสดีค่ะ

 วันนี้มีเรื่องของ นิมิต มาฝากค่ะ

ขอให้เจริญในธรรมนะคะ

อรุณสวัสดิ์ค่ะคุณ ณัฐรดา

ดีจังเลยค่ะ มีธรรมะมาฝากแต่เช้า

ตามไปอ่านบัดนี้เลยค่ะ

ขอบคุณค่ะ

(^__^)

สวัสดีค่ะ

มาร่วมอนุโมนทนาบุญ กับคนไม่มีรากค่ะ  การปฏิบัติธรรมวิปัสนากรรมฐาน เป็นการฝึกจิต ทำให้เกิดสติและปัญญา ปฏิบัติแล้วเกิดกุศลกับตัวเอง ก็คือ ความสุขใจ

ครูใจดีก็เคยไปปฏิบัติธรรมเช่นเดียวกัน เป็นการไปครั้งแรกรู้สึกประทับใจมาก อยากแบ่งปันให้หลายคนร่วมรับรู้ จึงทำให้เริ่มเข้ามาเขียน blog อีกครั้ง หลังจากที่อบรม km แล้ว ไม่ได้เข้ามาเขียนบันทึกอีกเลย......

ว่างๆ เชิญไปอ่านบันทึก ที่ http://gotoknow.org/blog/pink-diary/262090

อนุโมทนาด้วยค่ะ

ดิฉันเอง นั่งสมาธิทีไร เกิดปิติ เพราะหลับ โงกไปเงกมาเสมอเลย

คนกตัญญูเช่นคนไม่มีรากนี่ นำพาไปให้ได้พบ "ของดี ของจริง" ค่ะ

เพราะความกตัญญูเป็นเครื่องหมายของคนดี

สาธุ สาธุ สาธุค่ะ

สวัสดีค่ะ คุณคนไม่มีราก

มาอนุโมทนาบุญค่ะ..

มาช้าตามประสาคนทำอะไรไม่ค่อยทัน.. อิ..อิ..

มาร่วมยินดีกับประสบการณ์ที่เพื่อนได้รับค่ะ..

เวลาใบไม้ฯ ไปเข้าคอร์สปฏิบัติธรรม ทุกครั้งจะบอกตัวเองว่า ปฏิบัิติให้แม่ด้วย เวลาแผ่เมตตาจะระลึกถึงท่านเป็นคนแรกเสมอ นี่อาจเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่เราเหมือนกัน..ู^__^..

ความต่อเนื่องในการปฏิบัติเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้มีพัฒนาการในการรู้เท่าทันตนเองมากขึ้น เชื่อว่าคุณคนไม่มีรากทำได้ต่อเนื่องอยู่แล้ว

ส่วนใบไม้ฯ ยังทำได้ไม่ดีนัก ตามประสาคนสอบตกวินัย ตอนนี้เลยพยายามจัดการกับจุดอ่อนของตัวเองเรื่องวินัยนี่แหละค่ะ แต่ยังไม่ค่อยได้เรื่องเลย

ยิ่งปฏิบัติก้าวหน้าเท่าใด ยามถูกกระทบเราก็จะกระเทือนน้อยลงเท่านั้น.. เราจะตามทันอารมณ์ตัวเองมากขึ้น และไม่ดิ่งลงไปในอารมณ์นั้น ปรุงแต่งต่อไปเสียใหญ่โต

ขอให้ต้นไม้แห่งปัญญาเติบโตและงอกงามนะคะ ..^__^.. 

สวัสดีค่ะ นับว่าเป็นบุญวาสนานะคะที่เกิดมาพบพุทธศาสนา

และเป็นบุญยิ่งขึ่นที่ได้ปฏิบัติธรรม...ขออนุโมทนา สาธุ...สาธุ...สาธุ...

ขอบคุณนะคะที่ไปเยี่ยมให้กำลังใจดีๆค่ะ....

 

สวัสดีค่ะคุณ ครูใจดี

ขอบคุณมากค่ะที่มาร่วมอนุโมทนาบุญกับการเข้ากรรมฐานครั้งนี้

คนเพิ่งเจอของดี ก็ย่อมจะเห่อค่ะ

จะตามไปอ่านนะคะ

ขอบคุณอีกครั้งค่ะ

(^___^)

สวัสดีค่ะคุณยุวดี

คนไม่มีรากคิดว่าตัวเองยังไกลจากคำว่า "กตัญญู กตเวที" มากเลยค่ะ  แต่คงด้วยมีบุญหนุนนำอยู่บ้าง จึงคิดอยากไปปฏิบัติธรรมเพื่อทดแทนคุณของแม่ซึ่งเคยปรารภอยากให้ไป แต่ไม่มีโอกาสไป...

และสิ่งนี้เป็นอานิสงค์ให้ได้พบกับ ธรรมอันวิเศษ ของพระพุทธองค์ จริง ๆ ค่ะ

ขอบคุณมากค่ะที่มาเยือน คุณยุวดีคงสบายดีนะคะ

ระลึกถึงค่ะ

(^___^)

มาชม

การประพฤติธรรมนำตนสู่วิถีชีวิตที่ดีกว่านะครับ

มาขอบคุณครับพี่หญิง  ขอบคุณที่เข้าไปทักทายผมครับ

 

คุณใบไม้ย้อนแสงที่รัก

ความรัก ปรารถนาดีของแม่นี้ เชื่อไหมว่า แม้ท่านไม่อยู่แล้ว ท่านก็ยังแผ่ความรักนั้นมาให้เราจนเราได้ประสบกับสิ่งดี ๆ ในชีวิต...

"ความรักของแม่" ยิ่งใหญ่จริง ๆ

และจริงที่สุดค่ะ...ยิ่งปฏิบัติก้าวหน้าเท่าใด ยามถูกกระทบเราก็จะกระเทือนน้อยลงเท่านั้น.. เราจะตามทันอารมณ์ตัวเองมากขึ้น และไม่ดิ่งลงไปในอารมณ์นั้น ปรุงแต่งต่อไปเสียใหญ่โต

ขอบคุณที่มาอนุโมทนาบุญด้วยกันค่ะ

มีความสุขมาก ๆ นะคะ

(^___^)

สวัสดีค่ะพี่แดง

อนุโมทนาด้วยค่ะ

และเราโชคดีจริง ๆ ที่เราได้เกิดมาในประเทศที่มีพระพุทธศาสนาเช่นประเทศไทย

ขอบคุณค่ะ

(^___^)

สวัสดีตอนสายค่ะ

วันนี้คงเดินจงกลมแล้วมังคะ

มีความสงบสุขในวันหยุดนะคะ

อนุโมทนากับการปฏิบัติค่ะ

พระพุทธองค์เรียกคนที่ไม่ฝึกการปฏิบัติทางจิตว่า "คนเกียจคร้าน"

ต่างจากการเรียกของทางโลกเลยนะคะ

ดีใจกับคนขยันด้วยค่ะ

อนุโมทนาบุญครับ

สามปีมาแล้วไม่มีโอกาสปฏิบัติธรรมยาว ๆ เลย

ก่อนสิ้นปีนี้ตั้งใจจะไปให้ได้

สวัสดีครับ มาด้วยความคิดถึงครับ

สวัสดีค่ะ คนไม่มีราก

มาเยี่ยมกัลยาณมิตรที่แสนจะอบอุ่น(ที่แสนดี)

มาให้กำลังใจ ระลึกนึกถึงค่ะ

สวัสดียามสายค่ะ

มีความสงบในวันหยุดนะคะ

ขอบคุณอ. umi ค่ะ

ใช่แล้วค่ะ ธรรมจะรักษาผู้ประพฤติธรรมค่ะ

(^___^)

สวัสดีค่ะคุณ นายก้ามกุ้ง

ยินดีค่ะและขอบคุณเช่นกันที่มาเยี่ยมทักทายกันบ่อยๆ ค่ะ

(^__^)

สวัสดีค่ะคุณณัฐรดา

ทุกเช้าคนไม่มีรากจะสวดมนต์ เดินจงกรม และนั่งสมาธิค่ะ ทำตามเวลาที่มี มากน้อยแล้วแต่โอกาสค่ะ

ขอบคุณค่ะ

ขอให้เจริญสติและเจริญในธรรมนะคะ

(^___^)

ขออนุโมทนาบุญอันเกิดจากการปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบด้วยค่ะ

หากมีโอกาสพี่เองอยากเข้าไปรับความรู้ตรงนี้บ้าง

ขอบคุณค่ะ

มาชม

ธรรมจักพิทักษ์จริงเฉพาะผู้ประพฤติธรรมนะครับ

สวัสดีค่ะอ. umi

เห็นด้วยค่ะ....

ธรรมจักพิทักษ์จริงเฉพาะผู้ประพฤติธรรม...

ขอบคุณค่ะ

(^___^)

สวัสดีค่ะคุณอ้อยเล็ก

ขอบคุณสำหรับน้ำส้มค่ะ

(^___^)

  • ปิติและอนุโมทนาบุญด้วยจากหัวใจบริสุทธิ์ค่ะ
  • ร่วมกันสร้างความดีเป็นการสร้างพระให้แด่ผู้เรารักเป็นการใช้ชีวิตที่เหลืออยู่อย่างประมาณค่ามิได้เลยนะคะ
  • ตอนที่ศิลาเคยไปมา (ที่เดียวกันนี้) ก็มีความรู้สึกว่าเกิดการเปลี่ยนแปลงภายในครั้งใหญ่ และจดจำความรู้สึกครั้งนั้นไว้ เป็นอนุสรณ์ความเพียรค่ะ
  • ขอบพระคุณสำหรับบันทึกดี ๆ นะคะ เป็นข้อคิดแก่ผู้ที่กำลังปฏิบัติทุก ๆ ท่านค่ะ

สวัสดีค่ะคุณSila Phu-Chaya

ขอบคุณที่มาร่วมอนุโมทนาบุญค่ะ

สิ่งหนึ่งที่คิดว่าคนไม่มีรากคล้ายคุณศิลาก็คือ การตั้งใจปฏิบัติธรรมเพื่อทดแทนพระคุณของผู้มีพระคุณต่อชีวิต..."แม่"

คนไม่มีรากคิดเสมอว่าตัวเองเป็นลูกผู้หญิง ไม่สามารถบวชทดแทนคุณได้ ทั้งยังไม่สามารถเป็นผู้สืบทอดต่อสกุล...ทำได้เพียงการปฏิบัติธรรมเพื่อเป็นกุศลต่อท่านค่ะ

ขอบคุณมาก ๆ ค่ะ

(^___^)

ขอร่วมอนุโมทนา กับคุณนันทนา ปัญญารัตน์ ด้วยค่ะ ดิฉันก็พึ่งจะกลับมาจากการปฏิบัติหลักสูตรของคุณแม่สิริ กรินชัย เช่นกัน แต่เป็นอีก 1ปีหลังจากคุณนันทนา คือ 15-22 สิงหาคม 2553 ดิฉันรู้สึกประทับใจกับการสอนของที่ยุวพุทธมากๆเลยค่ะ หากท่านใดมีโอกาส ควรจะได้ไปปฎิบัติสักครั้งหนึ่งในชีวิตนะค่ะ เป็นความประทับใจไม่รู้ลืมจริงๆ เพราะเนื้อหาหลักสูตร เรียกได้ว่า เห็นแล้วซึ้งมากๆค่ะ ขอขอบพระคุณพระพุทธเจ้า พระธรรมเจ้า พระสงฆเจ้า คุณพ่อ คุณแม่ ครูบาอาจารย์ประสิทธิ์ประสาทพรทุกท่าน ผู้มีพระคุณทุกๆท่าน ที่ให้เราได้มีโอกาสเกิดมาเป็นชาวพุทธ และได้เห็นสัจธรรมในชีวิต ทุกอย่างล้วนแต่ ทุกขัง อนิจจัง อนัตตา (เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป ) ดังนั้นทุกอย่างไม่ควรที่จะไปทุกข์กับสิ่งต่างๆ โลกนี้ล้วนแต่เป็นมายา ควรมีสติกำหนดรู้ทุกช่วงขณะที่ได้ปฏิบัติสิ่งต่างๆ อยู่กับปัจจุบัน ไม่ควรเฝ้าคนึงถึงอดีตที่ผ่านไปแล้ว ไม่ควรจมปลักกับความเศร้าหมอง ได้โปรดผ่านแล้วผ่านเลย และไม่ควรหวัง หรือเพ้อฝันกับอนาคตที่ยังมาไม่ถึง ควรที่จะมีสติกับการปฏิบัติสิ่งต่างๆด้วยการกระทำแต่สิ่งที่ดีๆเท่านั้น เพราะกฎแห่งกรรมมีจริง ทำสิ่งใดไว้ก็ได้อย่างนั้น ควรสะสมอริยทรัพย์ที่จะติดตัวข้ามพบข้ามชาติไปกับเรา ตราบเข้าสู่นิพพานเทอญ นั้นก็คือกรรมดี การได้ปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน (การปฏิบัติเพื่อรู้แจ้งในไตรลักษณ์ หลุดพ้นจากวัฎสงสาร) ตั้งอยู่ในศีลธรรม (หากต้องการให้ชีวิตราบรื่น ไม่ตกทุกข์ได้ยากหรือ ชีวิตขึ้นๆลงๆ ก็ต้องรักษาศีลให้บริสุทธิ์นะค่ะ) และก็สิ่งสำคัญคือ ทำบุญทำทานให้ได้มากๆเท่าที่มีโอกาส จะได้มีกินมีใช้ตลอด สุดท้ายขอเพิ่มเติมอีก 1 ข้อ นั้นก็คือ ความกตัญญูต่อผู้มีพระคุณ ควรจะเอาใจใส่ดูแลห่วงใยคนที่ให้กำเนิดคุณนะค่ะ คุณพ่อ คุณแม่ เป็นผู้ประเสริฐที่สุด และเป็นพระอรหันต์ในบ้าน ดังนั้นมีบทความจากท่านพุทธทาสภิกขุ ตักบาตรพระ 1 ล้านครั้ง ไม่เท่ากับถวายอาหารให้บิดามารดา เพียงครั้งเดียว ดังนั้นหากมีความกตัญญูกตเวทิตาแล้ว จะทำสิ่งใดก็เป็นสิ่งประเสริฐสำเร็จในทุกๆเรื่องค่ะ ขออวยพรให้ทุกๆคนโชคดีนะค่ะ ขอให้มีโอกาสได้ปฎิบัติวิปัสสนากรรมฐานแล้วมีดวงตาเห็นธรรมโดยเร็วทุกท่านเทอญ มีคำกล่าวคำหนึ่ง โดยพระพุทธเจ้าได้ตรัสไว้ คนหนึ่งคน เวียนว่ายตายเกิด มากจนกระทั่ง น้ำตาของทุกๆชาติรวมๆกันแล้ว ยังน้อยกว่า น้ำในมหาสมุทร ดังนั้นคิดต่อได้ว่า คนเรานั้นเวียนว่ายตายเกิด นับไม่ถ้วน อนันล้านแสนโกฏจริงๆเลย ดังนั้นไม่ควร รัก โลภ โกรธ หลง อีกต่อไป เพราะ มีแต่ทุกข์เปล่าๆ สู้ความสุขที่แท้จริงคือนิพพาน ไม่ต้องมาเกิดอีก เป็นดีแน่แท้ปรมัตถ์ ไม่ใช่ของสมมุติอีกต่อไป ขอให้ทุกท่านเจริญๆ นะค่ะ 

พี่หญิงปิงจ๋า มาหย่อนความคิดถึงค่า ;)

อนุโมทนาครับ..เดินทางสายเดียวกัน..ท่านว่าทางนี้ "ทางสายเอก"

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท