คนที่มองไม่เห็นความผิดของตน
“เข้มงวดต่อคนอื่น ปล่อยปละต่อตัวเอง” เป็นโรคประจำตัวของคนทั้งหลาย ในขณะที่เราวิจารณ์คนอื่นนั้น มักจะเห็นแต่ความผิดของคนอื่น แต่กลับมองไม่เห็นว่าตนกำลังทำความผิดในแบบเดียวกัน
มีพระอยู่ ๔ รูป ร่วมกันฝึก “การเข้าสมาธิเงียบ” ในแบบของเซน
ใน ๔ รูปนั้น มีอยู่ ๓ รูปเป็นพระอาวุโสแก่พรรษา มีเพียงรูปเดียวที่อ่อนทั้งอาวุโสและพรรษา เนื่องจากการฝึกจำเป็นต้องจุดตะเกียง เพราะฉะนั้นหน้าที่การดูแลตะเกียงจึงมอบให้พระที่อ่อนพรรษากว่าเป็นผู้รับผิดชอบ
“การฝึกสมาธิเงียบ” เริ่มต้นขึ้นแล้ว พระทั้ง ๔ รูปนั่งขัดสมาธิล้อมรอบอยู่กับตะเกียงดวงนั้น ดำเนินการฝึกอย่างเคร่งครัด เวลาผ่านไปหลายชั่วโมง พระทั้ง ๔ รูป มิได้ปริปากพูดอะไรเลย เนื่องจากมันเป็น “การฝึกสมาธิเงียบ” จึงไม่มีใครเอ่ยปากพูดเลยสักรูปเดียว ซึ่งก็เป็นเรื่องธรรมดา
แต่น้ำมันในตะเกียงน้อยลงทุกที ดูท่าจะแห้งไปในไม่ช้า พระรูปที่รับผิดชอบดูแลตะเกียง เห็นเช่นนั้นก็ร้อนใจ ในตอนนี้เอง ก็มีลมโชยมากระโชกหนึ่ง ไฟในตะเกียงก็ถูกพัดจนริบหรี่ลง เกือบจะดับมิดับแหล่
พระรูปที่ดูแลตะเกียงอดรนทนไม่ไหว ตะโกนขึ้นว่า “แย่แล้ว ตะเกียงดับแล้ว”
พระอื่น ๆ อีก ๓ รูป เดิมทีก็นั่งหลับตาขัดสมาธิ ไม่มีใครพูดอะไรเลย เมื่อได้ยินพระรูปนั้นตะโกนเสียงหลงดังนั้น พระรูปที่นั่งถัดไปก็ลืมตาขึ้นพร้อมกับตำหนิว่า “ร้องเอะอะไปทำไม เรากำลังฝึกสมาธิเงียบอยู่มิใช่หรือ ร้องแรกแหกกระเชอไปได้ เสียสมาธิหมด” พระรูปที่นั่งถัดไปอีกรูปหนึ่งได้ยินเข้าก็บันดาลโทสะ เอ็ดพระรูปที่เอ๋ยปากตำหนิว่า “คุณก็ส่งเสียงเอะอะอยู่เหมือนกันไม่ใช่หรือแย่จริง ๆ”
ส่วนพระอีกรูปหนึ่งซึ่งมีอาวุโสสูงกว่าเพื่อน นั่งเงียบอยู่ตลอดเวลาที่พระ ๓ รูปส่งเสียงเอะอะกันอยู่ แต่ผ่านไปสักครู่ พระรูปนั้นก็ลืมตามองพระทั้ง ๓ รูป ด้วยความภูมิใจว่า “มีแต่ผมเท่านั้นที่ไม่ได้พูด”
พระ ๔ รูป ซึ่งฝึกสมาธิเงียบในแบบเซนกันอยู่ ต่างก็เอ่ยปากพูดกันหมดเพราะเรื่องตะเกียงดวงเดียว ที่น่าหัวร่อก็คือ พระอาวุโส ๓ รูป ในขณะที่ตำหนิคนอื่นว่าส่งเสียงพูดจาให้เสียสมาธินั้น ล้วนแต่ก็ไม่รู้ตัวว่า ตนก็กระทำผิดที่ “เอ่ยปากพูด” เหมือนกัน
มีนักเรียนคนหนึ่งถามครูว่า “ที่คุณครูเขียนข้อความไว้ใต้ความเรียงของผมนั้น ผมสติปัญญาน้อย ดูไม่ออกจริง ๆ ว่า คุณครูเขียนว่าอะไรบ้าง ขอได้โปรดอธิบายให้ผมทราบด้วย”
ครูตอบว่า “ฉันเพียงแต่เขียนบอกเธอว่า เธอเขียนหนังสือหวัดเกินไป วันหลังเขียนให้บรรจงสักหน่อยเท่านั้นเอง”
ครูเห็นแต่ความ”หวัด” ของนักเรียน แต่หารู้ไม่ว่า ตนก็กระทำความผิดเรื่องเขียนหนังสือ “หวัด” เหมือนกัน จนนักเรียนก็อ่านข้อความที่ครูเขียนไม่รู้เรื่อง
จาก หนังสือปรัชญาของผู้สู้ชีวิต กว้อไท่ เขียน บุญศักดิ์ แสงระวี แปล
บันทึกหลังเรื่องเล่า
เพื่อนครูครับ พระทั้ง ๔ รูป ใครประพฤติผิดมากที่สุด เพราะอะไร
ใครรู้ช่วยบอกด้วยครับ
โทษคนอื่นเพียง เมล็ดงา
ปองติฉินนินทา ห่อนเว้น....
โคลงโลกนิติ มีว่าไว้มั้ง
We judge ourselves by our motives
and others by their actions.
เราตัดสินตัวเราด้วยจุดประสงค์ของเรา แต่ตัดสินคนอื่น ๆ ด้วยการกระทำของเขา ครับ คุณครู ป.๑
Many wish not so much to be virtuous; as to seem to be. Cicero (106-43 B.C.)
คนเป็นอันมากไม่ได้ประสงค์จะเป็ฯผู้ทรงคุณงามความดีเท่ากับประสงค์จะให้คนอื่นมองดูว่าเป็นเช่นนั้น
พระรูปที่ ๑ ผิดวินัย ข้อตกลง
พระรูปที่ ๒ ผิดวินัย ผสมโทสะ แต่แฝงเมตตาสั่งสอน
พระรูปที่ ๓ ผิดวินัย มีโทสะจริต
พระรูปที่ ๔ ผิดวินัย มีโมหะจริต ครือความหลงเข้าครอบครอง
********************
พระรูปที่ ๑ ครูผู้ช่วย คศ ๑
พระรูปที่ ๒ ครูชำนาญการ คศ ๒
พระรูปที่ ๓ ครูชำนาญการพิเศษ คศ ๓
พระรูปที่ ๔ ผู้อำนวยการโรงเรียน
(งดฮา)
อยากได้รูป
รูปอะไรครับ
คุณผู้ไม่แสดงตน