เคยบ่นมาหลายครั้งทั้งใน blog และนอก blog ว่าเดี๋ยวนี้เด็กที่มาเรียนด้วยนั้นคิดไม่เป็น ทำไม่เป็น ไม่อยากคิด และไม่อยากทำ ชอบความสบายแบบไม่ลงทุน
วันนี้ได้อ่านข่าวในหนังสือพิมพ์ไทยโพสท์ ก็ยืนยันสิ่งที่คิดจริงๆ
เด็กไทยทั้งประเทศตกวิเคราะห์ สทศ.ชี้ผลสอบ"GAT,PAT"2ครั้งฟ้อง
"การสอบทั้ง 2 ครั้งพบว่าเด็กทำคะแนนได้ไม่ผ่านเกือบทั้งประเทศ เท่ากับว่าเด็กสอบแข่งขันในเกณฑ์คะแนนที่ต่ำอย่างไรก็ตาม ข้อสอบ GAT เน้นการคิดวิเคราะห์ การที่เด็กได้คะแนนน้อยสะท้อนให้เห็นว่า รร.ไม่ได้สอนให้เด็กคิด วิเคราะห์เป็น ซึ่งเรื่องนี้คงต้องกลับมาทบทวน รร.การเรียนการสอน โดยสอนให้เด็กฝึกตั้งคำถามว่า ทำไม เพื่อฝึกการวิเคราะห์ ไม่ใช่สอนแต่เนื้อหา และควรลดเนื้อหาให้น้อยลง แต่ให้เด็กได้คิดมากขึ้น การสอบ GAT และ PAT เป็นการสอบคัดเลือก ไม่ใช่การสอบเพื่อวัดศักยภาพเหมือนการทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติขั้นพื้น ฐาน หรือโอเน็ต แต่การที่คะแนนออกมาต่ำฟ้องว่าการคัดเลือกของมหาวิทยาลัยจะได้เด็กหางครีม เข้าไป แต่ก็ต้องถือว่าเขาเป็นเด็กที่สอบผ่านการคัดเลือก" ผอ.สทศ. กล่าว ส่วน PAT ถ้าได้คะแนนสูงก็สะท้อนว่าเขามีความรู้ความสามารถที่จะไปเรียนในสาขาที่ เลือกได้ประสบความสำเร็จ แต่คะแนนที่ออกมาก็ไม่สูงนัก มีเพียง 10% ที่ได้ 200-300 คะแนน ในการสอบทั้ง 2 ครั้ง"
อ่านข่าวดังกล่าวดูแล้ว เหมือนเรากำลังพยายามบ่มมะม่วงที่ยังไม่สุกให้สุกเพื่อออกมาขายเป็นปริมาณมากๆ เร็วๆ สุดท้ายมะม่วงที่ได้ก็จะมีสีสัีนประหลาด คือเนียน ดูสวย แต่ไม่อร่อย ไม่มีสารอาหารหรือประโยชน์เท่าลูกที่สุกคาต้น
ที่น่าดีใจคือเด็กที่สอบได้คะแนนเต็มคนหนึ่งจบจากโรงเรียนเก่าของตัวเอง (โรงเรียนสตรีมหาพฤฒาราม) แต่เข้าใจเป็นอย่างดีว่าจริงๆ แล้วไม่ได้เกิดจากการเรียนการสอนของโรงเรียนนั้นๆ เพียงอย่างเดียว แต่เกิดจากตัวเด็กเองและครอบครัวสิ่งแวดล้อมของเด็กคนนั้นๆ ด้วย จะเห็นได้จากการสัมภาษณ์ว่า น้องยุวพรไม่ได้กวดวิชา เรียนเองคิดเองโดยความช่วยเหลือของคุณพ่อและทำข้อสอบได้เป็นอย่างดี อย่างไรก็ขอแสดงความยินดีกับน้องยุวพรและครอบครัวและโรงเรียนด้วยนะคะ
"ยังพบว่าการสอบทั้ง 2 ครั้ง มีเด็กสามารถทำคะแนน GAT ได้เต็ม 300 คะแนน จำนวน 2 คน โดยหนึ่งในนั้นเป็นนักเรียน รร.สตรีวัดมหาพฤฒารามในพระบรมราชินูปถัมภ์ ชื่อ น.ส.ยุวพร เกษจุฬาศรีโรจน์ ซึ่งสอบถามเด็กก็พบว่า เด็กไม่ได้กวดวิชา มีวิธีการเรียนคือเรียนไปทบทวนไป ที่สำคัญคือการสอนของทางบ้าน ซึ่งพ่อจะสอนให้อ่านหนังสือตั้งแต่เด็ก และฝีกตั้งคำถามจากการอ่าน และสอนให้แสวงหาความรู้ ซึ่งเป็นการสอบ GAT ให้ได้ดี ต้องมีการฝึกอ่าน คิด วิเคราะห์ ที่สั่งสมมาตั้งแต่เด็ก"
ตอนนี้สอนนัึกศึกษาไป ก็ต้องพยายามกระตุ้นให้เขาคิดวิเคราะห์มากๆ แต่ก็ไม่ได้ผลมากนัก เพราะตอนนี้เปรียบนักศึกษาเหมือนมะม่วงอ่อนและถูกสอยมารอบ่มก่อนเวลาแล้ว จะเอาคืนต้นก็คงไม่ได้ มะม่วงบ่มนั้นทำเพื่อขายเพื่อกิน แต่มะม่วงที่สุกคาต้นยังมีโอกาสได้เกิดเป็นต้นใหม่ให้ดอกออกผลอีกได้
เห็นได้ชัดจากประสบการณ์ส่วนตัวว่า การดำเนินชีวิตและพฤติกรรมของนักศึกษาส่วนใหญ่เป็นแบบเร่งสุก ต้องการเกรดแต่มักไม่ต้องการความรู้ ไม่ค่อยพยายาม มาเรียนสาย ไม่ค่อยตั้งใจ เห็นเรื่องต่างๆ เป็นเรืองที่ไม่ซีเรียส ทำนองว่า"ไม่เป็นไร เดี๋ยวก็ได้" จริงๆ แล้วไม่โทษนักศึกษาแต่โทษระบบการศึกษาทั้งระบบและสังคมที่ไม่ได้มีตัวอย่างที่ดีๆ ให้ดูหรือให้ปฏิบัติตามเท่าใดนัก
เป็นเรื่องสำคัญเลยครับพี่ตุ๋ย เด็กปัจจุบัน ต้องการอะไรที่สำเร็จรูป จบออกไปมีงานทำดีๆๆมีเงินเดือนสูงๆๆ แต่ไม่ชอบคิดวิเคราะห์ พี่สบายดีไหมครับ
สวัสดีค่ะน้่องชาย
พี่สบายดีค่ะ หวังว่าน้องคงสบายดีนะคะ
เรื่องเด็กเนี่ย พี่คิดว่าอาจารย์แต่ละคนก็คงเจอคล้ายๆ กันในทุกสาขาน่ะค่ะ นานๆ จะมีเพชรในตมมาให้ชื่นใจที ที่เหลือก็พลอยหุงค่ะ สวย แต่ไม่มีราคา (แรงไปไหมนี่ อิอิ)
สวัสดีครับ
ศิษย์เก่า TE20 แวะมาทักทายครับ ผมคิดว่าสถาบันครอบครัว น่าจะมีส่วนสำคัญกับเรื่องนี้ พ่อแม่ต้องใกล้ชิดกับลูก คุยกับลูก เรียนรู้ไปกับลูก ทำตัวเป็นตัวอย่างที่ดีให้ลูกเห็น สอนด้วยสิ่งประจักษ์ ไม่ใช่ด้วยวาจา ทำให้ลูกรักและสนุกกับการเรียนรู้สิ่งต่างๆ รอบตัว ผมเชื่อว่าเขาจะสามารถเชื่อมโยงความสนุกไปยังความรู้ได้อย่างกลมกลืนครับ
สวัสดีค่ะคุณไทเลย-บ้านแฮ่
ใช่เลยค่ะ คุณพ่อคุณแม่หรือครอบครัวต้องช่วยกันดูแลเรียนรู้ไปพร้อมๆ กันกับบุตรหลานค่ะ ถ้าครอบครัวหรือสังคมแย่ การเรียนก็จะแย่ตามค่ะ
ขอบคุณที่แวะมาให้ข้อคิดเห็นนะคะ