Nina
นางสาวอภิญญา อุดมพรเกิดผล

100วิธีมีความสุขทุกๆวัน


หนังสือดีที่อ่านแล้วมีความสุขทุกๆวัน

ข้อคิดดีๆจากประสบการณ์ที่ชอบอ่านหนังสือทุกคืนก่อนหลับตาฝันดี

จากหนังสือ 100 วิธีมีความสุขทุกๆวัน

แปลจาก The 100 Simple Secrets of Happy People

โดย ดร.เดวิด ไนเวน   แปลโดย ชานชาลา

และนี่คือที่มาของความสุขที่แท้จริง สรุปจากผลงานการวิจัยของนักวิทยาศาสตร์ทั่วโลก

หนังสือเล่มนี้ซื้อมาตั้งแต่วันที่ 18 เมษายน 2545 เป็นหนังสือเล่มเดียวที่อยู่ติดตัวของดิฉันขณะหลับทุกคืน

1.ชีวิตมีจุดมุ่งหมายและมีความหมาย

 ผลการวิจัยในคนอเมริกันที่มีอายุ พบว่าสิ่งหนึ่งที่บ่งบอกว่าคนๆนั้นมีความสุขหรือไม่นั้นก็คือดูว่า คนๆนั้นคิดว่าตัวเองมีเป้าหมายในชีวิตหรือเปล่า ถ้าไม่มีเป้าหมายชัดเจน เจ็ดในสิบคนจะรู้สึกว่าชีวิตยังไม่ลงตัว แต่ถ้ามีเป้าหมายล่ะก็ เกือบทั้ง 7คนในสิบคนจะรู้สึกพอใจกับชีวิต

                                            เลปเปอร์ 1996

ตอนที่ซื้อหนังสือเล่มนี้มาเพิ่งเป็นครูเอกชนปีแรก จำได้ว่าอ่านแค่ข้อที่หนึ่งแล้วเก็บเข้าตู้หนังสือที่หวงแหน แล้วก็ไม่เคยหยิบขึ้นมาอ่านอีกหลายเดือนเพราะต้องผจญภัยกับเด็กนักเรียนระดับประถมศึกษาที่ทำให้ดิฉันนอนฝันร้ายทุกคืนเพื่อนของดิฉันส่วนใหญ่จะพูดว่าเอกที่เราจบส่วนใหญ่จะสอนในสายมัธยมศึกษา ทำไม?เราถึงต้องมาสอนในระดับประถมศึกษาทั้งที่มีโอกาส นั่นเป็นเพราะดิฉันเป็นคนที่ไม่ชอบไปไหนมาไหน ชอบดูโทรทัศน์ อ่านหนังสือ ไม่ชอบเดินตามตลาดผู้คนขวักไขว่ชนกันไปชนกันมา ชอบความสงบไม่ชอบความวุ่นวาย ชอบอากาศดีๆ ไม่อยากไปไหนไกลอยากทำงานใกล้บ้าน เลยเข้ามาสมัครเป็นครูเอกชนของโรงเรียนอุภัยภาดาวิทยาลัย แต่ก็ไม่รู้ทำไม ครูใหญ่ถามว่า สอนเด็กเล็กได้ไหมดิฉันบอกว่าได้ แต่ในใจกลับตอบตัวเองว่า จบชีวิตเสือร้ายแน่ๆ เราเป็นลูกคนเล็กเอาแต่ใจตัวเองเป็นที่ตั้ง จะสอนเด็กได้อย่างไร ไม่เคยคลุกคลีกับเด็กๆ เพราะไม่เคยอยู่กับเด็กเล็กๆเลย อาทิตย์แรกๆ เราเหมือนคนที่พูดคนเดียวนั่นเป็นเพราะเราเคยฝึกสอนกับนักเรียนมัธยมโรงเรียนศรีวิชัยวิทยา พูดภาษาอังกฤษทั้งคาบลืมไปว่าเด็กที่สอนเป็นเด็กชั้นประถมศึกษาปีที่ 1-2ปรากฏว่า เด็กวิ่งในห้องเรียน ไม่เขียนงาน ปาดินสอเล่นกันเป็นประจำ กลับบ้านทุกเย็นแม่จะถามว่าสนุกไหม เชื่อไหมว่าน้ำตาร่วง และบอกกับตัวเองว่า ลาออกดีกว่า จนวันหนึ่งจัดหนังสือในตู้หนังสือแล้วค้นพบหนังสือเล่มนี้ ดิฉันได้ข้อคิดดีๆในการดำเนินชีวิต เริ่มมองถึงสภาพของปัญหา และปรับเปลี่ยนการจัดการเรียนการสอน จากเป็นคนที่ไม่ค่อยชอบร้องเพลง ไม่ชอบเล่นเกม หาเพลง หาเกม เกี่ยวกับ ABC เรียนรู้ว่าเด็กนั้นมีสมาธิจดจ่อต่อการเรียนเต็มที่ไม่เกิน20นาที ทุกๆคาบที่สอนจะชวนเด็กๆร้องเพลงก่อนไม่น่าเชื่อ เด็กๆชอบร้องเพลง แถมทำงานวิชาดิฉันอย่างตั้งใจ เพิ่งรู้ว่าขั้นการสอนที่เขียนแผนกันซะเริ่ดหรูไม่สำคัญเท่า การ Open mind เปิดใจของผู้เรียนให้เกิดแรงกระตุ้นอยากเรียนรู้ และเข้าใจว่าระดับชั้นประถมศึกษาเป็นพื้นฐานที่ดีจะเป็นหนทางทำให้เด็กไทยเก่งภาษาอังกฤษ การสอนที่โรงเรียนนี้ถือว่าเป็นโรงเรียนแห่งแรกและแห่งเดียวที่หล่อหลอมให้ดิฉันเป็นครูที่สมบูรณ์ โรงเรียนแห่งนี้มีทั้งเด็กที่ยากจน ปานกลาง มั่งมี หลากหลายระดับ จากที่ไม่เคยรักเด็ก ไม่น่าเชื่อเราแอบหลงรักเด็กเหล่านี้ตั้งแต่เมื่อไร แทบไม่เคยหยุดงานเลย 7 ปีผ่านไป (ไวเหมือนโกหก) ก็ยังอยู่ที่โรงเรียนนี้เหมือนเดิม สิ่งที่เปลี่ยนไปคือ

สอนระดับชั้นป.5-ป.6 จนเชื่อมั่นว่าระดับชั้นประถมศึกษาเป็นระดับที่นักเรียนน่ารักมากๆ

จิตวิญญาณของความเป็นครูมาเอง โดยไม่ต้องศึกษาจากที่ใดแต่มันได้จากประสบการณ์โดยตรง อาชีพที่ใฝ่ฝันคือ นักเขียน นักประวัติศาสตร์โบราณคดี นักแปลหนังสือ นักประพันธ์ เพราะเป็นคนชอบอ่านหนังสือและจดจำเรื่องราวได้มากกว่าคนอื่นๆ ความจำดีมาก ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าอะไรดลบันดาลให้ต้องมาเป็นครู  ตอนเรียนปริญญาตรีวิชาที่ชอบมากคือPhonetic นั่นคือการออกเสียงชอบมากๆ ที่ชอบยิ่งกว่านั้นคือNovel and poetry ได้ A เป็นประจำ นอกจากนี้ยังเลือกเรียนวิชาโทคือวิชารองนั่นคือ วิชาประวัติศาสตร์ สามารถสอนวิชาสังคมศึกษาได้อีกวิชาหนึ่ง เคยคิดนะ ถ้าไม่ได้สอนวิชาภาษาอังกฤษก็สอนสังคมได้ ถ้าไม่เป็นครูจะไปสมัครทำงานในพิพิธภัณฑ์...ฮ่าๆๆ

พอจบก็เป็นครูจริงๆ เพื่อนในรุ่นสอบเป็นข้าราชการกันหมดเชื่อไหมว่าตั้งแต่จบมา

7 ปีแล้วไม่เคยสอบข้าราชการเลยสักครั้งเดียว เจอเพื่อนๆที่อบรมบ่อยๆในที่ต่างๆโดน

ว่าเป็นประจำว่าทำไมไม่ไปสอบรัฐบาล อยากบอกว่ารักเด็กๆโรงเรียนเอกชน..ซะแล้ว 

นั่นคงเป็นเหตุผล ข้อที่ 1 ของหนังสือ 100 วิธีมีความสุขทุกๆวัน

แปลจาก The 100 Simple Secrets of Happy People

โดย ดร.เดวิด ไนเวน   แปลโดย ชานชาลา

และขอแทรก

วลีเด็ดจากหนังสือรวมเรื่องสั้น ชีวิตด้านที่สามของขวัญ  เพียงหทัย

จำได้ว่าซื้อมาวันที่ 24 กันยายน 2544

เป็นวลีที่ดีมากๆ

ชีวิตของเรามีสามด้าน

ด้านที่หนึ่ง คือสิ่งที่คนอื่นคิดว่าเราเป็น

ด้านที่สอง คือสิ่งที่เราอยากให้เป็น

ด้านที่สามคือสิ่งที่เราเป็นจริงๆ

ชีวิตทั้ง สามด้านได้ผสมปนเปอยู่ในวันเวลาของเรา

ส่งอิทธิพลกับชีวิตของเรา

ผลักดันชีวิตของเรา

และแม้กระทั่งฉุดรั้งชีวิตของเรา

ส่วนผสมจะออกมาอย่างไรนั้นย่อมอยู่ที่ใจของเราเท่านั้นที่จะพาไป.....

 

 

ถ้าบุคคลใดมาอ่านบันทึกนี้แล้วจะรู้ถึงสัจธรรมว่า

ทุกข์หรือสุขอยู่ที่ใจ ไม่ใช่ลาภยศ

เสียงเด็กๆเรียกเราว่าครู....นั้นเป็นเหมือนเสียงกระซิบ

ของสวรรค์อย่างแท้จริง

 

 

หมายเลขบันทึก: 289028เขียนเมื่อ 19 สิงหาคม 2009 13:06 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 21:20 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

มารับข้อคิดดีๆ ครับ ขอบคุณมากครับ

ขอบคุณนะค่ะที่เข้ามาชม ขอให้มีความสุขเหมือนกันทุกวันนะค่ะ

ขอบใจนะเด็กชายโย่ ดีใจด้วยที่แข่งกีฬาได้รางวัลชนะเลิศ นายแน่มากๆเป็นกำลังใจให้สู้ต่อนะศิษย์รักของครูหนุ่ย

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท