สวัสดีค่ะ
บันทึกบล็อกหน้านี้ เป็นบันทึกย้อนหลังจากคราวที่แล้ว ที่ได้กลับบ้านพาเพื่อนๆ ไปศึกษาเรื่องราวเกี่ยวกับการเกษตร เพื่อนำความรู้มาแลกเปลี่ยนกัน
พวกเราต้องเดินทางไกลถึง51กิโลเมตร
จากอ.สันทรายไปอีกมุมหนึ่งของเชียงใหม่นั่นก็คือ อ.ดอยหล่อที่ขึ้นชื่อว่าเป็นแหล่งเกษตรกรรมแหล่งหนึ่งของจังหวัดเชียงใหม่
ทำไมเราถึงเดินทางไกลขนาดนั้น เพื่อไปเรียนรู้เรื่องการเกษตร ทั้งๆที่ในมหาวิทยาลัยของเราก็ขึ้นชื่อเรื่องการเกษตร และมีหลากหลายสาขา หลายเรื่องราวที่สามารถเลือกมาทำเป็นหัวข้อเพื่อนำมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันได้ แต่พวกเรามีเหตุผลที่เลือกทางนี้
“ความรู้อยู่ในสวน”สิ่งที่พ่อเคยบอกไว้เสมอ
เป็นเหตุผลที่อยากให้เพื่อนๆไปเรียนรู้เรื่องการเกษตรที่บ้าน เพราะอาจจะได้ความรู้และแนวความคิดที่ได้มากกว่าคำว่าการเกษตร
สวนของพ่อเป็นสวนแบบผสมผสานค่ะพ่อได้นำเอาแนวคิดการเกษตรแบบทฤษฎีใหม่ของในหลวง มาประยุกต์ใช้กับความรู้ที่พ่อได้ร่ำเรียนมา
ภูมิใจทุกครั้งที่ได้บอกกับคนอื่นว่าพ่อเป็นเกษตรกรเป็นชาวไร่ชาวสวนธรรมดา ที่ไม่มีสมบัติอะไรเลยนอกจากพื้นแผ่นดินที่อุดมสมบูรณ์ เป็นสมบัติที่มีค่าที่สุดสำหรับเกษตรกร
วันที่ได้พาเพื่อนๆไปลงสวนไปดูสวนนั้น
รู้สึกว่าตัวเองตื่นเต้นยิ่งกว่าเพื่อนๆซะอีก
อาจจะเป็นเพราะความภูมิใจที่ได้เกิดมาเป็นลูกเกษตรกรและจะได้นำความรู้ที่ติดตัวจากการที่ตามพ่อมาดูแลสวนตอนเด็กๆมาบอกกล่าวให้เพื่อนๆได้รู้
ตั้งแต่เดินลงรถมาทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่บริเวณรอบๆตัวรอบๆบ้าน ล้วนแล้วแต่เป็นการผสมผสานการเกษตรในหลายๆด้านเข้าด้วยกัน
ไม่ว่าจะเป็นการเลี้ยงเป็ดเลี้ยงไก่เลี้ยงปลา การปลูกข้าว และจุดเด่นสำคัญที่จะพาเพื่อนไปดูคือสวนผสมของพ่อ
ทุ่งนาที่เป็นพื้นที่ของปู่
ลูกเป็ดที่เลี้ยงเอาไว้
จากทางเข้าสวนก็เห้นต้นกล้วยแล้ว!!
มะม่วงผลโตพร้อมที่จะเก็บ
หน่อไม้ที่พ่อใช้เวลา 1ปีในการปลูก
เราเดินจากบ้าน เพื่อไปสวนเพื่อน บางคนอาจจะบ่นว่าไกลหน่อยแต่ด้วยความเคยชิตั้งแต่เด็กเลยคิดว่าใกล้นิดเดียว
ในสวนของพ่อตั้งแต่เดินเข้าสวนมาก็เจอผลผลิตมากมายไม่ว่าจะเป็นกล้วยซึ่งมีทั้งกล้วยน้ำว้า และกล้วยหอมทอง มีมะม่วงหลากหลายพันธุ์ไม่ว่าจะเป็น โชคอนันต์ เขียวเสวย ฟ้าลั่น ทองดำ มหาชนก เขียวมรกต ซึ่งบางครั้งแทบจะจำไม่หมดว่ามีพันธ์อะไรบ้างเพราะว่าพ่อได้นำพันธุ์ใหม่ๆมาขยายเรื่อยๆ
และพันธุ์ใหม่ล่าสุดที่พ่อได้นำมาศึกษาและขยายพันธุ์ก็คือ พันธุ์เขียวใหญ่ ซึ่งน่าเสียดายที่ไม่ได้มีรูปมาให้ดู และก็มีหน่อไม้ฯลฯผลผลิตที่ได้มาบางอย่างไม่ได้มีไว้ขายแต่พ่อปลูกเอาไว้เพื่อกินเองและแบ่งปันผู้อื่นถ้ามีมาก
ซึ่งสังคมชนบทแบบนี้แทบหาไม่ได้อีกแล้ว
แต่ภูมิใจมากที่ตัวเองยังได้สัมผัสกับความรู้สึกแบบนี้
พ่อเคยบอกว่า”ของทุกอย่างในสวนที่เห็นอาจแปรสภาพได้มากว่าเงินทองที่จับจ่ายใช้สอยกันอยู่ทุกวันนี้”
และอีกเรื่องหนึ่งที่พ่อบอกไว้”หัวใจสำคัญของการเกษตรคือการอยู่อย่างพอเพียงเท่านี้ก็เป็นการเกษตรแบบยั่งยืนแล้ว”
ยังมีอีกหลายเรื่องราวที่นำมาเล่าไม่หมด
และคำสอนของพ่อยังรอให้ทุกคนมาอ่านขอบคุณสำหรับทุกคนที่ติดตามอ่านบล็อกนี้ขอบคุณเพื่อนๆทุกคนที่สนใจการเกษตรของที่บ้านและขอบคุณ”พ่อ”บุคคลสำคัญที่ทำให้การเกษตร
ไม่ใช่เรื่องที่น่าอายสำหรับลูก
"ชนัญญา"
(เพลงตามรอยของพ่อ โต๋ ศักดิ์สิทธ์ เวชสุภาภรณ์)
สวัสดีครับ
การเกษตร ช่วยเลี้ยงทุกชีวิตบนโลกใบนี้ครับ
ขอบคุณเรื่องราวดีๆ ที่เล่าสู่กันฟังครับครับ
ดีจังเลยค่ะ มีทุกอย่างไม่ต้องซื้อกิน
เป็นชีวิตที่พอเพียงจริงๆ
ดีใจค่ะที่น้อง ๆ ได้ทำอะไรให้สังคมเห็นสิ่งดี ๆ ที่คนอื่น ๆไม่เห็น
สิ่งที่น้อง ๆ เห็นมันอาจจะสวยงามในสายตาคนที่พบเห็น
แต่กว่า พ่อ จะทำให้สวยงามมันระเอียดอ่อนมาก ๆ จะคอยติดตามผลงานค่ะ
ความรู้อยู่ในสวน ชอบคำนี้ค่ะ ฟังดูมีเรื่องราว