รมว.ศธ.กล่าวว่า นโยบายของรัฐบาลปัจจุบันถือว่าเป็นยุคเวลาที่ดีที่สุดยุคหนึ่งของ กศน.แล้ว เพราะรัฐบาลให้ความสำคัญกับ กศน.มากที่สุด ทั้งนโยบายต่างๆ ที่ผ่านมาที่เป็นรูปธรรม รวมทั้งการจัดเงินงบประมาณลงไปให้เกิดผลจริงๆ โดยเฉพาะงบประมาณ SP2 ซึ่งจะใช้ในปี ๒๕๕๓-๒๕๕๕ นั้น จะเพิ่มเติมให้เป็นพิเศษนอกเหนือจากงบปกติมากถึง ๑๐,๑๔๐ ล้านบาท ซึ่งเป็นจำนวนเงินที่ไม่ง่ายนักที่รัฐจะจัดให้จำนวนมากเท่านี้ และเมื่อโอกาสพิเศษนี้เกิดขึ้นแล้ว ขอให้ กศน. ทำโอกาสนี้ให้ปรากฏแก่ประชาชนต่อไปด้วย
สำหรับนโยบายต่างๆ ที่ผ่านมานั้น กศน.ได้มีส่วนช่วยโครงการเรียนฟรี ๑๕ ปีอย่างมีคุณภาพจนประสบความสำเร็จที่ทำให้คนไทยทั่วประเทศพอใจมากที่สุดถึง ๙๘.๒% และยังต้องการให้โครงการนี้เกิดขึ้นต่อในปีต่อๆ ไป ซึ่งเป็นสิ่งที่สะท้อนให้เห็นถึงการยอมรับการทำงานของ ศธ.ทุกคน ส่วนในเรื่องห้องสมุดประชาชนนั้น อยากให้เน้นไปที่ซอฟต์แวร์มากกว่าฮาร์ดแวร์ ซึ่งจะต้องให้ความสำคัญกับหนังสือ อุปกรณ์มากกว่า และในงบประมาณ SP2 จะจัดงบประมาณสร้างห้องสมุดอำเภอเพิ่มเติมอีกประมาณ ๕๐ แห่งให้ครบทุกอำเภอจากปัจจุบันซึ่งมีอยู่ ๖๙๘ แห่ง คาดว่าจะใช้งบประมาณ ๒,๔๒๗ ล้านบาท ทั้งนี้ห้องสมุดจะต้องรับนโยบาย ๓ดีไปทำด้วย คือ หนังสือดี บรรยากาศดี และบรรณารักษ์ดี
รมว.ศธ.กล่าวว่า จะต้องมีงบประมาณอีกก้อนหนึ่งไปช่วยสนับสนุนให้ศูนย์การเรียนชุมชนทั้ง ๒,๑๘๗ ศูนย์ มีเครื่องมือที่ทันสมัยขึ้น เช่น อินเทอร์เน็ต คอมพิวเตอร์ ซึ่งจะช่วยเพิ่มศักยภาพของศูนย์การเรียนชุมชนให้สูงขึ้น
ปัจจุบันสถานีวิทยุเพื่อการศึกษาสามารถรับคลื่นได้ทางระบบ FM ใน ๒๔ จังหวัด และระบบ AM ใน ๔๘ จังหวัด ซึ่งคงจะจัดงบประมาณสนับสนุนอีกก้อนหนึ่งให้ในปี ๒๕๕๓ เพื่อนำไปปรับปรุงสถานี และจะขอทำเรื่องขอคืนคลื่นความถี่ ๑๔ คลื่น คืนจากกรมประชาสัมพันธ์ด้วย
ส่วนสถานีโทรทัศน์เพื่อการศึกษา หรือ ETV ต้องการวางแผนให้เป็น E-Free TV เหมือนกับสถานีโทรทัศน์ทั่วไป โดยไม่จำเป็นต้องชมผ่านดาวเทียม ซึ่งถือเป็นเรื่องใหญ่มากที่จะต้องวางแผนให้ดี มีการบริหารจัดการไม่ให้เป็นปัญหาอุปสรรค ขณะนี้จัดงบประมาณจาก SP2 รอไว้แล้วกว่า ๖,๐๐๐ ล้านบาท อย่างไรก็ตามการจัดสรรคลื่นความถี่ใหม่นี้จะต้องได้รับการอนุมัติจาก กสช.ซึ่งมีหน้าที่จัดสรรคลื่นความถี่ แต่คงต้องรอให้การแต่งตั้ง กสช. เสร็จสิ้นก่อน ซึ่งยังไม่ทราบว่าจะพิจารณาเสร็จสิ้นเมื่อไร
ส่วนหนึ่งของผู้บริหาร กศน.ที่ร่วมประชุมสัมมนาปีนี้ ระหว่างวันที่ ๒๕-๒๖ ก.ค.๒๕๕๒
การอ่านถือเป็นหัวใจสำคัญของการส่งเสริมการเรียนรู้ตามอัธยาศัย ศธ.ได้แต่งตั้งคณะกรรมการส่งเสริมการอ่านขึ้นมา เพื่อพิจารณาให้การอ่านเป็นวาระแห่งชาติ และให้กำหนดวันที่ ๒ เมษายน เป็นวันแห่งการรักการอ่านของประเทศ เพราะทุกวันนี้คนไทยอ่านหนังสือน้อยลงเรื่อยๆ ซึ่งมีผลต่อขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศลดลงเรื่อยๆ เช่นกัน เพราะการอ่านช่วยทำให้คนมีความรู้ มีจินตนาการ เกิดการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ตลอดเวลา และในวันที ๒๙ กรกฎาคมนี้จะประชุมคณะกรรมการที่เกี่ยวข้องชุดใหญ่ เพื่อเตรียมนำเรื่องนี้เข้าที่ประชุม ครม.ให้พิจารณาประกาศเป็นวาระแห่งชาติต่อไป
การประชุมผู้บริหาร กศน.ปีนี้ ที่ปรินซ์พาเลซ มหานาค
ภาพ : บัลลังก์ โรหิตเสถียร
รมว.ศธ.กล่าวว่า ได้มอบให้เลขาธิการ กศน.สำรวจเด็กที่ไม่จบการศึกษาภาคบังคับ โดยเฉพาะในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งพบว่ามีจำนวนมากถึง ๙,๘๐๒ คน ดังนั้นจึงเป็นหน้าที่ของ กศน.ที่จะต้องช่วยให้เด็กเหล่านี้จบการศึกษาภาคบังคับ แต่ไม่ใช่ทำเพียงปีละร้อยหรือพันคนเท่านั้น แต่ต้องทำทั้งหมดในปีนี้ เพื่อไม่ให้เป็นดินพอกหางหมู หรือเป็นการบ้านค้างคา จึงฝากผู้ปฏิบัติในพื้นที่ด้วย นอกจากนี้อาจมีการจัดมหกรรมการศึกษาสักครั้งในปีนี้ เพื่อมีส่วนช่วยส่งเสริมให้เด็กจำนวนดังกล่าวจบการศึกษาภาคบังคับเป็นอย่างน้อย
รมว.ศธ.ยังได้กล่าวถึงปัญหาของบุคลากรอัตราจ้าง กศน.ด้วยว่า ได้รับเรื่องร้องเรียนต่างๆ ซึ่งมีความเห็นใจที่อัตราจ้างของ กศน.ต้องการมีอนาคตที่ก้าวหน้า แต่ภาครัฐเองก็มีข้อจำกัดทุกกระทรวง ดังนั้นอะไรที่ทำได้ในช่วงเวลาสั้นๆ ก็พยายามจะทำให้ อย่างน้อยที่สุดได้มอบนโยบายแล้วว่าการทำเรื่องการว่าจ้างจากเดิมปีต่อปีนั้น ต่อไปขอให้จ้างเป็นเวลาต่อเนื่อง ๔ ปี ให้มีความมั่นคงเพิ่มขึ้นบ้าง
โอกาสนี้ รมว.ศธ.ได้มอบโล่ประกาศเกียรติคุณให้ น.ส.นพวรรณ เลิศชีวกานต์ หรือน้องนก อายุ ๑๘ ปี เจ้าของดับเบิลแชมป์เยาวชนหญิงเดี่ยวและหญิงคู่เทนนิสวิมเบิลดัน ปี ๒๕๕๒ ซึ่งเป็นนักศึกษาที่กำลังเรียน กศน. ในระดับมัธยมศึกษาตอนต้นอีกด้วย.
บัลลังก์ โรหิตเสถียร
นงศิลินี โมสิกะ
สรุป/รายงาน
somsakksn/กศน.อำเภอผาขาว/เผยแพร่