หมอเจ๊ คนสวย แซ่เฮ
พ.ญ. ศิริรัตน์ เอกศิลป์ สุวันทโรจน์

รักแม่นะ


กราบแม่และขอบคุณค่ะแม่ที่เลี้ยงลูกมาและสอนให้ลูกรู้จักซื่อตรงกับความรู้สึกของตัวเองเสมอมา

แม่จ๋า วันนี้ลูกขอคุยกับแม่หน่อย หลายวันมานี้มีเรื่องราวอะไรบางอย่างที่ทำให้ลูกได้เข้าใจตัวเองขึ้นจ๊ะแม่ แต่ก่อนแต่ไรแม่ก็เห็นๆอยู่นะแม่นะว่าลูกนั้นมักจะเงียบและเฉย เฉยซะจนบางคนเขานึกเกรงไม่กล้าเข้าใกล้ แล้วบางทีเวลาที่ไม่เฉย ปากคอก็ทำให้คนเขาเคืองเอาบ่อยๆด้วยความที่เป็นคนพูดตรงกับความรู้สึก

อันที่จริงเมื่อก่อนเวลาที่เราเคยอยู่ด้วยกัน แม่รู้สึกต่อลูกเหมือนคนอื่นเหมือนกันใช่ไหมแม่ แม่จึงได้แกล้งแหย่ลูกบ่อยๆว่า "ดื้อ" "รั้น" วันนี้ลูกอยากจะบอกว่าลูกรักแม่นะ ที่แม่ปล่อยให้ลูกได้แสดงความรู้สึกของตัวเองออกมาได้อย่างซื่อตรงกับความรู้สึกของตัวเอง


มีหลายครั้งหลายหนเหมือนกันนะแม่นะ ที่ลูกก็ไม่เข้าใจความรู้สึกของแม่เหมือนกันว่าทำไมจึงกล่าวหาว่าลูกดื้อ ลูกเถียง ลูกไม่ฟังแม่ เวลาที่แม่บอกอะไรบางอย่างให้ลูกทำและลูกโต้แย้ง แล้วในบางครั้งแม่ก็เผลอหงุดหงิดให้รู้ แต่เหตุการณ์ก็ผ่านไปด้วยดีระหว่างเราเสมอมา

ตั้งแต่เกิดลูกเคยได้กราบแทบเท้าแม่เพียงครั้งเดียวในวันที่เราสองคนแม่ลูกไม่ สามารถเอ่ยคำสนทนาใดๆด้วยกันได้อีกแล้ว วันนี้็เป็นอีกวันที่ลูกตั้งใจมาบอกแม่ว่า ลูกกราบแทบเท้าแม่อีกครั้งแล้วนะแม่ กราบผ่านสัญญาณในใจนะแม่นะ กราบผ่านร่างกายของแม่คนอื่นๆที่สื่อให้ลูกได้รับรู้ถึงความรักของแม่นะแม่นะ

วันแม่ปีนี้คงมีเรื่องมาบอกให้แม่รับรู้และช่วยเตือนลูกนะแม่ แม่ช่วยเตือนลูกให้บ่อยขึ้นหน่อยนะแม่นะในเรื่อง "วาระแห่งตน"

ที่ลูกเคยเล่าให้แม่ฟังว่า ลูกให้สัญญากับตัวเองไว้ว่า "จะเือื้อเวลาให้ีคุณสติมาทันเป็นเพื่อนลูกเสมอ" "จะไม่เร็วกับการใช้ชีวิต" และ "จะทำหน้าที่ต่อไปภายใต้พลังของตัวที่มีอยู่ให้ดีที่สุดที่่สามารถเป็นไปได้ " นั้น

ลูกได้ก้าวเดินต่อไปแล้วนะแม่ ถึงแม้วันนี้จะยังไม่ถึงปลายฟ้าที่หวัง แต่ลูกก็ได้เรียนและได้รู้ว่า การเรียนรู้โลกภายในนี้มันแปลกที่ไม่มีใครสามารถก้าวร่วมไปด้วยได้ นอกจากการเดินทางด้วยตัวเองเพียงลำพัง ตลอดรายทางที่เดินผ่านทางมีทั้งครูและสหายอยู่รายล้อมทั่วไป การเดินทางนี้ไม่ได้้โดดเดี่ยวอย่างที่คิดหรอกนะแม่จ๋า


จากการเรียนรู้แล้วบอกตัวเองว่า "ไม่เร็วกับการใช้ชีวิตนะดีแล้วนะตัวเอง" มันเอื้อให้ลูกได้เวลาคืนมาสำหรับ "การผสมผสานการไตร่ตรอง การใคร่ครวญ และการมองชีวิตตนเองในมุมบวก" เกิดเป็นพลังแห่งชีวิตที่คอยหล่อเลี้ยงตัวเองให้มีความสุขและให้ความสุขกับ คนอื่นไปพร้อมกันด้วย

เวลาเรียนรู้ไปพร้อมๆกับการทำงานกับโลกภายนอก "คุณสติ" มาอยู่เป็นเพื่อนลูกด้วยแต่ไม่ทุกครั้งนะแม่ ลูกรู้สึกดีนะแม่เวลาเขามาอยู่เป็นเพื่อน เพราะว่าเขาทำให้ "คุณสัญญา" "คุณคิด" ในตัวของลูกทำงานช้าลง ทำงานร่วมกันอยู่ตรงปัจจุบันขณะได้ดี

การอยู่ร่วมกัน ณ ปัจจุบันขณะของพวกเขาทำให้พวกเขารับรู้เรื่องราวตรงหน้าที่วินาทีเดียวกัน ตรงนี้แหละแม่ที่เป็นปัจจุบันขณะที่ดีที่สุดที่ลูกพอใจและอยากให้แม่ช่วยบอก คุณสติด้วยจ๊ะแม่

" คุณคิด" เขาจะบอกลูกว่าเขาเห็นใครกำลังทำอะไรอย่างไรในวินาทีนั้น มี "คุณๆทั้งหลายที่ใส่เครื่องแบบคุณสัญญา" รุมกันมารับรู้พร้อมๆไปด้วย แล้วพวกเขานี่แหละที่บอกลูกได้รับรู้ความรู้ใหม่เสมอว่า แต่ละขั้นตอนแต่ละตอนของงานที่พวกเขาทำลงไป ให้ผลอะไรอย่างไรบ้าง

แม่จ๋า บางครั้งความเป็นคนฉลาดของ "คุณคิด" "คุณสัญญา" "คุณเชื่อ" ก็ทำให้่เกิดเหตุการณ์คิดใหม่ทำใหม่ แล้วบ่อยครั้งที่มันทำให้คิดใหม่แต่ทำเหมือนเดิมเหมือนกันนะแม่ อีกทั้งหากมี " คุณคาด" และ "คุณหวัง" มาทำงานไปด้วยกัน "คุณสัญญา" มักหลอกลูกบ่อยๆนะแม่


บางครั้งลูกก็หลอก "คุณคาด" และ "คุณหวัง" ให้ลืมเรื่องเวลาไปซะ เวลาหลอกเขาทั้งสองได้ ลูกรู้สึกว่าโลกภายในของลูกทำงานสบายๆ ผ่อนคลายดีจริงๆ ลูกไม่แน่ใจหรอกนะแม่ว่าการรู้สึกดีกับการไม่ติดกับกับเรื่องเวลาบ่อยๆเพื่อหลอก"คุณคาด" นั้นจะ ดีรึเปล่า แต่ลูกขอบอกตรงๆว่าลูกรู้สึกดีกับความผ่อนคลายที่เกิดขึ้นนะแม่นะ เวลาหลอก "คุณคาด"ได้ "คุณหวัง"เขาก็ไม่ขี้เกียจนะแม่ เขาทำงานของเขาไปได้เรื่อยๆง่ายกว่าเวลามี "คุณคาด " ทำงานด้วยซะอีกจ๊ะ

รึว่าการไม่ติดกับกับเวลาทำให้ "คุณสัญญา" และ "คุณหวัง" ทำงานคู่กันอย่างมีสมดุลต่อกัน แล้ว"คุณสัญญา" มองเห็นคุณค่าของการไม่ติดยึดกับเวลารึเปล่าก็ไม่รู้จ๊ะแม่ จึงไม่ก่อกวนโลกภายในของลูกให้ยุ่งเหยิง หวั่นไหว เวลาที่คนทั้งคู่ทำงานอย่างนี้ ความรู้สึกดีจึงเกิดขึ้นง่ายๆเสมอ


ที่ลูกเล่าเรื่องนี้ให้แม่ฟังก็เพราะว่า ลูกพบว่าเมื่อไรก็ตามที่ "คุณคาด" กับ "คุณหวัง" เขาทำงานโดยเอาเวลาเป็นตัวประกอบด้วยเมื่อไร มีเรื่องไร้สาระเกิดขึ้นกับลูกอยู่เรื่อยไป จนทำให้รู้สึกหวั่นไหว ยุ่งเหยิงหลายอย่างในใจ แล้วพลอยทำให้ความรู้สึกต่อเรื่องราวของโลกภายนอกมันไม่สดใสนะแม่ เวลาเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นกับลูกทีไร อะไรๆที่ผ่อนคลายมันหายไปจ๊ะแม่

วันแม่ปีนี้ลูกอยากเล่าให้แม่รู้ว่า สุดท้ายเมื่องานในโลกภายนอกของลูกเสร็จสิ้นลง ลูกไม่รู้ว่าชีวิตวิวัฒน์ของลูกเกิดขึ้นอย่างที่แม่หวังในตัวลูกรึเปล่า และลูกมาสารภาพกับแม่ว่า ลูกรักแม่จ๊ะ ขอบคุณความรักของแม่ที่อยู่ในตัวลูกตลอดเวลา ขอบคุณนะที่คอยเตือนลูกว่า อย่าลืมเพื่อนที่ชื่อ "คุณสติ" ขอบคุณที่แม่คอยชวนคุณสติให้มาเล่นกับลูกบ่อยๆ

วันแม่ปีนี้ ลูกมีเรื่องขอจากแม่ ให้แม่ช่วยดูแลลูกด้วยนะแม่จ๋า ช่วยเตือนคุณสติให้หน่อยนะแม่นะ โดยเฉพาะเมื่อแม่รู้ว่า มีคำตอบสุดท้ายยื่นมาจาก "คุณคาด" และ "คุณหวัง" ให้"คุณๆทั้งหลาย" ในตัวของลูกเขาแปลงตัวเป็น "คุณสัญญา" แล้วให้ "คุณสัญญา" ร่่วมตัดสินผลงานนะแม่นะ

แม่จ๋า เวลาอย่างนั้น แม่ช่วยบอกคุณสติให้เตือนลูกด้วยว่า "ปล่อยอดีตซะ แล้วดูแลเรื่อง ณ ปัจจุบันขณะเหอะน่า" ให้หน่อยนะ ไม่งั้น "คุณเผลอ" ชอบมายั่วยวนลูกให้ใจหวั่นไหว ยุ่งใจอยู่เรื่อยจนไม่ได้ยินเสียงในใจลูกที่เป็นเรื่องทางบวกเลยจ๊ะแม่

กราบแม่และขอบคุณค่ะแม่ที่เลี้ยงลูกมาและสอนให้ลูกรู้จักซื่อตรงกับความรู้สึก ของตัวเองเสมอมา แม่อย่าบ่นลูกเลยนะแม่นะ ว่าไม่รู้จักโต ลูกยังต้องการแม่เป็นที่พึ่งอยู่เสมอจ๊ะแม่

มะลิี้ต้นนี้ลูกปลูกมันไว้ที่บ้านนะแม่ วันนี้มันมีดอกตูมขึ้นมาแล้วละจ๊ะ เหมือนเป็นเครื่องหมายที่คอยบอกลูกว่าความรักที่แม่เฝ้าฟูมฟักลูกและแฝงฝังฝากเอาไว้ในตัวลูก มันผลิเติบโตให้ลูกภูมิใจในตัวแม่อยู่ทุกวันๆจ๊ะแม่

รักแม่ค่ะ

12 สิงหาคม 2552

หมายเลขบันทึก: 286421เขียนเมื่อ 12 สิงหาคม 2009 09:17 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 21:16 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท