1. แนวคิด ความเป็นมา:
ในอดีต ระบบการส่งต่อผู้ป่วยภายในเครือข่ายอำเภอสิชล พบปัญหาการส่งผู้ป่วยจากสถานีอนามัยบางแห่งมายังโรงพยาบาลสิชล ที่ไม่เหมาะสม ขาดการประสานงานและการเชื่อมต่อข้อมูลของผู้ป่วย ทำให้เกิดปัญหา ผู้ป่วยไม่ได้รับการดูแลอย่างต่อเนื่อง เช่น ผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง ที่ไม่ได้รับยาต่อที่หน่วยบริการปฐมภูมิภายหลังจากจำหน่ายออกจากโรงพยาบาล ผู้รับบริการมีจำนวนมากในโรงพยาบาล ซึ่งส่วนใหญ่เป็นโรคที่สามารถให้การดูแลรักษาที่หน่วยบริการปฐมภูมิได้ ทำให้เกิดปัญหาความแออัดในโรงพยาบาล นอกจากนี้มีผลต่อผู้ป่วยที่มีความจำเป็นในการรักษาที่ต้องใช้เวลารอคอยนานในโรงพยาบาลอีกด้วย เครือข่ายบริการสุขภาพ อำเภอสิชลจึงได้พัฒนาแนวทางการส่งต่อผู้ป่วยที่เป็นระบบมากขึ้น เพื่อลดความแออัดในโรงพยาบาลและเพิ่มศักยภาพในการดูแลผู้ป่วยของหน่วยบริการปฐมภูมิ
2. กระบวนการ / วิธีการดำเนินงานที่นำไปสู่ความสำเร็จ:
แนวทางการส่งต่อผู้ป่วย จากหน่วยบริการปฐมภูมิ สู่โรงพยาบาลสิชล
มีขั้นตอนการดำเนินงานดังนี้
1. สถานีอนามัย เขียนใบส่งต่อผู้ป่วย(ใบ Refer) มาพร้อมกับผู้ป่วยทุกรายเมื่อมีความจำเป็นต้องเข้ารับการดูแลรักษาจากแพทย์ในโรงพยาบาล ก่อนส่งผู้ป่วยมายังโรงพยาบาล ให้ เจ้าหน้าที่ สอ.ติดต่อลงทะเบียนล่วงหน้าทางโทรศัพท์ มายังห้องบัตร เพื่อ ส่งคิวต่อให้ ห้องฉุกเฉินหรือจุดซักประวัติที่แผนกผู้ป่วยนอก เตรียมรอรับผู้ป่วยไว้เลย
2. เมื่อผู้ป่วยเดินทางมาถึงโรงพยาบาล พยาบาลแผนกผู้ป่วยนอกจะเป็นผู้คัดกรองผู้ป่วย เป็นประเภทฉุกเฉิน หรือ ผู้ป่วยทั่วไป
2.1 ผู้ป่วย เป็นประเภทฉุกเฉิน ให้ติดต่อที่ห้องฉุกเฉินได้เลย
2.2 ผู้ป่วยทั่วไป ให้ติดต่อที่ห้องบัตร โดยจัดให้มีช่องทางพิเศษ เขียนว่า “ช่องผู้ป่วยจากสถานีอนามัย”
3. กรณีผู้ป่วยทั่วไปที่ถือใบส่งตัวมาจากสถานีอนามัย ให้สิทธิ์ในการเข้าพบแพทย์ทุกรายและพิจารณาเป็นลำดับแรก
4. กรณี รับผู้ป่วยไว้นอนในโรงพยาบาล เมื่อผู้ป่วยอาการดีขึ้น ก่อนจำหน่ายผู้ป่วยจะมีการเขียนใบส่งตัวกลับไปยัง สถานีอนามัยเดิม
5. เจ้าหน้าที่ห้องบัตร จะเป็นผู้รวบรวมเอกสารใบส่งตัว ของทุกสถานีอนามัยเป็นรายเดือน แล้วนำผลงานของแต่ละแห่ง มาพิจารณาให้เป็นแต้มคะแนน ในการประชุมคณะกรรมการเครือข่าย เป็นประจำทุกเดือน
แนวทางการส่งกลับผู้ป่วยจาก โรงพยาบาล ไปยัง หน่วยบริการปฐมภูมิ โดยการจัดระบบการส่งตัวผู้ป่วยโรคเรื้อรังที่สามารถควบคุม รักษาอาการได้แล้วกลับสู่สถานีอนามัยในเขตรับผิดชอบ โดยให้มีการประสานงานระหว่าง งานเวชระเบียน คลินิกพิเศษ เภสัชกรรม สถานีอนามัย โดยมีแพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว เป็นที่ปรึกษา
การพัฒนาหน่วยบริการปฐมภูมิ มีการพัฒนาศักยภาพของสถานีอนามัยในการตรวจรักษาโรคเรื้อรัง เพิ่มอีกจำนวน 3 แห่ง ได้แก่ สถานีอนามัยจอมพิบูลย์ สถานีอนามัยในดอน และ สถานีอนามัยเขาใหญ่ โดยมีทีมสหวิชาชีพจากโรงพยาบาลสิชลเป็นทีมพี่เลี้ยงและช่วยนิเทศการทำงาน ในระยะแรก สถานีอนามัยทั้ง 3 แห่งจะเน้นการตรวจคัดกรองโรคในชุมชน และให้บริการตรวจรักษา ให้ยาต่อเนื่องจากโรงพยาบาล แก่ผู้ป่วยโรคเบาหวานและโรคความดันโลหิตสูงที่ไม่มีภาวะแทรกซ้อน โดยได้เริ่มดำเนินการตั้งแต่ 1 กุมภาพันธ์ 2552 เป็นต้นมา
ระบบ Consult มีระบบการให้คำปรึกษาโดยแพทย์เวชปฏิบัติทั่วไปและแพทย์เวชศาสต์ครอบครัว การสื่อสารภายในCUP ทำได้อย่างสะดวก ทั้งการโทรศัพท์สายตรงที่ห้องฉุกเฉิน และเบอร์มือถือของแพทย์ นอกจากนี้มีการใช้ Internet, E-mail เพื่อการปรึกษาปัญหาของผู้ป่วย จากหน่วยบริการปฐมภูมิ
3. ตัวชี้วัดความสำเร็จ
ผลการดำเนินงานของเครือข่ายบริการสุขภาพอำเภอสิชล ตามโครงการ CUP ชนบท เรื่อง การส่งต่อที่เหมาะสม ในเครือข่ายจากหน่วยบริการปฐมภูมิสู่โรงพยาบาล
ตัวชี้วัด: ร้อยละของการส่งต่อที่เหมาะสม ในเครือข่ายจากหน่วยบริการปฐมภูมิสู่โรงพยาบาล
เกณฑ์ การส่งต่อที่เหมาะสม >80 %
ผลการดำเนินงานการส่งต่อที่เหมาะสม
หน่วยบริการปฐมภูมิ |
ร้อยละของการส่งต่อที่เหมาะสม |
||
พ.ศ.2549 |
พ.ศ.2550 |
พ.ศ.2551 |
|
สถานีอนามัย เขาฝ้าย |
82.58 |
85.36 |
92.45 |
สถานีอนามัย ท่าควาย |
86.29 |
88.71 |
96.39 |
สถานีอนามัย จอมพิบูลย์ |
84.15 |
89.30 |
92.54 |
สถานีอนามัย ในดอน |
82.95 |
87.60 |
91.20 |
สถานีอนามัย เขาใหญ่ |
73.68 |
83.75 |
93.25 |
หน่วยบริการปฐมภูมิ |
จำนวนผู้ป่วยที่มารักษาในโรงพยาบาลสิชล เดือน มี.ค.52 |
||
รพ.ไม่ผ่าน สอ. |
ผ่านระบบ Refer สอ. |
รวม |
|
สถานีอนามัย เขาฝ้าย |
1,753 |
56 |
1,809 |
สถานีอนามัย จอมพิบูลย์ |
1,785 |
34 |
1,829 |
สถานีอนามัย ท่าควาย |
447 |
66 |
513 |
สถานีอนามัย ในดอน |
190 |
25 |
215 |
สถานีอนามัย เขาใหญ่ |
573 |
38 |
611 |
4. ปัญหา อุปสรรค
ยังพบการข้ามขั้นตอนของผู้รับบริการ โดยไม่ผ่านระบบส่งต่อ
5. การนำไปใช้ประโยชน์
การพัฒนารูปแบบการส่งต่อข้อมูลผู้ป่วยด้วยระบบ IT เช่น การใช้ internet, webcam ในการให้คำปรึกษาการดูแลผู้ป่วยด้วยระบบ online
6. การพัฒนาต่อยอด
การใช้ประโยชน์จากข้อมูลด้านสุขภาพ ควรมีการวิเคราะห์ข้อมูล และสะท้อนข้อมูล กลับมายังผู้ปฏิบัติ เพื่อการปรับปรุงแก้ไข จุดที่ยังบกพร่อง และหาโอกาสพัฒนาในส่วนที่ดีให้ที่ดียิ่งขึ้น
สวัสดีครับ CAMPING แวะมาให้กำลังใจเครือข่ายปฐมภูมิ คนทำงานแลกเปลี่ยนเรียนรู้ครับ