แต่สามีเธอก็พยายาม ปลอบใจ และให้กำลังใจเธอตลอด
พยายามสอนให้เธอใช้ประสาทสัมผัสให้มากขึ้น
ที่ทำงานของเธอกับสามีอยู่คนละทาง
แต่เขาก็ขับรถไปส่ง และไปรับอยู่เสมอ
จนวันหนึ่งสามีเธอรู้สึกเหน็ดเหนื่อยมาก
เขาจึงพูดกับเธอว่าให้เธอลองพยายามขึ้นรถเมล์ไปทำงานเอง
โดยที่เขาไม่ต้องไปรับไปส่งได้ใหม
นาทีนั้น ?.. เธอรู้สึกเหมือนโดดเดี่ยว และน้อยใจสามีเธอ
แต่เธอก็พยายามทำตามที่เขาขอ
เธอพยายามขึ้นรถเมล์เอง
พยายามไปทำงานด้วยตัวเอง
จนในที่สุดเธอก็สามารถทำได้
วันหนึ่งก่อนที่เธอจะลงรถไปทำงานตามปกติ
คนขับรถเมล์ก็เข้ามาจับแขนเธอและพูดกับเธอว่า
ผมช่างอิจฉาคุณผู้หญิงจริงๆครับ
เธอก็เลยถามว่า อิจฉาเธอเรื่องอะไร
คนขับรถเมล์ก็เลยบอกว่า .. สามเดือนที่ผ่านมา
ผมจะเห็นสุภาพบุรุษคนหนึ่งเขาจะขึ้นรถเมล์ตอนเช้ามานั่งตรงเบาะหลังคุณ
เฝ้ามองดูคุณด้วยความห่วงใย และตามคุณลงรถไป
และเฝ้าดูคุณเดินเข้าไปที่ทำงานอย่างห่วงใย
ทุกๆเย็นเขาก็จะมาเฝ้ารอดูคุณขึ้นรถและคอยดูคุณจนคุณลงรถ
พอเธอได้ยินดังนั้น เธอก็นำตาไหลด้วยความตื้นตัน..และสำนึกผิด
เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาไม่เคยทิ้งเธอไปไหน
เขายังอยู่ดูแลเธออย่างใกล้ชิด
เขาเหนื่อยยิ่งกว่าตอนที่เขาต้องคอยมารับมาส่งเธอซะอีก
เธอหวนนึกถึงคำพูด เขา ที่บ่นลอยๆ ออกมา บ่อยๆ ว่า
ชีวิตคนไม่แน่นอน อาจตายวันนี้ พรุ่งนี้ ได้ทุกเมื่อเลยนะ..
ดูอย่างคุณสิ...เมื่อวานยัง มองเห็น วันนี้ คุณมองไม่เห็นแล้ว....
เธอ คิดน้อยใจเขา มาตลอด 3 เดือน
ที่คิดว่า เขา เบื่อ รำคาญ การเป็น คนตาบอดของเธอ...
ณ วันนี้เธอรู้แล้วว่า...เขากลัวว่า วันนี้ พรุ่งนี้ เขาจะตายไป...
แล้ว เธอ จะไม่สามารถ ไปไหนมาไหน หรือมีชีวิตอยู่ เองได้ ถ้าขาดเขา
หวังว่าทุกคนที่อ่านเรื่องนี้แล้ว ช่วยกลับไปมองความรักของเราอีกทีว่า
ทุกวันนี้เรารักเขาหรือเธอแบบไหน
จงมองความรักด้วยความอ่อนโยน
แทนความคิดถึงค่ะ...^_^..
สีตะวัน