สิทธิของสตรีในอิสลาม


สิทธิของสตรีในอิสลาม

         ฐานะผู้หญิงในอิสลามนั้นมักตกเป็นเป้าโจมตีโดยกลุ่มผู้มีแนวคิดคิดแบบเซ็คคิวล่าร์(แนวคิดแยกศาสนาออกจากการเมือง)เสมอ โดยมักจะอ้างถึงเสรีภาพการเป็นมนุษย์  ในการแต่งกาย การทำงานที่เท่าเทียมกับผู้ชาย แต่จริงๆแล้ว เสรีภาพพวกนั้นไม่มีสิ่งใดนอกจากการแอบแฝงในการหาผลประโยชน์จากเรือนร่างของเธอ การลดฐานะทางจิตวิญญาณและทำลายเกียรติชื่อเสียงของเธอ ซึ่งสังคมตะวันตกเรียกร้องสิทธิในการยกฐานะของผู้หญิง แต่ตรงกันข้ามกลับทำให้เธอไม่ต่างอะไรจากเครื่องเล่นของผู้แสวงหาความสำราญ

         เรามาดูกันก่อนว่าแนวคิดที่มิใช่อิสลามในยุคอดีตนั้นเป็นเช่นไร ซึ่งพวกเธอนั้นถูกลดฐานะให้ด้อยค่าและไม่มีความหมายในสังคม และอิสลามได้เข้ามา ยกระดับฐานะของพวกเธอเช่นไร ที่ให้ชื่อแก่พวกเธอว่า "มุสลิมะฮฺ หรือผู้หญิงแห่งอิสลาม"

1. สถานภาพของผู้หญิงในอดีต

  • 1.1 อารยธรรมบาบิโลน

กฎหมายฮัมมูราบี ซึ่งแพร่หลายในดินแดนบาบิโลน  จัดให้ผู้หญิงอยู่ในกลุ่มสัตว์ที่เลี้ยงไว้ อันชี้ให้เห็นถึงระดับขอบเขตในการยกสถานะของเพศหญิง กฎหมายนี้ได้กำหนดว่าบุคคลใดก็ตามที่ได้สังหารบุตรสาวของผู้ชายคนใด เขาจะต้องมอบบุตรสาวของเขาให้ผู้นั้นสังหารเสีย หรือไม่ก็นำนางเป็นทาส หากชายผู้นั้นประสงค์จะอภัยให้ กระนั้น เขาก็มักถูกบีบบังคับให้สังหารนางเสีย เพื่อให้กฎหมายที่ถูกกำหนดไว้แล้วในเรื่องนี้ถูกนำมาปฏิบัติ

 1.2 อารยธรรมพราหมณ์

  กฎหมายพระมนู ในอินเดีย ผู้หญิงไม่มีสิทธิที่เป็นอิสระจากบิดาของนางหรือสามีของนาง ในกรณีที่บิดาและสามีของนางได้เสียชีวิตลงก็จะเป็นของบุตรชายของนาง หากบุคคลเหล่านี้เสียชีวิตทั้งหมดก็จำต้องโอนไปอยู่กับผู้ชายคนใดคนหนึ่งจากญาติสนิทของนางตามเชื้อเสีย นางไม่เคยมีอำนาจด้วยตัวของนางเองไม่ว่าในสภาพใดๆทั้งสิ้น สิทธิของนางไม่ถูกปฏิเสธโดยสิ้นเชิงในเรื่องของการทำธุรกรรมต่างๆ นางถูกปฏิเสธที่จะมีสิทธิในชีวิตที่เป็นอิสระจากสามีของนาง ฉะนั้น ชีวิตของนางจึงย่อมยุติลงในวันที่สามีของนางได้ตายจากไป ด้วยการที่นางต้องถูกเผาไปพร้อมๆกับสามีของนางบนกองเพลิงเดียวกัน

1.3 อารยธรรมกรีก

 ผู้หญิงก็ไม่ได้รับเสรีภาพและสถานะภาพในทุกๆเรื่องที่เป็นสิทธิทางกฎหมาย พวกนางต้องอยู่ในที่พักอันใหญ่โต เป็นสถานที่ที่ตัดขาดจากถนน มีหน้าต่างน้อย และถูกเฝ้าดูแลจากประตูต่างๆ โดยกรีกในยุคนั้นถือว่าผู้หญิงเป็นชนชั้นต่ำและต่ำต้อยกว่าผู้ชาย        

1.4 อารยธรรมโรมัน

เมื่ออารยธรรมของโรมันรุ่งเรืองที่สุด ผู้ชายมีสิทธิที่จะทำการใดๆก็ได้กับชีวิตของภรรยาของเขา การผิดประเวณีและการเปลือยกายเป็นเรื่องธรรมดาของชาวโรมัน

1.5 อารยธรรมอียิปต์

หลังจากการตกต่ำของอาณาจักรโรมัน(ที่ครอบครองอิยิปต์)ที่จมอยู่กับชีวิตที่หรูหราสุขสบายและความเสื่อมทราม หมกหมุ่นอยู่ในความสุขสำราญ จึงได้เกิดการแพร่หลายของความเชื่อถือในวิถีสันโดษ และความศรัทธาว่าร่างกายและผู้หญิงเป็นสิ่งสกปรก กลายเป็นว่าผู้หญิงคือความชั่วร้าย ดังนั้น การอยู่ห่างจากผู้หญิงจึงถือว่าเป็นความดีงามสำหรับผู้ที่ไม่ต้องการให้ความต้องการครอบงำเขา

1.6 อาหรับยุคก่อนอิสลาม

ในอัลกุรอานได้กล่าวถึงไว้ว่า ชาวอาหรับดูถูกเหยียดหยามผู้หญิง พวกเขาจะมีใบหน้าที่โศกเศร้าเมื่อรู้ว่าลูกที่เกิดมานั้นเป็นผู้หญิง ผู้หญิงจึงเป็นเหมือนกับชิ้นส่วนที่สามารถสืบทอดเป็นมรดกไปพร้อมๆกับทรัพย์สินและปศุสัตว์ ด้วยความอับอายนี้เองทำให้ผู้ชายบางคนถึงกับฝังทารกเพศหญิงทั้งเป็น เพราะเขาคิดว่ามันเป็นการเพิ่มค่าใช้จ่ายที่มากเกินไป

                จากอดีตที่กล่าวมาข้างต้นจะเห็นได้ว่า ผู้หญิงนอกจากจะถูกมองอย่างดูถูก เหยียดหยาม และลดคุณค่าฐานะของเธอไม่ต่างอะไรไปจากสิ่งที่ไม่มีหัวใจ ไม่มีความคิด ความรู้สึก  พวกเธอถูกมองว่าถูกสร้างมาขึ้นเพื่อความเอร็ดอร่อยของเพศชาย เพื่อรับใช้ผู้ชาย หรือไม่ก็เป็นเลวร้าย สกปรก นี่หรือคือสิ่งที่ผู้หญิงที่ได้รับในสมัยอดีต?  

                อิสลามได้ยกฐานะและให้สิทธิแก่ผู้หญิงมานานกว่า 1,400 ปีมาแล้ว ซึ่งมีผู้ที่สงสัยเกี่ยวกับเรื่องของผู้หญิงในอิสลามอย่างมากมายว่านางถูกสร้างขึ้นมาเพื่ออะไร นางมีสิทธิเสรีภาพหรือไม่ และนางมีคุณค่ามีความหมายต่อสังคมอย่างไรเป็นต้น ซึ่งทรรศนะต่างๆทั้งหลายที่ปรากฏในกุรอานและซุนนะฮฺนั้นก็เพียงพอที่จะอธิบายทุกสิ่งทุกอย่างที่เกี่ยวกับผู้หญิงในอิสลามได้อย่างครบถ้วน

                  ผู้หญิงมีสิทธิในการได้รับคุณความดีจากการทำความดีของพวกนางเช่นเดียวกับผู้ชาย ดังจะเห็นได้จากอัลกุรอานที่กล่าวไว้อย่างชัดเจนว่า "แท้จริง บรรดาผู้นอบน้อมชายและหญิง บรรดาผู้ศรัทธาชายและหญิง บรรดาผู้ภักดีชายและหญิง บรรดาผู้สัตย์จริงชายและหญิง บรรดาผู้อดทนชายและหญิง บรรดาผู้ถ่อมตัวชายและหญิง บรรดาผู้บริจาคทานชายและหญิงบรรดาผู้ถือศีลอดชายและหญิง บรรดาผู้รักษาอวัยวะเพศของพวกเขาที่เป็นชายและหญิง บรรดาผู้รำลึกถึงอัลลอฮฺอย่างมากที่เป็นชายและหญิงนั้น อัลลอฮฺได้ทรงเตรียมไว้สำหรับพวกเขาแล้วซึ่งการอภัยโทษและรางวัลอันยิ่งใหญ่" (อัลอะฮฺซาบ:35)หญิงนั้นเสมอเหมือนกับผู้ชายในการงานต่างๆที่ถูกรับรองโดยชะรีอะฮฺ รวมทั้ง   และผู้ใดกระทำในส่วนที่เป็นสิ่งดีงามทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นเพศชายหรือเพศหญิงก็ตาม โดยเขาเป็นผู้ศรัทธาแล้วไซร้ ชนเหล่านี้จะได้เข้าสวรรค์ และพวกเขาจะไม่ถูกอธรรมแม้เท่ารูเล็กๆ ที่อยู่บนหลังเมล็ดอินทผาลัม (อันนิซาฮฺ :124)

      1-สิทธิที่ได้รับในทางศาสนา                

                ผู้หญิงมุสลิมนั้นสามารถปฏิบัติข้อปฏิบัติทางศาสนาที่ต้องกระทำ(ฟัรดู) ตามหลักชารีอะฮฺและกฎเกณฑ์ข้อบังคับทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับการละหมาด ถือศีลอด การจ่ายซากาต การทำฮัจญ์และการทำความดีต่างๆและอื่นๆ ซึ่งมีส่วนน้อยเท่านั้นที่มีการปรับใช้สำหรับผู้หญิงให้แตกต่างจากผู้ชาย ทั้งนี้ด้วยข้อจำกัดทางสรีระวิทยาของผู้หญิง ดังที่อัลเลาะฮฺได้กล่าวว่า"แท้จริงเราจะไม่ให้สูญเสียซึ่งงานของผู้ทำงานคนหนึ่งคนใด ในหมู่พวกเจ้าไม่ว่าจะเป็นชายหรือหญิงก็ตาม" (อาละอิมรอน: 195)"ผู้ปฏิบัติความดีไม่ว่าจะเป็นเพศหญิงหรือเพศชายก็ตาม โดยที่เขาเป็นผู้ศรัทธา ดังนั้นเราจะทำให้เขาดำรงชีวิตที่ดี และแน่นอน เราจะตอบแทนพวกเขาซึ่งรางวัลของพวกเขาที่ดียิ่งกว่าที่พวกเขาได้เคยกระทำไว้" (อันนะหฺลฺ : 97)

                นอกจากนี้ยังมีคำของท่านศาสดาที่ทำให้ผู้หญิงผู้ศรัทธาฟังแล้วรู้สึกถึงคุณค่าของตัวเองในโลกนี้ที่ท่านกล่าวว่า "โลกดุนยาคือความเพลิดเพลิน และสิ่งที่มีค่าที่สุดคือสตรีที่ซอและฮ" (รายงานโดยมุสลิม) อีกทั้งยังมีฮะดีษมากมายที่ท่านศาสดา ซ. ล. ได้กล่าวไว้มากมายที่เกี่ยวข้องกับคุณค่าของผู้หญิง

      2-สิทธิที่ได้รับในทางสังคม

      2.1สิทธิในการได้รับการดูแลจากผู้ชาย

ในอัลกุรอานได้กล่าวถึงในซูเราะฮฺอันนิซา อายะที่ 34 ว่า "บรรดาผู้ชายคือผู้ปกครองเลี้ยงดูบรรดาผู้หญิง"  ในที่นี้ หมายถึง หน้าที่ความรับผิดชอบที่ผู้ชายต้องดูแลผู้หญิง ไม่ว่าจะเป็น แม่ของเขา พี่สาวน้องสาว ภรรยาและลูกสาว ซึ่งอัลเลาะฮฺได้กำหนดไว้เป็นภาระหน้าที่ของเขา ในการรับผิดชอบเรื่องอาหารการกิน ที่พักอาศัย การดูแลสุขภาพ เสื้อผ้า ชีวิตความเป็นอยู่ทั่วไปเท่าที่เขาสามารถ อีกทั้งอิสลามยังได้ให้ผู้ชายทำความดีต่อผู้หญิง ดังที่อัลกุรอานได้กล่าวว่า "จงอยู่ร่วมกับพวกนางด้วยดี"(อันนิซาฮ: 19)

      นอกจากนี้ยังมีฮาดิษได้กล่าวถึงเกี่ยวกับคุณความดีของผู้ชายที่เขาทำดีต่อผู้หญิง  อิบนุ อับบาสรายงานว่า ท่านเราะซูลกล่าวว่า มุสลิมคนหนึ่งที่มีบุตรสาวสองคน และปฏิบัติอย่างดีเมื่อพวกเธออยู่กับเขาหรือเขาอยู่กับพวกเธอจะได้รับสวนสวรรค์ (บันทึกโดยบุคอรีย์)

              2.2 สิทธิในการเลือกคู่ครองและการขอหย่า

อิสลามให้อิสระ เสรีผู้หญิงในการตัดสินใจเลือกคู่ครองของนาง แม้แต่พ่อแม่หรือผู้ปกครองของเธอก็ไม่ได้รับอนุญาตให้บีบบังคับหรือละเลยต่อความประสงค์ของเธอ ท่านศาสดาได้กล่าวว่า "ผู้หญิงที่แต่งงานมาก่อนแล้วมีสิทธิในตัวเธอมากกว่าผู้ปกครองของเธอ และเกี่ยวกับผู้หญิงที่ยังมิได้แต่งงานนั้น เธอจะต้องถูกถามถึงความพอใจของเธอเสียก่อน ความพอใจของเธอ คือการนิ่งเงียบของเธอ" (รายงานโดย อัลบุคอรีและมุสลิม) นอกจากนี้ผู้หญิงมีสิทธิในการขอหย่ากับสามีของนางได้ และดูแลลูกๆขณะยังเล็ก

              2.3 สิทธิในการทำธุรกรรมต่างๆและการรับมรดก

                ผู้หญิงในอิสลามมีสิทธิในการจัดการทรัพย์สินและรายได้ของตัวของพวกเธอเอง ทั้งนางยังสามารถมีส่วนร่วมในการทำสัญญาต่างๆได้ แม้ว่าจะยังไม่ได้แต่งงานก็ตาม นอกจากนี้พวกเธอยังมีสิทธิที่จะได้รับมรดกจากพ่อ แม่ และสามีของเธอด้วย

               2.4 สิทธิในการศึกษาหาความรู้

                ในเรื่องเกี่ยวกับการศึกษาทั้งผู้หญิงและผู้ชายมีสิทธิและหน้าที่เท่าเทียมกัน ซึ่งท่านศาสดาได้กล่าวไว้ว่า "การแสวงหาความรู้เป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับผู้ศรัทธาทุกคน" (รายงานโดยอิบนุมาญะฮฺ) ซึ่งผู้ศรัทธาในที่นี้หมายถึง ผู้ชายและผู้หญิง

               อาจกล่าวโดยภาพรวมได้ว่า ผู้หญิงมีสิทธิในการประกอบกิจกรรมต่างๆได้อย่างมากมายภายใต้กรอบที่ศาสนากําหนด ซึ่งอาจกล่าวได้ว่า ในสิ่งที่ศาสนากําหนดมานั้น พระองค์ต่างรู้ในความสามารถของผู้หญิงในการประกอบกิจกรรมการงานต่างๆว่าสิ่งไหนเหมาะสมหรือไม่เหมาะสมควรเป็นหน้าที่ฝ่ายชาย ทั้งนี้ล้วนอยู่ในความเป็นธรรมทั้งสิ้น

หมายเลขบันทึก: 284424เขียนเมื่อ 7 สิงหาคม 2009 23:55 น. ()แก้ไขเมื่อ 22 มิถุนายน 2012 13:02 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท