ไม่ทราบจะให้เข้าใจว่าอะไรดี


การรู้หนังสือ

"การรู้หนังสือ"  เป็นคำที่หลายคนระแคะระคายใจมานาน  เพราะเป็นคำที่กล่าวชำแรกความเป็นมนุษย์  สมเสียดศักศรีความเป็นคน  และเป็นดวงดาวของคนที่ถูกตราหน้าว่าโง่  แล้วถ้าไม่รู้หนังสือจะอยู่ยังไงหละ

  การรู้หนังสือ  เป็นสิ่งที่คนเราต้องพยายามเข้าถึงความเป็นคนอื่นให้ได้  โดยไม่สนว่าจะเป็นใครมาจากไหน  หากแต่ผู้ได้รัยยกย่องทางการศึกษาได้ชี้หนทางว่า  มีขั้นตอนให้ปฏิบัตติตามแล้วจะรู้หนังสือเอง  หนทางนั้นคือ  การศึกษา  อันคนทั้งหลายกำลังตกเป็นทาส  การศึกษา  ทำให้คนพอกพูนกิเลศให้หนาขึ้นในทุก ๆ ด้าน  และทุก ๆ กรณี กล่าวคือ  การนำความรู้มาจัดหมวดหมู่และจัดกระทำดังเช่นปัจจุบันที่เรียกว่าองค์ความรู้ตามหลักสูตรการศึกษานั้น  เป็นเพียงมายาคติที่คนกลุ่มหนึ่งตั้งขึ้นมาให้คนทั้งหลายได้ศึกษา  ลองนึกดูว่า  หนทางแห่งความรู้เหล่านั้นเปื้อนอัตตาของชนกลุ่มนั้นมากน้อยเพียงใด  คำพูดที่ว่า  "รู้หนังสือ"  นั้น  หากเป็นการรู้ในวงความคิดนี้  คงไม่ถือว่าคนไม่รู้หนังสือเป็นคนโง่  และคงไม่ยกย่องใบปริญญาบัตร  หรือวิทยฐานะต่าง ๆ ว่าเป็นของจริง  "ขีคั่นกันทำไม"  เรามีการขีดคั่น  หรือตีค่าความสูงต่ำของระดับการศึกษามากมาย  โดยไม่สนใจว่าองค์ความรู้นั้นควรค่ารึเปล่า  นั่นย่อมแสดงว่าการศึกษากำลังสร้างคนรุ่นหลังให้เป็นทาส  ใครอยากได้เงินเดือนที่มั่นคงต้องเรียนสูง  แน่หล่ะ  ความมั่นคงย่อมฟังดูมีภาษีมากกว่าคำว่าเงินเดือนสูง  ซึ่งเมื่อไม่นานมานี่เอง  ผู้เขียนได้มีโอกาสร่วมงานมุทิตาจิตอาจารย์ของข้าพเจ้าเอง  ณ  ที่ประชุมแห่งนั้น  ต่อหน้าข้าพเจ้าคือศาสตราภิชาญ  ผู้หนึ่งเป็นผู้ที่ควรค่าต่อการหาคำเปรียบนี้  แต่คงด้อยค่า  เมื่อความรู้ที่ท่านมีอาศัยการสั่งสมมาตลอดความเป็นคน

  คนเราล้วน  กิน  ขับถ่าย  สืบพันธุ์  และนอน  ได้โดยไม่มีผู้สอน  แล้วสิ่งใดที่เรียกว่าความรู้บริสุทธิ์ไม่เปื้อนหลายอัตตา  ความรู้นั้นคือ  รู้ได้ด้วยตน  หรือมองกลาย ๆ อาจเรียกว่าสัญชาตญาณก็ได้  ส่วนมากคนมองว่าสัญชาตญาณเป็นการเอาตัวรอดโดยธรรมชาติ  หากแต่ลืมมองว่า  การพัฒนาตนย่อมเป็นการนำมาซึ่งสัญชาตญาณที่สมบูรณ์  กล่าวคือคุณรู้แต่เพียงว่าเสือมีสัญชาตญาณในการขบเหยื่อ  แต่ลืมมองลงไปว่ามันจะขบแรงเพียงใด  จึงทำให้ชีวิตมันรอดจากการต่อสู้ได้  แม้มันต่อสู้กับหนูก็ตาม  ดังนั้นแล้วการฝึกฝนในสิ่งที่ตนประจักษ์  ทั้งรูปธรรมนามธรรม  ย่อมนำมาซึ่งประสบการณ์อันสั่งสมได้โดยคุณสมบัติเฉพาะของมนุษย์เอง  สิ่งนั้น  เรียกว่าความรู้  หรือ  หนังสือ  ที่ท่านทั้งหลายเรียกนั่นเอง  ดังนั้นแล้ว  ประเมินค่าไม่ได้หรอกว่า  ใคร  อะไร  ที่ไหน  เมื่อไร  อย่างไร  หนือกว่ากัน  เพราะคนตาดีย่อมเห็นในสิ่งที่คนตาบอดเห็นได้ไม่สมบูรณ์  เพราะคุณไม่ถึงพร้อมในการหลับตา  หากแต่คนตาบอดก็เห็นตรงกันกับคนตาดีเพียงบางอย่างเท่านั้น  แต่ความรู้ที่ทั้งสองมีคือความรู้ที่อยู่ในความเป็นคนเช่นกัน

เฮ้อ....เกือบหาที่จบไม่ได้.....สมองพร่องลงนิดเดียว...เพราะขี้เลื่อยประสมแกลบเยอะ...คริๆ  ลองอ่านดูครับ

 

 

 

คำสำคัญ (Tags): #การรู้หนังสือ
หมายเลขบันทึก: 282726เขียนเมื่อ 3 สิงหาคม 2009 20:15 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 08:25 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท