นโยบายเป็นแนวทางหรือกรอบที่วางไว้เพื่อการนำมาปฏิบัติซึ่งเป็นสิ่งสำคัญของนโยบายเพราะจะทำให้บังเกิดผล ช่วยแก้ปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในสังคมและเกิดการพัฒนาโดยต้องมีการตรวจสอบหรือประเมินผลความสำเร็จของนโยบาย ซึ่งแนวทางในการศึกษานโยบายได้มีตัวแบบทางทฤษฏีในการศึกษานโยบายอธิบายได้ 7 ตัวแบบดังนี้
นโยบายกำหนดขึ้นมาจากความพึงพอใจหรือผลประโยชน์ของกลุ่มชนชั้นนำหรือชั้นปกครองซึ่งเป็นชนส่วนน้อยแต่เป็นผู้ที่มีอำนาจและมีอิทธิพลในสังคม โดยมีข้าราชการเป็นผู้นำนโยบายเหล่านั้นไปสู่การปฏิบัติและผู้ได้รับผลของนโยบายมากที่สุดคือประชาชนซึ่งเป็นชนส่วนใหญ่ของประเทศ ภายใต้ความคิดที่ว่าประชาขนส่วนใหญ่เฉื่อยชา ไม่สนใจกิจกรรมทางการเมืองและไม่ได้รับข้อมูลที่ดีพอ เป็นตัวแบบที่มีลักษณะการพัฒนาจากบนลงล่างในลักษณะระบอบเผด็จการหรืออำนาจนิยม นโยบายจะสะท้อนความต้องการของชนชั้นนำซึ่งเป็นชนส่วนน้อยที่มีฐานะทางเศรษฐกิจและสังคมสูง ตัวอย่างเช่น นโยบายประชานิยม ธรรมนูญการปกครองแผ่นดิน
นโยบายมาจากผลผลิตของสถาบันทางการเมืองซึ่งประกอบด้วย สถาบันนิติบัญญัติ สถาบันบริหาร สถาบันตุลาการ สถาบันพรรคการเมืองและสถาบันการปกครองท้องถิ่น โดยมีสถาบันราชการเป็นผู้รับรองความชอบธรรมของนโยบายและเป็นผู้กำหนดแบบแผน โครงสร้างและการนำนโยบายไปสู่ปฏิบัติ ลักษณะนโยบายจะครอบคลุมประชาชนทั้งสังคม มีรัฐบาลและสถาบันหลักเป็นผู้ผูกขาดอำนาจการบังคับใช้นโยบาย ตัวอย่างเช่น พ.ร.บ.ทั้งหมด นโยบายปฏิรูประบบราชการ คำพิพากษาศาลฏีกา
เป็นนโยบายที่มุ่งเน้นผลประโยชน์สูงสุดที่มีต่อสังคม หรือประชาชนซึ่งเป็นชนส่วนใหญ่ของประเทศ นโยบายคำนึงถึงประสิทธิภาพหรือผลประโยชน์ตอบแทนต่อต้นทุนสูงสุด มีการจัดเก็บข้อมูลครบทุกด้าน วิเคราะห์ครบถ้วนเที่ยงตรงและทันสมัย โดยพิจารณาแล้วอย่างมีหลักการและเหตุผล แสวงหาทางเลือกที่สร้างสรรค์ เป็นตัวแบบที่กระตุ้นให้เกิดการพัฒนานวัตกรรมใหม่ ๆ และให้น้ำหนักกับเป้าหมายเชิงปฏิบัติการอย่างสมบูรณ์ ตัวอย่างเช่น สนามบินสุวรรณภูมิ ท่าเรือน้ำลึกแหลมฉบัง
นโยบายมาจากผลของการต่อสู้แข่งขันระหว่างกลุ่มต่าง ๆ ในสังคม กลุ่มที่มีผลประโยชน์รวมกันหรือผลประโยชน์เป็นไปในทิศทางเดียวกันจะรวมตัวกันเป็นกลุ่มเพื่อกดดันและเรียกร้องรัฐบาลอย่างเป็นทางการและไม่เป็นทางการ นโยบายมาจากกลุ่มที่มีอิทธิพลมากกว่าหรือได้รับความสำเร็จหรือมีเสียงข้างมาก รัฐและรัฐบาลมีบทบาทเป็นเพียงผู้ประนีประนอม ไกล่เกลี่ย หรือกำหนดกฎ กติกา เป็นผู้บังคับใช้หรือรับนโยบายไปปฏิบัติ
นโยบายมาจากการตอบสนองทางการเมืองที่มีแรงกดดันมาจากสภาพแวดล้อมซึ่งเป็นปัจจัยนำเข้า ( Input ) ทั้งภายในระบบสังคมและนอกระบบสังคม เป็นความต้องการที่หลากหลาย ข้อเรียกร้อง หรือแรงสนับสนุน ที่ผ่านกระบวนการคัดเลือกหรือตัดสินใจสู่ปัจจัยนำออก( Output ) ซึ่งข้อตัดสินใจหรือการกระทำอาจมีผลกระทบหรือเกิดการเรียกร้องเพิ่มมากขึ้น จึงต้องมีกระบวนการป้อนกลับ ( Feedback ) เพื่อพิจารณาหรือเข้าสู่ระบบการเมืองอีกครั้ง นโยบายจึงมีลักษณะค่อนข้างเป็นระบบ ที่ต่อเนื่องเป็นวงจร นโยบายเป็นผลผลิตจากระบบการเมือง ให้ความสำคัญกับโครงสร้างของระบบกับสภาพแวดล้อมว่าจะเอื้ออำนวยหรือเป็นอุปสรรคต่อการปฏิบัติงานของระบบให้มีประสิทธิภาพหรือไม่เพียงใด ตัวอย่างเช่นพ.ร.บ.สิขสิทธิ์ 2527 พ.รบ.การศึกษาแห่งชาติ 2542
นโยบายมาจากผลลัพธ์ของกิจกรรมทางการเมืองหรือกระบวนการและพฤติกรรมทางการเมืองมีขั้นตอนนโยบายมาจากการะบุถึงปัญหา, การเรียนร้อง ( ปัญหา ) สร้างระเบียบวาระ ( จำแนกลักษณะของปัญหา ) สร้งข้อเสนอนโยบายหรือจัดทำทางเลือกนโยบาย ( ข้อเสนอเพื่อแก้ปัญหา ) การให้อำนาจกับนโยบาย ( การเลือก,สนับสนุน ให้ความเห็นชอบหรือกำหนดออกมาเป็นกฏหมาย ) การลงมือปฏิบัติตามนโยบาย ( แผนงาน, โครงการต่าง ๆ ) และการประเมินผล ( ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นกับวัตถุประสงค์ซึ่งเป็นข้อมูลย้อนกลับ) ลักษณะนโยบายจะเป็นกระบวนการหรือเป็นลูกโซ่ นโยบายจะไม่ได้ให้ความสำคัญกับโครงสร้างระบบแต่เน้นกระบวนการที่ทำให้เกิดการพัฒนา การปฏิบัติและการเปลี่ยนแปลงของนโยบาย
นโยบายมีลักษณะการกระทำที่ต่อเนื่องมาจากอดีต มีการปรับปรุงหรือเปลี่ยนแปลงเพียงบางส่วน เป็นการสานต่อหรือยอมรับนโยบายเดิม และให้ความสนใจนโยบายหรือโครงการใหม่เพียงเล็กน้อย นโยบายลักษณะนี้จะมีผลกระทบน้อย ประชาชนยอมรับ
เหล่านี้คือตัวแบบที่สามารถนำมาวิเคราะห์ลักษณะของนโยบายต่าง ๆ ที่ปรากฏอยู่อย่างไรก็แล้วอาจมีนโยบายหลายนโยบายที่มีลักษณะการผสมผสานตัวแบบหลายตัวแบบเข้าด้วยกันทั้งนี้การกำหนดนโยบายจะมีลักษณะอย่างไรก็ตามการนำนโยบายสู่การปฏิบัติจะเป็นสิ่งสำคัญที่จะก่อให้เกิดการพัฒนาหรือเปลี่ยนแปลง
ไม่มีความเห็น