จากเหนือสุดสู่ใต้สุดแดนสยาม กลับมองข้ามผ่านคนยากใกล้ตัว


บางครั้งก็น้อยใจแทนเขาเหมือนกันเมื่อดูภาพข่าว คนในสังคมทุกระดับ ทุกชนชั้น ไปช่วยเหลือคนไทยในที่อื่น ๆ แต่กลับลืมคนที่อยู่แค่ปลายจมูก คนที่ เวลามีขบวนเสด็จขับผ่าน สนามหลวงหรือคลองหลอด จะชะเง้อมองพนมมืออย่างเคารพบูชาสุดเศียรสุดเกล้า หรือขบวนบุคคลสำคัญในรัฐบาลคนอื่น ๆ ผ่าน ก็จะ ยืนตัวตรงแสดงความเคารพ โดยที่ ไม่เคยมีใครรับรู้หรือเหลียวมองคนกลุ่มนี้เลยแม้แต่น้อย

จากเหนือสุดสู่ใต้สุดแดนสยาม กลับมองข้ามผ่านคนยากใกล้ตัว

มองภาพข่าวการที่อาสาสมัครคนกรุงหลายคนหลายองค์กรออกเดินทางไปเป็นอาสาสมัครในถิ่นที่เรียกว่า ทุรกันดาร ไปทั้งเมืองเหนือสูงสุดปลายดอย บุกเข้าไปในป่า ลอยทะเลไปกลางเกาะ เพื่อไปทำงานที่เขาเชื่อและเรียกมันว่า อาสาสมัคร ?? โดยที่ในอีกมุมหนึ่งคนกรุงเหล่านี้ กลับมองข้ามผ่านบางสิ่งบางอย่างที่อยู่ใกล้ ๆ กับถิ่นที่เขาอยู่กันเอง ?? กรุงเทพมหานคร

กรุงเทพมหานครมหานครที่มีชื่อเสียงระดับโลก ที่เป็นศูนย์รวม ศูนย์กลางของการบริหารหลายสิ่งหลายอย่าง ที่มีสถานที่สำคัญของสามสถาบันชาติตั้งอยู่ มีพระบรมมหาราชวัง มีรัฐสภา มีศาลฏีกาสูงสุด มีกระทรวง ทบวง กรม ต่าง ๆ รวมกันอยู่ที่นี่ และในขณะเดียวกันกับที่มีสิ่งเหล่านี้อยู่ กรุงเทพมหานคร ก็มีคนรากหญ้ารากฝอย อยู่ในที่แห่งเดียวกันนี้ด้วย ??

แทบทุกพื้นที่ของที่สาธารณะในเขตเมืองหลวงแห่งนี้จะคราคร่ำไปด้วยผู้คน ที่ได้รับการขนานนามจากนักวิชาการ จากภาคราชการ จากสื่อมวลชน จากคนทั่วไป ไปต่าง ๆ นานา คนเร่ร่อนบ้าง คนไร้บ้านบ้าง คนเร่ร่อนไร้บ้าน ไปจนถึงบางคนเรียกว่าคนจรจัด ?? เราเองก็ใช่ย่อยพยายามสร้างวาทกรรมใหม่ที่เวลาแปลออกมาเป็นภาษาอังกฤษดันไปถูกตาต้องใจเข้าว่า ผู้ที่ใช้ชีวิตในที่สาธารณะ ...

ไม่ว่าจะเรียกขานเขาอย่างไรก็ตาม เชื่อหรือไม่ว่า คนกลุ่มนี้ ไม่เคยได้รับการเหลียวแลเอาใจใส่อย่างจริงจัง หรือ ปฏิบัติกับเขาเหมือนคน ๆ หนึ่งที่มีสิทธิ์มีเสียงเท่ากับคนอื่น ๆ แต่กลับได้รับการยัดเยียดความช่วยเหลือผ่านมาตรการที่รัฐเป็นคนคิดค้นการให้ความช่วยเหลือขึ้นมาเอง ไล่ตั้งแต่ การไล่กวด กวาดจับ ไล่ต้อนมาลงทะเบียน จับขึ้นรถ พาไปอยู่ที่ ๆ เรียกกันว่า สถานสงเคราะห์คนไร้ที่พึงบ้าง บ้านกึ่งวิถีบ้าง และที่สำคัญที่กล่าวถึงเรื่องนี้ทีไรอดที่จะกล่าวถึงไม่ได้ คือการจับแยกคน แยกครอบครัวออกจากกัน พ่อไปทาง แม่ไปทาง ลูกไปทาง อ้างว่าเพื่อง่ายต่อการดูแล แต่ ไม่นึกถึงความเป็นครอบครัว

บางครั้งก็น้อยใจแทนเขาเหมือนกันเมื่อดูภาพข่าว คนในสังคมทุกระดับ ทุกชนชั้น ไปช่วยเหลือคนไทยในที่อื่น ๆ แต่กลับลืมคนที่อยู่แค่ปลายจมูก เวลามีขบวนเสด็จขับผ่าน สนามหลวงหรือคลองหลอด จะมีคนชะเง้อมองพนมมืออย่างเคารพบูชาสุดเศียรสุดเกล้า หรือขบวนบุคคลสำคัญในรัฐบาลคนอื่น ๆ ผ่าน ก็จะ ยืนตัวตรงแสดงความเคารพ โดยที่ ไม่เคยมีใครรับรู้หรือเหลียวมองคนกลุ่มนี้เลยแม้แต่น้อย แต่ในขณะเดียวกัน หากมีงานอะไรสำคัญ ๆ ที่ต้องใช้พื้นที่สาธารณะต่าง ๆ ในเขตกรุงเทพมหานคร คนกลุ่มนี้ จะเป็นกลุ่มแรก ๆ ที่จะต้องมีการจัดการให้ ออกไปจากพื้นที่ที่เขากินอยู่หลับนอนเติบโตที่นี่ ?? เพียงเพื่อจัดฉากต้อนรับแขก ?? หรือ เมื่อใดพ่อเมืองกรุงเทพมหานคร อยากจะแสดงผลงาน แสดงพละกำลังแสดงอำนาจ การประกาศจัดระเบียบพื้นที่สาธารณะดูจะเป็นสีสันแรก ๆ ที่ พ่อเมืองแต่ละคน จะลงมือทำอย่างไม่ค่อยจะรีรออะไร ??

และเมื่อย้อนกลับมาพูดถึงงานอาสาสมัครที่จะหาคนลงมาทำงานแบบจริงจังไม่ฉาบฉวย ยิ่งหายากกันเข้าไปใหญ่ เพราะ เมืองหลวงแห่งนี้ ไม่มีภูเขาสูง ๆ ให้นั่งถ่ายรูปมาอวดเพื่อน ไม่มีอากาศดีดี ไม่มีเสียงน้ำตก  ไม่มีป่าไม้ ที่จะมีแรงดึงดุดพอจะให้คนที่อ้างจิตอาสามาทำงานกับพวกเขา มีเพียง ซากอารยะธรรมที่ ความเจริญกระแทกจิตวิญญาณของคน ๆ หนึ่งที่หอบหิ้วความหวังมาจากแดนที่ห่างไกลออกไป จนมาพบความพ่ายแพ้ที่นี่ หรือบางคนก็ หนีความซ้ำซากจำเจจากความเจริญทางวัตถุที่บ้านที่จากมา มาหาความจริงใจ รอยยิ้มจากเพื่อนพ้องที่กินและนอนด้วยกันที่ข้างถนน มีแต่กลิ่นขี้กลิ่นเยี่ยวตลบอบอวลไปทั่ว แต่ที่มีอย่างหนึ่งที่ คนในเมืองที่ไม่เคยมาที่สนามหลวงจะไม่มีโอกาสได้สัมผัส คือ ความเงียบสงบ ลมเย็น ๆ เมื่อนั่งกลางสนามหลวง ใครจะเชื่อว่า เมื่ออยู่กลางสนามหลวง บรรดาเสียงรถยนต์ ที่วิ่งกันขวักไขว่ จะมีเพียงเสียงแว่ว ๆ แถมยังมีลมเย็น ๆ ที่พัดมาเป็นระยะ ๆ ให้ได้หลับได้นอนอย่างมีความสุข ???

จะมีซักกี่คน ที่ใช้เส้นทางผ่านสนามหลวงคลองหลอดบ่อย ๆ จะหยุดรถ แล้วลงเดินมาทักทาย พลเมืองไทย ประชาชนอีกกลุ่มที่ อยู่ในประเทศเดียวกันกับเรา เพื่อให้ได้รับรู้กันและกันว่า ต่างฝ่ายต่างยังมองเห็นกัน ไม่ได้ลืมเลือนกันไป ???

ใครที่พอมีเวลา หนึ่ง หรือสองวัน ในแต่ละสัปดาห์ โดยเฉพาะวันอังคารและวันศุกร์ เวลาตั้งแต่ สี่โมงเย็น. เป็นต้นไปจนห้าทุ่มเที่ยงคืน อาจจะแวะมาที่คลองหลอด มาพบกับอาสาสมัครกลุ่มเล็ก ๆ ที่ยังลงมาเรียนรู้ด้วยความสุขและสนุกในสิ่งที่ทำกันมาอย่างต่อเนื่องยาวนานหลายปี แล้วคุณเองอาจจะค้นพบความหมายอะไรบางอย่างของเมือง ของประเทศนี้ ที่คุณเคยเชื่อว่า คนด้อยโอกาสจะอยู่ในที่ ที่ห่างไกลความเจริญอย่างเมืองหลวงแห่งนี้เพียงเท่านั้น

ก่อนนอนวันนี้ คุณลองมองออกไปที่นอกหน้าต่างบ้านของคุณสิว่า ยังมีใครที่ต้องนอนขดตัวใต้ผ้าผืนเก่า ๆ ขาด ๆ หรือไม่ และถ้าคุณมีผ้าห่มของคุณเองที่คร่ำคร่าแล้ว คุณไม่ต้องทิ้งหรอก เช้าวันรุ่งขึ้น แค่ พับผ้าผืนนั้นแล้วเดินเอาไปให้เขา เท่านี้ คุณก็สร้างความสุขให้สังคมร่วมกับเราได้แล้ว มันไม่ได้ยาก แต่ อยู่ที่ว่า เริ่มแล้วหรือยัง

หมายเลขบันทึก: 279174เขียนเมื่อ 22 กรกฎาคม 2009 21:20 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 21:07 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

มันจะยังเป็นปํญหาต่อไป ถ้าไม่ตอบความต้องการของคนที่เขาจะช่วยเหลือ เช่น ชื่อเสี

ได้มีโอกาสไปเก็บข้อมูลกับน้องนที หรือหมอที่คนสนามหลวงและคนขายบริการที่ริมคลองหลอด ไปเดินไปใช้ชีวิตอยู่กับคนสนามหลวง ไปเรียนรู้ทำความเข้าใจถึงจิตใจของคนกลุ่มนั้น ลองซิแล้วคุณจะเข้าใจชีวิตอีกด้านหนึ่ง ชีวิตของคนอีกกลุ่มหนึ่งที่คุณเองก็อาจจะไม่เคยได้รู้มาก่อน...ลองไปนั่งมอง เดินดู ด้วยใจอีกใจหนึ่งที่ไม่ใช่หยามเหยียด ไม่ใช่ดูถูก ไม่ใช่มองด้วยความสงสารเวทนา ไม่ใช่มองด้วยความสมเพท ไม่ใช่มองด้วยการเปรียบเทียบเหยียดหยัน แต่มองด้วยความเข้าใจชีวิตของพวกเขาเหล่านั้น แล้วคุณจะพบว่า ชีวิตคุณเอง ไม่ได้แตกต่างจากคนกลุ่มนั้นเลย เพราะเขาจะสะท้อนเรื่องราวของชีวิต มุมของชีวิตให้คุณเห็น...ให้คุณได้สัมผัส....

เมื่อได้ไปเข้าใจ เรียนรู้คุณจะเข้าใจชีวิตของตัวคุณเองที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น

สอบถามหน่อยนะคับพี่ มีคนที่เขาไม่ต้องการคุยกับเรา หรือไม่ต้องการให้เราไป

รบกวนบ้างหรือป่าวคับ หรือว่าทุกคนมีความยินดีที่จะคุยกับเหล่าอาสาสมัคร

ตอบนะค่ะ

แรก ๆ ก็คงมีล่ะค่ะ

ถ้าคุณแปลกหน้า

แต่ พี่ ๆ เขาทำงานในพื้นที่กันมานาน

เชื่อมให้เราได้คุญง่ายและเร็ว ค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท