การดึงพลังศักยภาพที่แฝงอยู่ภายในด้วยตัวเอง "ไร้ขีดจำกัด"


คนเรานี้มีพลังศักยภาพที่แฝงอยู่ภายใน "ไร้ขีดจำกัด"
          คนเรานั้น ใช้พลังศักยภาพประมาณ 7 % ของพลังศักยภาพที่มีอยู่
ดังนั้นถ้าเราสามารถใช้ได้มากขึ้นอีกเพียง 2 – 3 %  เราจะทึ่งในมหัศจรรย์ต่อการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ในชีวิต !!!

          คนที่เดินเฉื่อย ๆ ทำงานช้า ๆ สามารถดึงพลังศักยภาพในส่วนที่เป็นพลังชีวิตออกมาให้ทำงานด้วยความกระตือรือร้น คล่องแคล่ว ว่องไวได้ในเวลาอันสั้น

          คนที่เคยคิดว่าความจำเสื่อมแล้ว เดี๋ยวก็ลืมนี่ เดี๋ยวก็ลืมนั่น สามารถดึงพลังศักยภาพในส่วนที่เป็นความจำออกมาใช้  ซึ่งช่วยให้มีความสามารถจำได้อย่างแม่นยำภายในเวลาฝึกเพียงไม่กี่ชั่วโมง  แม้แต่ตัวอักษรภาษาจีนซึ่งยังไม่เคยเรียนมาก่อน แม้คนที่รู้ตัวอักษรจีนอยู่แล้ว ก็ยังกลัวที่จะจำตัวอักษรจีน แต่พอดึงพลังศักยภาพออกมาแล้วสามารถจำได้ 40 – 50 ตัวอักษรภายในเวลาไม่ถึง 1 ชั่วโมง ซึ่งเป็นเรื่องเหลือเชื่อ !!!

          คนที่ขาดทักษะในด้านการสื่อสารกับผู้คน สามารถดึงพลังศักยภาพให้สร้างความรู้จักมักคุ้นกับผู้คนได้อย่างสะดวกรวดเร็วภายในเวลาไม่กี่นาที แต่เดิมมาเคยเป็นคนที่ไม่ชอบเข้าสังคม  แต่พอดึงพลังศักยภาพด้านการสื่อสารด้วยตัวเองได้แล้ว กลับกลายเป็นคนที่ชอบสังคมอย่างน่าทึ่ง กลายเป็นผู้มีอุปนิสัยชอบสร้างมิตร และสามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นอย่างมีความสุขยิ่งขึ้นกว่าแต่ก่อน ๆ

          คนที่มีอาการเจ็บปวดตามร่างกาย และต้องหาหมอเป็นประจำ ต้องกินยาแก้ปวดเป็นประจำ ก็ยังไม่หาย  แต่พอดึงพลังศักยภาพด้วยตนเองได้แล้ว ก็สามารถบำบัดอาการเจ็บปวดเหล่านั้นด้วยตัวเอง ได้อย่างมีประสิทธิผลมากภายในเวลาสั้น ๆ

          นักเรียนที่มีผลการเรียนไม่เคยดีมาก่อน สามารถดึงพลังศักยภาพออกมาช่วยการเรียน กลายเป็นนักเรียนเด่นในโรงเรียน ซ้ำยังสามารถสอบชิงทุนรัฐบาลไปเรียนต่อในต่างประเทศได้สำเร็จอีกด้วย

          ท่านผู้อ่านผู้มีเกียรติครับ ที่กล่าวมานี้เป็นเพียงส่วนเล็กน้อยของเรื่องเล่า ว่าด้วยการดึงพลังศักยภาพออกมาด้วยตัวเอง  ของบุคคลหลาย ๆ ท่านที่ทำได้มาแล้ว  จึงขอแลกเปลี่ยน แบ่งปันความรู้ด้วยข้อคิดเห็น หรือด้วยประสบการณ์ของท่านทั้งหลาย เพื่อใช้เป็นข้อมูลไว้เขียนในตอนต่อไปครับ ขอขอบคุณไว้ล่วงหน้าครับ

          เมื่อเราได้ร่วมกันเดินทางมาถึงตรงนี้แล้ว บางท่านอาจคิดสนใจต่อไปอีกว่า แล้วจะทำอย่างไรล่าจึงจะได้ผลลัพธ์ตามตัวอย่างที่กล่าวมานี้สักอย่าง หรือหลาย ๆ อย่าง เอาละครับ หากท่านสนใจที่จะอ่านต่อไป ผมก็ขอแนะนำอย่างง่าย ๆ กล่าวโดยสรุป อย่างเป็นขั้นเป็นตอน คือ

          1. เริ่มด้วยการปลุกพลังชีวิตในตัวเองให้ตื่น !!! เมื่อพลังชีวิตในตัวเราตื่นแล้ว เรา

จะรู้สึกกระปรี้กระเปล่า กระฉับกระเฉง เกิดพลังวังชาทางร่างกายและจิตใจขึ้นมาอย่างเหลือเชื่อ และแน่นอนมันช่วยให้เราสามารถดึงพลังศักยภาพที่แฝงอยู่ด้วยตัวเองได้สะดวกขึ้นด้วย

          2. เราต้องไม่ยึดติดอยู่กับประสบการณ์ในอดีต นวัตกรรมทางความคิดทั้งหลาย และสิ่งประดิษฐ์ใหม่ ๆ ทั้งหลาย ก็จะเกิดขึ้นไม่ได้หากเรายึดติดอยู่กับประสบการณ์ในอดีต เครื่องบินซึ่งทำด้วยโลหะหนักมากสามารถบินได้อย่างไร ?  โทรศัพท์มือถือไร้สายเกิดขึ้นมาได้อย่างไร ? อินเตอร์เน็ตไร้สายเกิดขึ้นมาได้อย่างไร ? ก็ฉันนั้น ถ้าเรามัวยึดติดอยู่กับประสบการณ์ในอดีต สิ่งประดิษฐ์ดี ๆ เหล่านี้จะไม่มีวันเกิดขึ้นมาเลย ใช่ไหมครับ ?

          3. เอาชนะสิ่งปิดกั้นทางจิตใจ 5 ประการ ความกลัวต่อความล้มเหลวก็ตาม ความเชื่อหรือทัศนคติที่ติดลบก็ดี ความบาดเจ็บฝังใจก็ดี สภาวะจิตสมองที่ไม่สนับสนุนก็ดี ความเฉื่อและความไม่พร้อมทางร่างกายก็ดี ล้วนเป็นสิ่งขัดขวางต่อความสำเร็จทั้งนั้น

          4. 6 มาตรการ เพื่อดึงดูดสิ่งที่พึงปรารถนาของเรา ในขั้นแรกคือขอ ถาม หรือเคาะให้ชัดเจนว่าสิ่งที่เราต้องการจริง ๆ นั้นคืออะไร ? เชื่อให้มั่นใจว่าสิ่งที่ปรารถนานั้นสามารถเกิดขึ้นได้แน่ ๆ และรับด้วยใจให้ได้ว่าสิ่งที่พึงปรารถนานั้นได้อยู่ในครอบครองแล้ว ชาร์จพลังชีวิตให้รู้สึกตื่นเต้นกับความสุขในสภาวะนั้น ฯลฯ

          5. ไขกุญแจลับสู่ความสำเร็จ ลงมือทำบางสิ่งบางอย่าง อย่างหนักหน่วง ทุ่มเท และทำในทันที ตรวจสอบดูว่าสิ่งที่ทำอยู่นั้น นำพาให้เข้าใกล้เป้าหมายหรือไม่ ปรับเปลี่ยนวิธีการ จนกว่าจะพบวิธีที่ใช้ได้ผล และทำอย่างต่อเนื่องจนกว่าบรรลุผลลัพธ์

           ท่านผู้อ่านผู้มีเกียรติครับ เมื่อเรามาถึงตอนนี้แล้ว หากท่านยังไม่แน่ใจว่าจะทำให้ได้นั้นต้องทำอย่างไร ? จะจำเรื่องที่ทำได้อย่างอัตโนมัติได้อย่างไร ?  และจะทำความเข้าใจให้ดียิ่งขึ้นได้อย่างไร ? นั้น  ขอให้ท่านพิจารณารายละเอียดเพิ่มเติมได้จาก :

           http://www.tpif.or.th/course/pdf/A/A09AY029D.pdf

           สนใจสอบถามเพิ่มเติม โปรดติดต่อผู้ประสานงาน  โทร. 08-1668-4800



ความเห็น (2)

สวัสดีครับ คุณสาโรจน์

ทรรศนะชีวิต เป็นสิ่งสำคัญต่อชีวิตอย่างมาก เพราะบุคคลมีทัศนะชีวิตอย่างใด เขาย่อมดำเนินชีวิตอย่างนั้น การได้ทรรศนะชีวิตอันถูกต้องที่พระพุทธเจ้าทรงเรียกว่า สัมมาทิฐินั้น จัดเป็นลาภอันประเสริฐเพราะอาศัย สัมมาทิฐินั้น เขาย่อมดำเนินชีวิตไปในทางสว่าง สงบ และเป็นสุข ถ้าอาศัยมิจฉาทิฐิเป็นสิ่งนำแล้ว เขาย่อมดำเนินชีวิตไปในทางมือ วุ่นวาย และเป็นทุกข์ ทรรศนะชีวิตที่ดี จึงมีอุปการะต่อชีวิตอย่างสุดจะพรรนาได้ การได้ฟังบ่อยๆ ซึ่งสิ่งที่ถูกต้อง หรือทางทีดีงาม การกระตุ้นจากสิ่งภายนอกให้มีความนึกคิดไปทางนั้น โดยเฉพาะการไฟ้ยินได้ฟังเสมอๆซึ่งคำสั่งสอนที่ดีจากกัลนาณมิตร การใช้ความคิดถูกวิธี การรู้จักคิดอย่างมีเหตุผล การคิดหน้าคิดหลังอย่างรอบคอบ สาวไปยังต้นตอ และมองไปให้ไกล ในผลได้ผลเสียอันจะเกิดขึ้นภายหลัง มองปัญหาหลายด้าน วิเคราะห์ปัญหาให้เห็นข้อมูลตามความเป็นจริง คงจะเพิ่มพลังให้ชีวิตให้ตังเองได้มากขึ้นครับ

ขอขอบคุณครับที่ให้ความรู้ให้แนวคิด

ขอบคุณมากครับ

เห็นด้วยอย่างยิ่งกับอาจารย์ และอาจารย์เดชา

อาจารย์ทำให้ผมคิดว่า ผมมาเป็นแฟนคอลัมน์อาจารย์ช้าไปนิดครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท