บทเรียนของแม่ที่เกือบทำให้ลูกต้อง ....


ใครจะนึกอันตรายในอีกรูปแบบของ .. บันไดเลื่อน

เรื่องหวาดเสียวของธรณ์บทเรียนของแม่  ที่เกือบทำให้ลูกต้อง .....   ( 22 มี.ค. 51 )

วันนี้ (22 มี.ค.51)   คุณพ่อ  คุณแม่   พี่ทอง (พี่เลี้ยง)  พาธรรศกับธรณ์ไปตึก  SCB   หลังจากทานอาหารที่ เอส แอนด์ พี แล้ว        ก็เดินมาทางด้านร้านคาเฟ เดอ ตู      คุณพ่อแวะกด ATM อยู่        คุณแม่   พี่ทอง  ธรรศ  และธรณ์ก็เดินเลยมา

ซึ่งบริเวณหน้าร้านคาเฟ เดอ ตู   จะมีบันไดเลื่อน   และมีเคาเตอร์วางกล่องรับบริจาคเงินของหลายๆ แห่ง      ธรรศจะขอหยอดเงินที่กล่องรับบริจาค  แม่เลยหยุดเดินเพื่อหยิบเงินให้ธรรศ     ส่วนธรณ์และพี่ทองเดินล้ำหน้าไปแถวใกล้บันไดเลื่อน     พอแม่หันไปมองอีกทีแม่เห็นธรณ์ยืนอยู่ข้างบันไดเลื่อน  (ไม่ใช่ตรงบันไดที่จะเลื่อนขึ้นข้างบน   แต่เป็นด้านนอกของบันได)   ยื่นมือไปที่ราวของบันไดเลื่อน      และเพราะธรณ์เอามือจับราวบันไดไว้    ตัวของธรณ์ก็เลยเลื่อนขึ้นไปกับราวบันไดเลื่อน   (บันไดเลื่อนจากโถงชั้น 1 ไปชั้น 2   มันสูงใกล้เคียงกับสะพานลอยคนข้ามถนนเลย)

ภาพที่เห็นในวินาทีถัดมาคือ   ตัวของธรณ์เลื่อนตามราวบันไดขึ้นไปเรื่อยๆ   คือตัวห้อยต่องแต่งอยู่ด้านนอกของบันไดเลื่อน    โดยที่ข้างล่างคือพื้น     ถ้าธรณ์ปล่อยมือก็คือตกลงมาที่พื้น

แม่เองก็ตกใจ  หลุดปากเรียกชื่อธรณ์ออกมาคำหนึ่ง    พี่ทองที่อยู่ใกล้ที่สุดก็ตกใจทำอะไรไม่ถูกเหมือนกัน   จะจับตัวธรณ์ออกจากราวบันไดเลื่อน  ตัวธรณ์ก็เลื่อนขึ้นไปแล้ว

วินาทีนั้นมีเวลาให้ตั้งสติน้อยเหลือเกิน    สิ่งที่แม่คิดว่าน่าจะทำได้ดีที่สุดคือ

- บอกให้พี่ทองวิ่งขึ้นบันไดเลื่อนตามธรณ์ไป       เพราะพี่ทองอยู่ใกล้ทางขึ้นแค่ 2 -  3   ก้าว    เผื่อว่าจะทัน  แม่อยู่ในจุดที่ไกลกว่า     เพราะถ้าไม่บอกพี่ทองก็อยู่ในอาการตกใจทำอะไรไม่ถูก   ตอนแรกพอไปยืนที่บันไดเลื่อน ก็ยืนเฉยๆ    แม่ต้องบอกซ้ำอีกทีว่า ให้วิ่งขึ้นบันไดเลื่อน    เพราะถ้ายืนเฉยๆ  ยังไงก็ไม่ทันธรณ์ที่อยู่สูงกว่า

- ตัวแม่เองไปยืนอยู่ในจุดที่ตรงกับธรณ์  (ธรณ์อยู่ข้างบน แม่อยู่ข้างล่าง)   สายตาเล็งอยู่ที่ธรณ์และขยับตัวตามธรณ์ไปเรื่อยๆ      เพราะถ้าธรณ์ปล่อยมือตกลงมาจากราวบันไดเลื่อน  จะได้รับธรณ์ได้    หรือถ้ารับไม่ได้  อย่างน้อยตกลงมาทับที่ตัวแม่ก็ยังดีกว่าตกลงมาที่พื้น   

- แม่ปิดปากสนิท   ไม่เรียกชื่อธรณ์เลย     เพราะกลัวว่าถ้าเรียกชื่อธรณ์แล้ว    ธรณ์อาจนึกว่าแม่ให้กระโดดลงไปหา  

ตอนที่บันไดเลื่อนๆ ขึ้นสูงไปเรื่อยๆ นั้น  แม่เห็นธรณ์หน้าเสีย   แต่ไม่ร้องไห้   สายตามองมาที่แม่ตลอด   ขาของธรณ์ก็ยันขอบบันไดเลื่อนไปเรื่อยๆ ถูกบ้างผิดบ้าง   แต่มือซ้ายเกาะราวบันไดอยู่เพียงข้างเดียว   คือ อยู่ในสภาพโหนตัวด้วยแขนซ้ายข้างเดียว   แม่ก็ได้แต่ภาวนาว่า ให้ธรณ์เกาะราวบันไดเลื่อนไว้แน่นๆ     ตาของแม่เล็งอยู่ที่ธรณ์เป็นจุดเดียว  ส่วนขาของแม่ก็ขยับตามธรณ์ไปเรื่อยๆ

สุดท้ายพี่ทองตามธรณ์ไปทันช่วงเลยกึ่งกลางของความยาวบันไดเลื่อนไปแล้ว   ก็เลยจับแขนธรณ์ไว้    พอบันไดเลื่อนถึงชั้น 2   รภป.  ที่อยู่แถวหนาบันไดเลื่อนชั้น 2   ก็ช่วยอุ้มธรณ์ขึ้นมา

... ยังดีที่ธรณ์ไม่กลัวจนร้องไห้  หรือปล่อยมือตกลงมา  

... ยังดีที่สถานที่นั้นคนไม่มาก  ถ้าคนมาก   เสียงจากคนรอบข้างก็อาจทำให้ธรณ์ตกใจ

... ยังดีที่แม่ยังพอมีสติอยู่บ้าง    เพราะถ้าแม่ขาดสติร้องกรี๊ดกร๊าดอยู่ข้างล่าง         ธรณ์ที่มองแม่อยู่

    ตลอดเวลา   คงตกใจเหมือนกัน   หรือถ้าแม่ตะโกนเรียกธรณ์  ธรณ์จะปล่อยมือเพราะคิดว่าแม่

    เรียกให้ลงมารึเปล่านะ

 

แม่ไม่ได้ว่าอะไรพี่ทองเลย   เพราะแม่รู้ว่าเรื่องแบบนี้ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น   พี่ทองก็ไม่ได้ทิ้งน้อง   อยู่ห่างธรณ์เพียง 5 ก้าว   ถ้าเป็นแนวระนาบก็คงตามทัน     แต่นี่บันไดเลื่อนมันเลื่อนสูงขึ้นไป     พี่ทองก็เลี้ยงธรณ์มาตั้งแต่ธรณ์อายุ 7 เดือนเศษ   พี่ทองก็รักธรณ์เหมือนๆ ที่พ่อกับแม่รักนั่นแหละ     ถ้าจะว่าก็คงต้องว่าตัวแม่เองที่ขาดความระมัดระวัง   (จริงๆ แล้วต้องบอกว่า นึกไม่ถึงมากกว่า   ธรณ์เองก็คงนึกไม่ถึงเหมือนกันว่าการเกาะราวบันไดเลื่อนจะเป็นอย่างไร)    ต่อไปในภายหน้าถ้าลูกได้มาอ่านเรื่องนี้  แม่ก็อยากบอกว่า   แม่ขอโทษลูกนะครับ  

เรื่องที่เล่าให้นี้ต้องบรรยายค่อนข้างยาวจึงจะเห็นภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น    แต่จริงๆ แล้วมันเกิดขึ้นในช่วงเวลา 1 - 2  นาทีเท่านั้น     แต่เป็น  1 - 2 นาที  ที่ยาวนานสำหรับแม่  โดยเฉพาะตอนที่แม่เห็นธรณ์เลื่อนตามราวบันไดขึ้นไปเรื่อยๆ     จะเรียกว่าเป็นบทเรียนชีวิตก็ว่าได้    บทเรียนที่เกือบทำให้ลูกบาดเจ็บ   หรือถ้ามากกว่านั้นก็ .... 

ที่เล่ามาก็เพื่อให้ผู้ที่ได้อ่านพึงระวังอันตรายที่อาจเกิดขึ้นกับลูกหลาน   ซึ่งบางครั้งเราก็นึกไม่ถึงจริงๆ  เหมือนกับเรื่องที่ตัวเองเจอมา   เราก็มักระวังเด็กเรื่องการเดินขึ้น/ลงบันไดเลื่อน แต่ไม่ได้นึกถึงเรื่องเกาะราวบันไดเลื่อนแล้วตัวลูกก็ตามราวบันไดห้อยต่องแต่งๆ ขึ้นไปกลางอากาศ

และขณะที่มานั่งพิมพ์อยู่นี้  ก็ยังย้อนนึกว่า   ช่วง 1 - 2 นาที ที่เกิดเรื่องนั้น    คนเราก็คิดอะไรได้ยืดยาวเหมือนกัน   

เหตุการณ์วันนั้นทำให้รู้ว่า    เวลานิดเดียวที่ว่านั้น  มันมีค่าจริงๆ ถ้าเราสามารถเรียงลำดับการคิด ... ให้ออกมาเป็นการกระทำได้   

เพราะในบางเรื่องเราไม่สามารถกำหนดเวลา   หรือขอเวลาตามที่เราต้องการได้      แต่เราต้องคิด  หรือทำภายในระยะเวลาเท่าที่ ... มีให้เท่านั้น

สุดท้ายต้องขอบคุณ  " คุณตา-คุณยาย "   ที่สอนให้แม่คิด    หัดให้แม่ตัดสินใจด้วยตัวเองมาตลอด      ในวันนี้แม่จึงพอจะมีทักษะในการคิด   การเรียงลำดับความคิด   และการตัดสินใจ

วันอาทิตย์ที่   23  มีนาคม  2551  :  03.15  น.

 

สไปเดอร์แมนชุดแดงนี่แหละค่ะ .. เจ้าของวีรกรรม

หมายเลขบันทึก: 278563เขียนเมื่อ 20 กรกฎาคม 2009 23:47 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 21:07 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท