สูตรแห่งความสุข.


สุดท้ายที่สำคัญที่สุด..ส่งบทความต่อไปให้คนที่คุณรักและห่วงหาอาทรด้วย

 

สูตรแห่งความสุข...ตำราชีวิตประจำวัน By สุทธิชัย หยุ่น

พรรคพวกส่งจดหมายเวียนผ่านอีเมล์มาให้...บอกว่าเป็น สูตรแห่งชีวิตประจำวัน
 ที่ควรจะส่งต่อไปให้คนที่เรารักห่วงใยและต้องการให้เขาหรือเธอมีความสุขทั้งกายและใจ...
ทำนองเดียวกันที่ชาวชีวจิตมีความห่วงหาอาทรต่อกันอย่างไม่ลดละ เพื่อนเรียกสูตรนี้ว่าเป็น Lifebook หรือเป็น ตำราแห่งชีวิต ซึ่งผมคิดว่าเหมาะเจาะกับเนื้อหา และคำแนะนำที่น่าสนใจยิ่ง ทั้งง่ายและตรงไปตรงมาใครจะทำก็ได้ไม่ทำก็ได้ เป็นสิทธิส่วนบุคคลไม่บังคับยัดเยียดกันไม่ต่อว่าต่อขานกันแต่ถ้าหากมีความมุ่งมั่นจะทำอะไร
ให้กับชีวิตของตนเองก็ถือว่าเป็นเรื่องน่าส่งเสริมสนับสนุน สมควรที่จะให้กำลังใจแก่กันและกันอย่างยิ่ง 
สูตรที่ว่านี้มีง่าย ๆ อย่างนี้
    ๑.   ดื่มน้ำให้มาก    
    ๒.   กินอาหารเช้าเหมือนราชารับประทานอาหารเที่ยงเหมือนเจ้าชายและ
เมื่อถึงอาหารเย็น ให้วาดภาพว่าตัวเองเป็นแค่ขอทาน  (แปลว่ากินมื้อหนักที่สุดตอนเช้าและกลาง ๆ ตอนเที่ยง และตกเย็นแล้วทำตัวเป็นยาจกไม่มีอะไรจะกิน...สุขภาพจะเป็นอย่างเทวดาทีเดียวเชียวแหละ)
      ๓.  กินอาหารที่โตบนต้นและบนดินพยายามหลีกเลี่ยงอาหารที่ผลิตจากโรงงาน
      ๔.  ใช้ชีวิตบนหลักการ 3 E...นั่นคือ 
       energy หรือพลังงาน,
            enthusiasm หรือกระตือรือร้น และ 
       empathy คือเอาใจเขามาใส่ใจเราให้มาก ๆ
      ๕.  หาเวลาทำสมาธิหรือสวดมนต์เสมอ
      ๖.   เล่นเกมสนุก ๆ เสียบ้างอย่าเครียดกันนักเลย
      ๗.  อ่านหนังสือให้มากขึ้น...ตั้งเป้าว่าปีนี้จะอ่านมากกว่าปีที่ผ่านมา
      ๘.  นั่งเงียบ ๆ อยู่กับตัวเองสักวันละ 10 นาทีให้ได้
      ๙.   นอนวันละ 7 ชั่วโมง
     ๑๐.  เดินสักวันละ 10 ถึง 30 นาทีแล้วแต่จะสะดวกไม่ต้องเครียดกับมันวันไหนไม่ได้เดิน, ก็อย่าหงุดหงิดกับมัน
     ๑๑.  ระหว่างเดินอย่าลืมยิ้ม
นั่นเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับสุขภาพกายและใจที่ผสมปนเปกันได้เสมอหากทำเป็นกิจวัตรชีวิตก็จะแจ่มใส,แต่อย่าทำให้ตัวเองเครียดด้วยการรู้สึกผิดถ้าหากวันไหนทำไม่ได้ตามที่วางกำหนดเวลาของตนเอาไว้ วันนี้ทำไม่ได้พรุ่งนี้ทำก็ได้ แต่การไม่เอาจริงเอาจังกับตัวเองเกินไปไม่ได้หมายถึงการผัดวันประกันพรุ่งซึ่งเป็นคนละเรื่องกัน  
สูตรเกี่ยวกับบุคลิกของตัวเองที่ควรไปจะคู่กับสูตรสุขภาพมีอย่างนี้ครับ
     ๑. อย่าเปรียบเทียบชีวิตของตัวเองกับคนอื่น คุณไม่รู้หรอกว่าคนที่คุณอิจฉานั้นเขามีความทุกข์ยิ่งกว่าคุณอย่างไรบ้าง
     ๒. อย่าคิดทางลบเกี่ยวกับเรื่องที่คุณควบคุมหรือกำหนดไม่ได้ แทนที่จะมองโลกในแง่ร้ายก็ทุ่มเทกำลังและพลังงานให้กับความคิดทางบวก ณ ปัจจุบันเสีย
      ๓.  อย่าทำอะไรเกินกว่าที่ตัวเองทำได้...รู้ว่าขีดจำกัดของตัวเองอยู่ที่ไหน
      ๔.  อย่าเอาจริงเอาจังกับตัวเองนัก เพราะคนอื่นเขาไม่ได้ซีเรียสกับคุณเท่าไหร่หรอก
      ๕.  อย่าเสียเวลาและพลังงานอันมีค่าของคุณกับเรื่องหยุมหยิมหรือเรื่องซุบซิบ....นอกเสียจากว่ามันจะทำให้คุณผ่อนคลายได้อย่างจริงจัง
      ๖.  จงฝันตอนตื่นมากกว่าตอนหลับ
      ๗. ความรู้สึกอิจฉาริษยาเป็นเรื่องเสียเวลาเปล่า ๆ ปลี้ ๆ...คิดให้ดีก็จะรู้ว่าคุณมีทุกอย่างที่คุณจำเป็นต้องมีแล้ว
      ๘. ลืมเรื่องขัดแย้งในอดีตเสีย และอย่าได้เตือนสามีหรือภรรยาคุณเกี่ยวกับความผิดพลาดในอดีตของอีกฝ่ายหนึ่งเลย เพราะมันจะทำลายความสุขปัจจุบันของคุณ
      ๙.  ชีวิตนี้สั้นเกินกว่าที่เราจะไปโกรธเกลียดใคร...จงอย่าเกลียดคนอื่น
      ๑๐.ประกาศสงบศึกกับอดีตให้สิ้นจะได้ไม่ทำลายปัจจุบันของคุณ
      ๑๑.ไม่มีใครกำหนดความสุขของคุณได้นอกจากคุณเอง
      ๑๒.จงเข้าใจเสียว่าชีวิตก็คือโรงเรียน คุณมาเพื่อเรียนรู้ และปัญหาเป็นเพียงส่วนหนึ่งของหลักสูตร ซึ่งมาแล้วก็หายไป...เหมือนโจทย์วิชาพีชคณิต...แต่สิ่งที่คุณเรียนรู้นั้นอยู่กับคุณตลอดชีวิต
      ๑๓. จงยิ้มและหัวเราะมากขึ้น
      ๑๔. คุณไม่จำเป็นต้องชนะทุกครั้งที่ถกแถลงกับคนอื่นหรอก...บางครั้งก็ยอมรับว่าเราเห็นแตกต่างกันได้...เห็นพ้องที่จะเห็นต่างก็ไม่เห็นเสียหายแต่อย่างไร
แล้วเราควรจะมีทัศนคติอย่างไรต่อชุมชนและคนรอบข้างเราล่ะ?
      ๑. อย่าลืมโทรฯหาครอบครัวบ่อย ๆ
      ๒. จงหาอะไรดี ๆ ให้คนอื่นทุกวัน
      ๓. จงให้อภัยทุกคนสำหรับทุกอย่าง
      ๔. จงหาเวลาอยู่กับคนอายุเกิน 70 และต่ำกว่า 6 ขวบ
      ๕. พยายามทำให้อย่างน้อย 3 คนยิ้มได้ทุกวัน
      ๖. คนอื่นเขาคิดอย่างไรกับคุณไม่ใช่เรื่องของคุณสัก  หน่อย
      ๗. งานของคุณไม่ดูแลคุณตอนคุณป่วยหรอก แต่ครอบครัวและเพื่อนคุณต่างหากเล่าที่จะดูแลคุณในยามคุณมีปัญหาสุขภาพ ดังนั้นอย่าได้ห่างเหินกับคนใกล้ชิดเป็นอันขาด 
และถ้าหากสามารถดำรงชีวิตให้มีความหมายได้ก็ควรจะทำดังต่อไปนี้
       ๑. ทำสิ่งที่ควรทำ
       ๒. อะไรที่ไม่เป็นประโยชน์ไม่สวยไม่น่ารื่นรมย์จงทิ้งไปเสีย...เก็บไว้ทำไม?
       ๓. เวลาและพระเจ้าย่อมรักษาแผลทุกอย่างได้
       ๔. ไม่ว่าสถานการณ์จะดีหรือเลวปานใดเดี๋ยวมันก็เปลี่ยน
       ๕. ไม่ว่าคุณจะรู้สึกอย่างไรในตอนเช้าของทุกวันจงลุกจากเตียงแต่งตัวและ ปรากฎตัวต่อหน้าคนที่เราร่วมงานด้วย...get up, dress up and show up.
       ๖. สิ่งที่ดีที่สุดยังมาไม่ถึง
        ถ้าคุณยังลุกขึ้นตอนเช้าได้อย่าลืมขอบคุณพระเจ้า  หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่คุณนับถือเสียด้วย
       ๘. เชื่อเถอะว่าส่วนลึก ๆ ในใจของคุณนั้นมีความสุขเสมอ...ดังนั้นส่วนนอกของคุณทุกข์โศกไปทำไมเล่า?
และสุดท้ายที่สำคัญที่สุด
ส่งบทความต่อไปให้คนที่คุณรักและห่วงหาอาทรด้วย

ขอบคุณ ผอ.ณภัทร  วิทยาทันต์   ที่ส่งบทความดี ๆ มาให้เผยแพร่ต่อ


คำสำคัญ (Tags): #คนเขียนฝัน
หมายเลขบันทึก: 276325เขียนเมื่อ 14 กรกฎาคม 2009 10:04 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 07:56 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท