กรณีศึกษา SMEs “การเพิ่มรายได้โดยไม่เกี่ยวข้องกับยอดขาย”
ในปัจจุบันทุก ๆ องค์กรล้วนแล้วแต่มีปัญหาต้องเผชิญกับสภาวะเศรษฐกิจไม่เอื้ออำนวยให้สามารถที่จะตั้งเป้าหมายสูง ๆ หรือเพิ่มขึ้นจากในปีที่แล้วได้ และหลาย ๆ องค์กรต้องประสบสภาวะขาดทุนจนอาจจะต้องเลิกกิจการ โดยเฉพาะธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ผู้เขียนจึงต้องการเสนอแนะแนวความคิดที่จะพลิกแก้ไข หรือหากลยุทธ์ที่จะช่วยแก้ไขหรือป้องกันไม่ให้เกิดสภาวะถึงกับวิกฤต และสามารถประคองธุรกิจให้สามารถดำเนินต่อไปได้ สำหรับกลยุทธ์ที่จะนำเสนอนั้นจะไม่ได้เกี่ยวข้องโดยตรงกับยอดขายแต่เกี่ยวข้องกับส่วนอื่น ๆ ที่บางคนอาจจะมองข้าม และเป็นกลยุทธ์ที่หน่วยงานใหญ่ ๆ มักนำมาใช้เพื่อแก้ไขสภาวะวิกฤตได้ผลเป็นอย่างดี โดยที่ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมต้องนำมาประยุกต์ใช้จะได้สอดคล้องและได้ผลจริง ๆ
กลยุทธ์ของการจัดซื้อธุรกิจที่ต้องมีการจัดซื้อสินค้าหรือวัตถุดิบอยู่ตลอดเวลา เพื่อใช้เป็นสินค้าเพื่อขาย หรือใช้เป็นวัตถุดิบเพื่อการผลิต ขอให้ท่านทั้งหลายได้ตระหนักอย่างมาก ๆ ว่าเราต้องมีการแก้ไข หรือมีการปรับปรุงวิธีการจัดซื้อเช่น ไม่จำเป็นต้องซื้อครั้งละมาก ๆ หรือขบวนการจัดซื้อใหม่ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นเช่น การเสาะหาแหล่งวัตถุดิบใหม่ ๆ เพิ่มเติมเพื่อมาเปรียบเทียบและสามารถที่จะทำให้ต้นทุนต่ำลง หรือได้รับของที่มีคุณภาพมากขึ้น ส่งผลให้สามารถช่วยลดค่าใช้จ่ายต้นทุนสินค้าได้ โดยที่ไม่ทำให้คุณภาพสินค้าลดลง อุปสรรค ที่มีสำหรับกลยุทธ์นี้ก็คือ ความคุ้นเคยกับแหล่งวัตถุดิบเดิม หรือแหล่งสินค้าเดิม อาจทำให้เกิดความเกรงใจเกิดขึ้นซึ่งเป็นอุปสรรคในการเปลี่ยนแปลงหรือปรับปรุง แต่เพื่อความอยู่รอดของเราเป็นสิ่งที่จำเป็นต้องทำ แต่เราอาจจะให้โอกาสแหล่งเดิมปรับปรุง หรือ เปลี่ยนแปลงก่อนรายใหม่ ถ้าเขาทำไม่ได้เราก็จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องเปลี่ยนแปลง นี่คือสิ่งที่เราให้ได้สำหรับความสัมพันธ์ที่ดีและมีมานาน
กลยุทธ์การป้องกันและการลดการทุจริตในองค์กร เรื่องนี้อาจจะเกิดขึ้นได้ในทุก ๆ องค์กรไม่ว่าจะเป็นขนาดใหญ่ หรือขนาดกลางและขนาดย่อม สิ่งที่มีผลอย่างมากสำหรับองค์กรก็คือ ทุก ๆ องค์กรที่มีข่าวมาในอดีตว่ามีการทุจริต ท่านจะสังเกตได้อย่างชัดเจนว่าถ้าเป็นธุรกิจก็ต้องเลิกกิจการ หรือเจ๊ง แต่ถ้าเป็นหน่วยงานรัฐก็ส่วนใหญ่ต้องได้รับการช่วยเหลือจุนเจือจากภาครัฐถึงจะอยู่ได้ และท่านจะเห็นได้จากหน่วยงานภาครัฐที่มีการขาดทุนอย่างล้นหลามทั้ง ๆ ที่ทำธุรกิจผูกขาด หรือถ้าทำธุรกิจการเงินที่เจ๊งไปแล้วมากมายก็สามารถคาดเดาได้ ดังนั้นถ้ามีการตรวจสอบอย่างละเอียด หรือมีวิธีการป้องกัน หรือมีขบวนการที่ใช้ป้องกัน หรือมีเครื่องมือมาเป็นตัวช่วยเพื่อลดการกระทำอันเป็นการทุจริตเช่น ในปัจจุบันซึ่งเป็นยุคของ IT ก็มีการคิดค้น S/W เพื่อนำมาใช้ตรวจสอบและป้องกันการทุจริต หลายหน่วยงานใหญ่ได้จัดตั้งเป็นฝ่ายป้องกันการทุจริต ขึ้นมาและสามารถสร้างผลงานได้อย่างชัดเจนและวัดได้ มีคำพูดที่ว่า “ถ้าป้องกันการทุจริตได้ 100 บาทจะถือเป็นกำไรได้ทั้ง 100 บาท แต่ถ้าเป็นยอดขาย 100 บาทอาจจะมีกำไรสุทธิเพียง 5 บาทเท่านั้น”
กลยุทธ์ Business Intelligence ( การคิดอย่างอัจฉริยะเชิงธุรกิจ )
ในปัจจุบันมีการนำการคิดเชิงรุกที่เรียกเป็นภาษาอังกฤษว่า BI โดยหลักการก็คือการนำตัวเลขต่าง ๆ ที่มีสาระสำคัญช่วยให้เราสามารถคิดค้นกลยุทธ์ หรือการตัดสินใจที่สามารถทำให้เราได้รับผลที่ดี ประสบความสำเร็จ เช่น ธนาคารแห่งหนึ่งในอดีตสักสิบปีที่แล้ว มีตัวเลขที่บ่งบอกว่าลูกค้าที่ถือบัตรเครดิตอยู่จำนวนมากใช้กดเงินสดอย่างเดียว ไม่ได้ใช้ซื้อของ และเป็นกลุ่มลูกค้าที่สร้างรายได้สูงมากให้ธนาคาร แต่สมัยนั้นยังไม่มีการนำการคิดแบบ BI มาใช้ผลที่ตามมาก็คือ ลูกค้าไม่สามารถจ่ายกลับคืนเมื่อถึงเวลาต้องชำระได้ ทำให้เกิดเป็นหนี้เสีย และกลายเป็นหนี้สูญในที่สุด ผลเสียอย่างมากมายในอดีตจนทำให้สถาบันการเงินหลาย ๆ แห่งเกิดปัญหาวิกฤตเกิดขึ้น และเหตุการณ์นี้ก็เกิดขึ้นอีกเมื่อห้าที่แล้ว แต่ครั้งนี้มีธนาคารหนึ่งสามารถนำตัวเลขลูกหนี้บัตรเครดิต และตัวเลขอื่น ๆ มาประมวลเป็นกลยุทธ์ที่ใช้แก้ปัญหาดังนี้ คือรีบนำเสนอเปลี่ยนรูปแบบเสนอลูกค้าที่กดเงินสดเป็นหลักให้สามารถเปลี่ยนวงเงินบัตรเครดิตให้เป็นวงเงินกู้ระยะยาว 5 ปีและผ่อนชำระในตัวเลขที่ลูกค้าสามารถรับได้ซึ่งลดลงอย่างมาก ๆ ผลที่ตามมาก็คือลูกค้าก็เป็นลูกค้าที่ดีอยู่แต่เปลี่ยนจากระยะสั้นเป็นลูกค้าระยะยาว และเขาสามารถนำวงเงินจากต้นทุนที่ต่ำลง(เพราะเป็นเงินกู้ระยะยาว) มาเป็นต้นทุนใหม่สำหรับลูกค้าทำให้ต้นทุนของธนาคารต่ำลงด้วย ทางธนาคารสามารถรักษาลูกค้าไว้ได้ และยังคงเป็นลูกค้าที่ทำรายได้ที่ดีให้กับธนาคาร ป้องกันไม่ให้เกิดหนี้เสีย และหนี้สูญอีกด้วย
ยังมีอีกหลาย ๆ กลยุทธ์ที่เราสามารถนำมาใช้เพื่อบริหารธุรกิจในยามวิกฤต “ข้าวยากหมากแพง” ได้ถ้าเราจะพยายามคิด พยายามหาแนวทางที่ดี ความคิดใหม่ ๆ ความคิดสร้างสรรค์ นำมาประยุกต์ใช้เพื่อปรับปรุงองค์กร ปรับปรุงวิธีทำงาน ปรับปรุงขบวนการทำงาน เพื่อเสริมสร้างประสิทธิภาพ เพื่อลบจุดอ่อนต่าง ๆ เพื่อเสริมจุดแข็งให้องค์กรมากยิ่งขึ้น แนวทางต่าง ๆ เหล่านี้จะเป็นตัวช่วย และจะเป็นแนวทางที่ดีเพื่อใช้แก้ไขปัญหาต่าง ๆ ได้ ขอจงอย่ายอมแพ้ อย่าท้อถอย สสว.ขอเป็นส่วนหนึ่งที่จะคอยให้กำลังใจ และคอยเป็นที่ปรึกษาสำหรับผู้ประกอบการ ติดต่อเราได้ที่เบอร์ 0-2278-8800 ต่อ 400
ธนพล ก่อฐานะ
ที่ปรึกษา SMEs ด้านการบริหารจัดการธุรกิจ
ฝ่ายประสานและบริการ SMEs
สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม